- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 July 2015 00:09
- Hits: 1183
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET กำลังจะเริ่มดีดขึ้น ดังนั้นเทรดดิ้งรอทำกำไรช่วงบวก
กลยุทธ์ : SET เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุน หลังปรับตัวลงลึกมากแล้ว ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีลุ้นจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นไปแกว่งตัวด้านบวกได้ในช่วงถัดจากนี้ ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบทั้งเทรดดิ้งและถือลงทุนระยะกลางไปแล้วแนะนำให้เน้นถือ โดยเทรดดิ้งสามารถดูจังหวะขายทำกำไรลดความเสี่ยงจากการผันผวนได้ เพื่อรอดูผลประชุมเฟดคืนนี้อีกครั้ง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AAV, ERW, IVL(buy back)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นไทยวานนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยพยุงไว้ได้เกือบทั้งวัน ทำให้มีลักษณะแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในช่วงบ่ายจะมีแรงขายออกมากดดันมากขึ้น จนทำให้ดัชนีไหลลงไปทำจุดต่ำสุดของรอบใหม่อีกครั้งที่บริเวณ 1401.13 จุด แต่ก็ยังมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ค่อนข้างเร็ว ขณะที่เช้านี้ยังได้รับแรงบวกจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดได้ค่อนข้างดีเมื่อคืนนี้ โดยตลาดหุ้นยุโรปขานรับข่าวการซื้อและควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงแรงต่อเนื่องมาถึง 5 วันทำการ และผลประกอบการของบริษัทเอกชนในสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่เปิดบวกด้วยเช่นกัน ดังนั้น FSS จึงยังคงคาดหมายว่า SET มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่รอบรีบาวด์ขึ้นได้ตามคาด หลังราคาหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวลงมาอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำมากแล้ว จึงน่าจะสามารถดึงดูดให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยหนุนตลาดได้ โดยหลังจากเราแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อในช่วงลบไปแล้ว ถัดจากนี้น่าเน้นถือไว้ก่อน เพื่อรอรอบรีบาวด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
แนวรับ 1405-1400 , 1396 จุด
แนวต้าน 1416-1422 , 1426-1430 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากทุกตลาดในภูมิภาครวม US$317 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$103 ล้าน เกาหลีใต้ US$90 ล& 63243;าน และกลุ่ม TIP US$120 ล้าน โดยไหลออกไทยมากที่สุดในกลุ่ม US$52 ล& 63243;าน ตลาดวิตกผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งอาจได้รับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงความกังวลต่อการดิ่งลงอย่างแรงของตลาดหุ้นจีน แนวโน้มกระแสเงินน่าจะไหลออก และค่าเงินภูมิภาคแนวโน้มอ่อนค่ารอผลการประชุม Fed คืนนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ลุ้นรีบาวนด์ต่อ ที่ระดับ SET 1408 จุดคิดเป็น Forward PE 15 เท่า ลดลงจาก 17.5 เท่าในช่วงต้นปี ถือว่ารับข่าวร้ายไปมากแล้ว แม้จะคาดหวังกับเศรษฐกิจในปีนี้ไม่ได้แต่แนวโน้มในปีหน้าน่าจะดีขึ้น เน้นกลุ่มรับเหมา (ก่อนหน้านี้ปรับลงแรง), สื่อสาร (ปันผลสูง), ไฟแนนซ์ (ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยต่ำ), ท่องเที่ยว และอิเล็กทรอนิคส์ (บาทอ่อน) เลี่ยงกลุ่มเกษตร
(-) SAT ที่ประชุมนักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นลบกับกำไรสุทธิ 2Q15 ที่คาดลดลงแรง 66% Q-Q และ 49% Y-Y เพราะเป็น Low Season และเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านโมเดลรถกระบะตัวใหม่ของโตโยต้าจากวีโก้เป็นรีโว่ ซึ่งกระทบยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่หดตัวเพราะกำลังการผลิตบางส่วนผลิตต่ำกว่าจุดคุ้มทุน แต่เชื่อว่ากำไรจะฟื้นตัวอีกครั้งใน 2H15 จากคำสั่งผลิตชิ้นส่วนกระบะรีโว่ที่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ ก.ค. การผลิตชิ้นส่วนให้คูโบต้าเพื่อขายใน CLMV และเริ่มรับรู้รายได้ชิ้นส่วนรถบรรทุกฮีโน่ตั้งแต่ ธ.ค. นี้ เรามีแนวโน้มปรับลดกำไรปีนี้ให้เหลือประมาณ 640 ล้านบาททรงตัวเท่าปีก่อน แต่ราคาหุ้นปรับลงกว่า 10% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาทำให้ PE เหลือ 11 เท่าแนะนำรอซื้ออ่อนตัวหลังประกาศงบ 15 ส.ค. นี้ ราคาเป้าหมายอาจถูกปรับเหลือ 19.50-22.50 บาท
