- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 July 2015 15:44
- Hits: 1953
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1400-1408 แนวต้าน 1420
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1412.55 จุด ลดลง 25.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,260 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อเนื่องหลังจากหลุดแนวรับที่ 1440 จุดลงไป ในขณะที่โครงสร้างแนวโน้มขาลงมีแนวรับที่ 1400-1408 จุด
Daily : ปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรง พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างที่บริเวณแนวรับ 1440 จุด แต่ยังไม่มีแรงซื้อกลับเข้ามา เมื่อพิจารณาโครงสร้างแนวโน้มขาลงของ SET Index ที่มีแนวรับที่ 1400-1408 จุด การปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค และมีจุดต่ำสุดเดิมของการปรับฐานที่ 1375 จุด
กลยุทธ์ : SET Index ยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 1408 และ 1400 จุด แต่เราคาดว่า การปรับตัวลดลงในระยะสั้นไปทดสอบ 1400-1408 จุดมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น แต่มีแนวต้านที่ 1420 และ 1440 จุด
Asia Fund Flow : 27 กรกฎาคม 2558
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซื้อสุทธิ 22 ล้านเหรียญ (28 ก.ค.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ขายสุทธิ 89 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 43 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 27 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ขายสุทธิ 43 ล้านเหรียญ
Most Active Value : แนวรับ แนวต้าน
ADVANC แนวรับสำคัญ 240 เป็นจังหวะซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 250 242 / 240 245 / 247
KBANK แนวโน้มลงทดสอบ 170 แนวต้าน 180 174 / 172 178 / 180
TRUE สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 10.00 10.50 / 10.20 10.80 / 11.00
JAS แนวรับสำคัญ 4.90 ถ้าหลุดเป็นสัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 4.50 และ 4.30 4.90** / 4.70 5.00 / 5.05
PTT แนวโน้มลงทดสอบ 300-304 แนวต้าน 320 310 / 307 315 / 317
DAII แนวรับสำคัญ 6.80 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 6.00 แนวต้าน 7.20 และ 7.50 6.80 / 6.50 7.00 / 7.20
TPIPL แนวโน้มลงทดสอบ 2.00 และ 1.80 แนวต้าน 2.20-2.24 2.10 / 2.00 2.20 / 2.24
PTTGC สัญญาณขายต่อเนื่องหลังหลุดแนวรับที่ 60.00 แนวโน้มลงทดสอบ 55.00 58.00 / 57.00 60.00 / 60.50
SCC แนวโน้มลงทดสอบ 500 และ 494 500 / 494 508 / 510
INTUCH ซื้อที่แนวรับ 79.00 และ 78.00 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 83.00 และ 84.00 79.50 / 79.00 80.50 / 81.00
Nusasiri (NUSA TB; THB 0.81) - ซื้อ
แนวต้าน : 0.86 และ 0.94
แนวรับ : 0.80 และ 0.78
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมแล้วสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้
MACD เคลื่อนไหวออกด้านข้างที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ NUSA โดยมีแนวรับที่ 0.80 และ 0.78 และมีแนวต้านที่ 0.86 และ 0.94 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.77 ลงไป
TV Thunder (TVT TB; THB 2.52) - ซื้อ
แนวต้าน : 2.80 และ 3.00
แนวรับ : 2.50 และ 2.44
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูงมาก ซึ่งเราคาดว่า ราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบระดับ 61.80%
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ TVT โดยมีแนวรับที่ 2.50 และ 2.44 และมีแนวต้านที่ 2.80 และ 3.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.34 ลงไป
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ซึมลงทดสอบแนวรับสำคัญ 1400 จุด
เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องอีก 25.53 จุดหรือ -1.78% ปิดที่ 1,412.55 จุด ทำระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน และเป็นการปรับลดลงมาต่อเนื่องกว่า 105 จุดหรือ -6.9% จากระดับ 1,518.03 จุด ณ ปลายเดือนมิ.ย. และหากนับจากต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 5.66% (ในรูปของสกุลเงินบาท) แย่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซียที่ -10.86% ในขณะที่หากพิจารณาในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะพบว่าตลาดหุ้นไทยก็ยังคงเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย โดย -10.97% (รวมการอ่อนค่าของสกุลเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ) ในขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียก็ยังคงเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวแย่สุดเป็นอันดับ 1 โดย -15.86% รองมาด้วยตลาดหุ้นลาว -8.08% ในขณะที่ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นดีที่สุดในเอเชียเป็นตลาดหุ้นจีน (Shanghai composite) +15.12% ตามมาด้วยตลาดหุ้นเวียดนาม +14.4% และตลาดหุ้นญี่ปุ่น +12.18%
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นได้รับปัจจัยลบหลายประเด็นทั้งปัจจัยภายนอก 1) ความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดที่จะมีการประชุมกันในวันที่ 28-29 ก.ค. นี้ 2) การปรับตัวลดลงแรงของตลาดหุ้นจีนกว่า 8.48% ซึ่งเป็นการปรับลดลงแรงที่สุดในรอบ 8 ปี จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวหลังมีรายงานผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนลดลง 0.3% yoy ในเดือนมิ.ย. จากที่ขยายตัว 0.6% ในเดือนพ.ค. และปัจจัยภายในประเทศอย่าง 1) ตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย. ที่ออกมา -7.87% มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะ -4.60% และแย่กว่าเดือนก่อนหน้าที่ -5.0% ซึ่งถือเป็นการติดลบ 6 เดือนติดต่อกัน 2) ความล่าช้าในการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเมื่อวานนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีจะมีความชัดเจนภายในเดือน ก.ย.นี้หรืออาจเร็วกว่านั้น ซึ่งเป็นการปรับเพื่อความเหมาะสมเมื่อรัฐบาลทำงานมาครบ 1 ปี ไม่ใช่เพราะรัฐมนตรีคนได้ทำความผิดหรือสังคมกดดัน
