- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 July 2015 17:09
- Hits: 1278
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ซื้ออ่อนตัว...ในพอร์ตเน้น Defensive & ปันผลสูง"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today: TRUEIF
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : AIT 48%, THCOM 38%, EGCO 32%, CBG 31%, RATCH 23%, PS 22%, BEC & TRUE 14%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ เน้นซื้ออ่อนตัว
Support Resistance Stop loss
SET 1430-1420 1450-60,1470 ค่าลบ
SET50 940,920 950-60-970 ค่าลบ
Technical Picks- Today : VNG, UMI, TRC, SIAM, BTS, ADVANC, BH
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index ปิดลดลง 6.58 จุดที่ 1438.08 การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา โดยเป็นการปรับฐานกันแทบทุกตลาดแม้ว่าจะเป็นช่วง Earning Season ก็ตาม ปัจจัยกดดัน คือ 1) เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ผลประกอบการไม่สดใส, 2) ราคาน้ำมันดิ่งกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน, 3) กังวลผลกระทบจากการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด, 4) ปมปัญหาภายในของไทย เช่น ICAO, ประมงไทย, ภัยแล้ง, ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำยาวนาน, การลงทุนที่ชะลอตัวโดยเฉพาะภาคเอกชน ฯลฯ นักลงทุนต่างชาตินำขายสุทธิต่อ 1.8 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ขายสุทธิแต่เล็กน้อย ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ 2.2 พันล้านบาท
สัปดาห์นี้นักลงทุนติดตามผลประชุมเฟดรอบ 28-29 ก.ค.58 ซึ่งอาจมีสัญญาณเกี่ยวกับการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวรั่วจากเจ้าหน้าที่เฟด (ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงิน) ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐจะปรับขึ้นเป็น 0.35% ในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าตลาดและ DBS Bank ประเมินไว้ที่ 0.50% นอกจากนั้นก็เป็นรายงานผลประกอบการ 2Q58 ที่กำลังทยอยออกมาถึงกลางเดือนส.ค.58 ซึ่งน่าจะมีการซื้อ/ขายเก็งกำไรเรื่องนี้กันมากขึ้น กลยุทธ์ : เล่นรอบซื้อตามค่าบวก (ค่าลบ Wait & See) การลงทุนยาว ให้ถอยรับเป็น Step สำหรับหุ้นที่ถืออยู่ในพอร์ตเน้นไปยัง Defensive & ปันผลสูง หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อเป็น TRUEIF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : จากการ SCAN หาหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้นจากราคาปิดวันก่อนพบว่า หุ้นที่เข้ามาใน List ใหม่เป็น VNG, UMI, TRC, SIAM ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BTS, ADVANC, BH ส่วนหุ้นที่หลุด List เป็น CK, BCP ส่วนหุ้นที่อยู่ในจังหวะ Take Profit คือ TVO
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : ข่าวรั่วว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.35% ในสิ้นปีนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุวานนี้ว่าเฟดได้เผยแพร่ข้อมูลปกปิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ โดยเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงิน คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปสู่ระดับ 0.35% ในปลายปีนี้ (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเฟดอยู่ที่ 0-0.25%)
สหรัฐ : เฟดประชุม 28-29 ก.ค.นี้ นักลงทุนรอจับตาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ แต่ในรอบนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% ก่อน
- ยูโรโซน : ดัชนี PMI โดยรวมเดือนก.ค.ลดลง แต่ยังสูงกว่า 50 ผลสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิคส์ บ่งชี้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนก.ค.ปรับลงแตะ 53.7 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 54.2 ในเดือนมิ.ย. สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนก.ค.ขยับลงแตะ 52.2 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.5 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 53.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 54.4 ในเดือนมิ.ย.
- สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 6.8%MoM ในเดือนมิ.ย.58 สู่ระดับ 482,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.57
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงต่อ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 163.39 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 17,568.53 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 22.50 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 2,079.65 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 57.78 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 5,088.63 จุด
- ราคาน้ำมันดิบลดลง...จำนวนแท่นขุดเจาะฯเพิ่มขึ้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 31 เซนต์ ปิดที่ 48.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 65 เซนต์ ปิดที่ 54.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้เบเกอร์ ฮิวส์ ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะที่เปิดดำเนินงานสัปดาห์ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ราคาทองคำอ่อนตัวต่อ สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบส.ค.ลดลง 8.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,085.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลดลง 4.1% ในสัปดาห์นี้ ทำสถิติลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
กลุ่มสือสาร : รายได้จาก Data Usage เพิ่มขึ้น แต่จาก Voice ลดลง ซึ่งเป็นเช่นนี้ทั้งในไทย สิงคโปร์ เกาหลี และจากประสบการณ์ในเกาหลีพบว่า รายได้จาก Data Usage จะทรงตัวเมื่ออัตราการเข้าถึง 4G อยู่ในระดับ 65-70% ซึ่งในขณะนี้อัตราการเข้าถึงบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตทั้งแบบมีสายและไร้สายของไทยอยู่ที่ประมาณ 50-53% (ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าสิ้นปี 58 จะอยู่ที่ 54-56%) และอัตราการเข้าถึงของโมบายบรอดแบนด์อยู่ที่ประมาณ 50% (ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าสิ้นปี 58 จะเป็น 51-54%) เราคาดว่าอัตราการเข้าถึง Data Usage ของไทยจะแตะระดับ 65-70% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นั่นหมายถึงในช่วง 1-3 ปีนี้ธุรกิจสื่อสารยังมีโอกาสเติบโตได้ ซึ่งรวมถึงการวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคมด้วย โดยประเมินว่าจะเห็นการเปิดประมูลเกี่ยวกับวางระบบมากขึ้นในปี 59 หลังจากเปิดประมูล 4G จำนวน 2 ใบอนุญาตในวันที่ 11 พ.ย.58 เรียบร้อยแล้ว
ทาง Retail Research เห็นว่าหุ้นกลุ่มสื่อสารในไทยยังมี Catalyst จากการเปิดประมูล 4G และการวางระบบ ขณะที่ในสิงคโปร์และเกาหลีจะค่อนข้างนิ่งเพราะอัตราการเข้าถึง Data Usage แตะระดับ 70% และ 65% ตามลำดับไปแล้ว โดยราคาหุ้นได้สะท้อนประเด็นนี้ไปบ้างแล้ว แต่ในช่วงเวลาใกล้ๆ ก่อนการประมูลก็มีโอกาสซื้อเก็งกำไรกันอีกรอบ ดังนั้นการอ่อนตัวของราคาหุ้นในกลุ่มสื่อสารเป็นจังหวะซื้อลงทุน ทั้งนี้คาดว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรกลุ่มสื่อสารดีขึ้นในปีหน้า โดยเราประมาณการว่ากำไรสุทธิของกลุ่มจะลดลง 12% ในปี 58 และเติบโต 18% ในปี 59 โดยหลักมาจากรายได้ Data Usage เพิ่มขึ้นหลังมี 4G และได้ประโยชน์หลังลูกค้าย้ายเป็น 3G เต็มที่ และมี Economies of scale มากขึ้น หุ้นเด่นเป็น ADVANC, INTUCH, SAMART และ TRUEIF
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : รัฐบาลเตรียมให้ธนาคารออมสินทำซอฟท์โลนให้ธนาคารพาณิชย์ เพื่อนำไปปล่อยกู้ SME ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ (อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5%) โดยรัฐจะอุดหนุนดอกเบี้ยให้ 1.5% บนเงื่อนไขเบิกกู้ตามจริง ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ SME มากขึ้น
นับเป็นเรื่องดีที่ภาครัฐเข้ามาช่วยกระตุ้นการให้สินเชื่อกับ SME ซึ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ต้องใช้นโยบายระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะไม่ได้ทำให้การเติบโตของสินเชื่อระบบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเราคาดว่าผลประกอบการกลุ่มธนาคาพาณิชย์ปีนี้จะลดลงราว 8% จากปีก่อน เนื่องจากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงขึ้นตาม NPL ที่เพิ่ม ระยะสั้นหุ้นกลุ่มแบงค์ยังขาดปัจจัยกระตุ้น ดังนั้นจึงเป็นการทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว
+/ กลุ่มยานยนต์ : การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตที่จะมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.59 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้มีการซื้อรถใหม่ที่มีขนาดเครื่องยนต์มากกว่า 1400 ซีซีขึ้นไปในช่วงที่เหลือของปีนี้บ้าง...แต่ด้วยความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ซบเซา และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง รวมถึงผู้บริโภคหันมาใช้อีโคคาร์มากขึ้น ซึ่งรถยนต์ขนาด 1200 ซีซีจะมีราคาลดลงบนอัตราภาษีฯใหม่ ซึ่งอาจไม่ทำให้ยอดขายเพิ่มมากนัก โดยรวมยังมีมุมมอง Neutral กับกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน แนะนำทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว หุ้นเด่น คือ AH, SAT
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]