(-) BDMS กำไร 2Q15 มีแนวโน้มลดลงแรง 30% Q-Q และเติบโตเพียง 5% Y-Y ที่ระดับ 1.5 - 1.6 พันล้านบาท เพราะ ร.พ.ใหม่ที่เปิดในช่วงปีที่ผ่านมายังมี EBITDA และผลประกอบการติดลบ และค่าใช้จ่ายบางส่วนนำไปหักภาษีไม่ได้ การฟื้นตัวใน 2H15 ยังไม่ดีนักเพราะร.พ.ขนาดกลาง-ล่างในต่างจังหวัดยังถูกดดันจากกำลังซื้อที่ชะลอ เรามีโอกาสปรับประมาณการและราคาเป้าหมายปีนี้ลงจากปัจจุบัน 20.50 บาท แนะนำรอซื้ออ่อนตัว
(0) DCC รายงานกำไรสุทธิ 367 ล้านบาทใน 2Q15 แม้ลดลง 4% Q-Q แต่เพราะ low season บริษัทมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มเป็น 43.3% สูงที่สุดในรอบ 2 ปี จากราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญ ปรับลงตามราคาน้ำมันดิบ (แต่ช้ากว่า) การใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น การปรับ Product mix เพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มี value added มากขึ้น และคุมรายจ่าย ทำให้กำไรปกติ 1H15 โต 11% Y-Y คิดเป็น 52% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดโต 19% Y-Y แม้ผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วแต่สินค้ายังถูกกระทบจากการบริโภคที่ชะลอโดยเฉพาะจากตลาดกลาง-ล่างซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท ราคาหุ้นเต็มมูลค่าที่ 3.50 บาท แต่ด้วย Dividend yield 6% ต่อปี จึงแนะนำถือรับปันผล
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกมาปิดบวกได้เป็นครั้งแรกหลังร่วงลง 5 วันติดต่อกันจากราคาน้ำมันและตลาดหุ้นจีนที่รีบาวด์กลับขึ้นมาได้บ้างช่วยลดความกังวลของนักลงทุน
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้เช่นกัน โดยนักลงทุนให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรวมถึงการประชุม FED ที่เริ่มขึ้น
(+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังปรับตัวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นรวมถึงราคา Commodity ที่เริ่มทรงตัวได้
(0) ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 34.79-34.93 บาท/
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ปิดที่ 47.98 เหรียญ/บาร์เรล ขยับขึ้น 0.59 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามเช้านี้เริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งโดยนักลงทุนยังกังวลปัจจัยอุปทานที่ล้นตลาดซึ่งบดบังอุปสงค์น้ำมันที่มากกว่าคาดของสหรัฐฯและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 1,096.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ขยับลง 0.20 เหรียญ/ออนซ์ โดยนักลงทุนจับตาดูผลการประชุม FED ในสัปดาห์นี้ว่าจะมีท่าทีอย่างไรเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28-29 ก.ค.
- สหรัฐ: FOMC ประชุม
30 ก.ค.
- สหรัฐ: 2Q15 GDP (คาดการณ์ครั้งที่ 1)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (ก.ค.)
31 ก.ค.
- ไทย:ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.
- ไต้หวัน: 2Q15 GDP
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
1 ส.ค.
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI(ก.ค.)
3 ส.ค.
- ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
- สหรัฐ:Personal Income, Personal Spending (มิ.ย.)
4 ส.ค.
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA)ประชุม
- อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI)ประชุม
5 ส.ค.
- ไทย: กนง.ประชุม
- อินโดนีเซีย: 2Q15 GDP
- สหรัฐ:การจ้างงานภาคเอกชน (ADP Report) (ก.ค.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (ก.ค.),ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
6 ส.ค.
- ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research