สำหรับตัวเลขการส่งออกเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์ เผยว่าภาวะส่งออกในเดือน มิ.ย.58 ยังหดตัวถึง 7.87% คิดเป็นมูลค่า 18,162 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่นำเข้าเดือน มิ.ย.ติดลบ 0.21% มูลค่า 18,012 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ 6 เดือนแรกปี 58 ส่งออกติดลบ 4.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มูลค่า 106,856 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่นำเข้า ติดลบ 7.91% มูลค่า 103,383 ล้านเหรียญสหรัฐ ดุลการค้า 6 เดือนแรก เกินดุล 3,473 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยปัจจัยที่มีผลกระทบให้การส่งออกของไทยหดตัวมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 58 มาจากปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ ซึ่งได้แก่ 1) ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันที่ชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐ, สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จึงทำให้การนำข้าวของเกือบทุกประเทศทั่วโลกยังคงหดตัว 2) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อมูลค่าส่งออกสินค้าที่ต่อเนื่องกับน้ำมัน เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก 3) ราคาสินค้าเกษตรโลกปรับตัวลดลงมาก ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรลดลง โดยเฉพาะยางพารา และน้ำตาลทราย 4) การแข็งค่าของเงินบาทและการลดลงของค่าเงินในประเทศผู้ผลิตสำคัญ ส่งผลต่อราคาส่งออกสินค้าไทยและราคาสินค้าสำคัญในตลาดโลก และ 5) การหดตัวของการส่งออกสินค้ากลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะยังคงเป้าหมายการส่งออกเติบโต 1.2% ในปีนี้ จากความหวังค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมากในช่วงนี้จะช่วยหนุนการส่งออกในครึ่งปีหลัง แต่เราประเมินว่าภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจะทำให้ตัวเลขการส่งออกทั้งปีมีโอกาสพลาดเป้าได้สูง
เราประเมินว่าทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้ยังคงขึ้นกับ 2 ปัจจัยหลักคือ 1) ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 28-29 ก.ค. นี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนในช่วงเวลาใด และ 2) ความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับลดลงหนัก โดยหากเฟดมีความชัดเจนว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้าในเดือนก.ย. เราคาดว่าตลาดจะมีการปรับฐานอีกไม่มาก โดยมองระดับ 1,400 จุดเป็นแนวรับสำคัญที่คาดว่าน่าจะตอบรับกับประเด็นดังกล่าวได้ ในขณะที่หากเฟดส่งสัญญาณปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เราเชื่อว่าตลาดจะมีการรีบาวน์กลับในระยะสั้นได้แต่ก็คงไปได้ไม่เกิน 1,450 จุดเนื่องจากภาพเศรษฐกิจในประเทศยังคงชะลอตัว ในขณะที่การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นจีนในรอบนี้หากมีแรงขายออกมาต่อเนื่องเหมือนช่วงกลางเดือนมิ.ย. ที่ตลาดปรับลดลงกว่า 30% ในช่วง 3 สัปดาห์ก็คาดว่าจะฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับลดลงตามจากความกังวลฟองสบู่ในตลาดหุ้นจีนแตกได้ ซึ่งประเด็นนี้อาจทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,400 จุดได้ แต่หากตลาดหุ้นจีนมีการฟื้นตัวได้ก็คาดว่า downside ของตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ 1,400 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ยังเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีผลกำไรไม่เหวี่ยงไหวตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากนัก บวกกับหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง (เนื่องจากคาดว่าการประชุมกนง. ในวันที่ 5 ส.ค. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เป็น 1.25%) โดยหุ้นที่เราแนะนำประกอบไปด้วย ADVANC BTS INTUCH JASIF TRUEIF วันนี้เราให้แนวรับที่ 1400-1405 และแนวต้านที่ 1415-1420 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,410.22 จุด ลดลง 2.33 จุด (-0.16%) มูลค่าการซื้อขาย 20,363.51 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นจีนวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน บ้านเราเช้านี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ปรับลดประมาณการ GDP ของไทยในปี 58 เหลือ 3% (จากเดิมที่คาดไว้ 3.7%) ขณะที่คาดว่าส่งออกไทยปีนี้จะหดตัว 4% (จากเดิมที่คาดว่าจะโต 0.2%)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย คาดยังไม่สดใส แม้ช่วงเช้า SET จะมีรีบาวน์แถว 1405 จุด แต่การขึ้นยังอยู่ในกรอบจำกัด โดยมองแนวต้านระยะสั้น 1420 จุด ขณะที่แนวรับทางจิตวิทยา 1400 จุด อาจมีแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเข้ามา อย่างไรก็ตามตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน นักลงทุนยังกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ความผันผวนของตลาดหุ้นต่างประเทศ และราคาน้ำมัน
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
N. C. Housing (NCH TB; THB 1.84) - ซื้อ
Krungthai Card (KTC TB; THB 79.00) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]