- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 July 2015 16:44
- Hits: 1071
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (20 – 24 กรกฎาคม 58)
SET ปิดปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน นำโดยปัจจัยในประเทศเป็นหลัก จากความกังวลต่อปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น และความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่การขยายตัวของ GDP จะไม่ได้ตามเป้าหมายเดิม ปิดสัปดาห์ SET Index ปิดที่ 1437.08 จุด เปลี่ยนแปลงลดลง -41.23 จุด (-2.78%) WoW
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
(+) แนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าสร้างสัญญาณบวกต่อภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วง 2H ของปี 58
(-) ความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐหลังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ตัวส่งสัญญาณการอ่อนตัวลง
(-) สศค. ประเมิน GDP ปีนี้มีโอกาสปรับลงเหลือประมาณ 3% จากที่คาดการณ์ที่ 3.7% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากภาพรวมการส่งออกที่อ่อนแอ และปัญหาภัยแล้ง
(-) ความกังวลต่อแนวโน้ม Fund Flow หลังแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องเข้าทดสอบแนวต้านที่ 35 บาทต่อดอลลาร์
(+/-) การเจรจาการเข้าขอรับการช่วยเหลือของกรีซมีความคืบหน้าต่อเนื่อง และไม่มีการส่งสัญญาณในแง่ลบออกมา
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
* การรายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนมิถุนายนของ MOC ในสัปดาห์นี้ คาดหมายการหดตัว -4.8%YoY
* การแถลงการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ในวันอังคาร
* การประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้ ต่อทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยหลังล่าสุดประธาน FED ยังคงส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ หากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ตามเป้า ปัจจุบันตลาดคาดหมายการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายน
* ทิศทางราคา Commodity หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่ำสุดใน รอบหลายเดือน
* Earning Season ของสหรัฐ และไทย
* ประเด็นการปรับครม. ในประเทศ
* ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค GDP ไตรมาส 2 และ PMI
ความคิดเห็น
ประเมินภาพรวมดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ จากภาพรวมที่ขาดปัจจัยบวกที่โดดเด่น ส่งผลให้ความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้ากดดันบรรยากาศการลงทุน หลังสศค.ส่งสัญญาณการปรับ GDP ลงอีกครั้ง จากเป้าหมายเดิมที่คาดหมายว่าจะสามารถขยายตัวได้ในระดับ 3.7%
กลยุทธ์การลงทุน
จากภาพรวมการลงทุนในช่วงนี้ที่ขาดปัจจัยบวกที่โดดเด่น ส่งผลให้การลงทุนต้องอาศัยความระมัดระวังมากขึ้น และจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ Dividend Yield ของหุ้นหลายๆ ตัวกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง เช่นเดียวกับหุ้นส่งออกที่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาท และหุ้นที่ได้รับผลดีจากการยืนยันการเดินหน้าการประมูลของรัฐ อย่างโครงการ 4G