WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KK copyบล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1430
SET View
       แนวโน้ม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวลดลงอีก 6.58 จุดมาปิดที่ 1438.08 จุด หุ้นกลุ่มหลักปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพลังงาน (-0.66%) และปิโตรเคมี (-2.71%) ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากความกังวลต่ออุปทานใหม่จากอิหร่าน มูลค่าการซื้อขายซบเซาเหลือ 2.86 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน ต่างชาติยังคงเป็นผู้ขายสุทธิหลัก 1.8 พันล้านบาท ส่งผลให้ใน 5 วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิทุกวันรวม 7.2 พันล้านบาท
       เราประเมินแนวโน้ม SET วันนี้ แกว่งตัวข้างในกรอบ 1430-1445 จุด ระหว่างที่ไร้ปัจจัยบวกชัดเจนมาขับเคลื่อนตลาด ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี น่าจะแกว่งตัวในเชิงลบต่อไป หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก ทั้ง Brent -1.2% เหลือ 54.62 เหรียญฯ/บาร์เรล และ WTI -0.64% เหลือ 48.14 เหรียญฯ/บาร์เรล เพราะ Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในทวีปอเมริกาเหนือ เพิ่มขึ้น 21 แท่นเป็น 659 แท่น นับเป็นการเพิ่มขึ้น 2 จาก 3 สัปดาห์หลังสุด หลังจากก่อนหน้านี้ จำนวนแท่นลดลงถึง 29 สัปดาห์ติดต่อกัน สะท้อนถึงการปรับตัวของบริษัทขุดเจาะน้ำมันซึ่งกลับมาเปิดแท่นขุดเจาะอีกครั้ง เมื่อเห็นการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในช่วง 2Q58 ทำให้ตลาดกลับมากังวลต่อภาวะ Oversupply ของน้ำมัน จากทางฝั่งสหรัฐฯและอิหร่าน


การรายงานผลประกอบการ 2Q58
BIGC รายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 1.98 พันล้านบาท (+37.3% QoQ, +4.7% YoY)

 

กลยุทธ์การลงทุน : เลือกหุ้นที่ราคาผันผวนต่ำและปรับตัวลงน้อยกว่า SET

Top Daily Pick : INTUCH (มูลค่าเหมาะสม 98 บาท) ราคาพักตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 80.50 บาทซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันทำให้มีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค, ปันผลสูง 6% ดูน่าสนใจในภาวะดอกเบี้ยต่ำ และ LPN (มูลค่าเหมาะสม 23.20 บาท) ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบมากพอสมควรแล้ว ปัจจุบัน P/E ต่ำเพียง 9.2 เท่า ปันผลสูง 5.5%, ได้รับผลบวกเชิง sentiment หาก กนง. ลดดอกเบี้ย, คาดกำไรสุทธิ 2Q58 เติบโตโดดเด่น 170% QoQ, 115% YoY

Technical Pick : CEN SIAM PICO VNG IFEC (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)

Theme Plays : การประมูล 4G เริ่มนับหนึ่งในเดือนนี้ (ADVANC, INTUCH)/ หุ้นอสังหาฯที่ซื้อขายด้วย P/E ratio ค่อนข้างต่ำ (SPALI, QH) / หุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (KCE, SVI, SAPPE)/ หุ้นที่คาดว่า งบ 2Q58 เติบโตโดดเด่น (CK, LPN, SPALI, PLANB, SAPPE, SYNTEC)

 

Strategy Talk
กนง.มีโอกาสดำเนินนโยบายดอกเบี้ยสวนทางกับ Fed
      •ประชุม Fed วันที่ 28-29 ก.ค.นี้ ตลาดไม่ได้คาดหวังว่า จะมีการขึ้นดอกเบี้ย แต่จะติดตามการแถลงการณ์ของ Fed หลังการประชุม หลังจากก่อนหน้านี้ ในการแถลงของประธาน Fed ต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ ยืนยันหนักแน่นว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุม 16-17 ก.ย.นี้ (ไทย มีประชุม กนง. 16 ก.ย.เช่นกัน)
•สำหรับการประชุม กนง. ของไทย จะมีขึ้นในวันพุธที่ 5 ส.ค. ฝ่ายวิจัยภัทรคาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.25% ในการประชุมครั้งนี้ทันที เพราะ 1) เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าคาด สะท้อนจากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาและการปรับลดคาดการณ์ GDP ของทาง ธปท.เองจาก 3.8% เหลือ 3% 2) เงินเฟ้อ อยู่ในระดับต่ำมาก โดยฝ่ายวิจัยภัทรคาดเงินเฟ้อทั่วไป (Headline inflation) ปีนี้ -0.4% ทำให้ กนง. มีช่องว่างค่อนข้างมากในการใช้นโยบายดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนอัตราแลกเปลี่ยน
•ปัจจัยเชิงจิตวิทยาที่ส่งผลให้ กนง. อาจลดดอกเบี้ย คือ กระแสข่าวการปรับ ครม. หากเกิดขึ้นจริง อาจทำให้นโยบายด้านเศรษฐกิจและการคลัง สะดุดชั่วคราว ภาระในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะตกมาอยู่กับ กนง. ซึ่งจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินพยุงเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในระยะสั้น
•การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่สวนทางกันระหว่าง Fed (ขึ้นดอกเบี้ย) และ กนง. (ลดดอกเบี้ย) มีโอกาสทำให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออก เรามองว่า ตลาดทุนเริ่มพิจารณาถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวแล้ว สะท้อนจาก ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์จาก 34 บาท/เหรียญฯ มาสู่ระดับ 34.90 บาท/เหรียญฯในปัจจุบัน และการขายหุ้นไทย 5 วันติดต่อกันของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ภาพรวม SET ในระยะกลางยังคงถูกกดดันด้วยแรงขายจากต่างชาติ
•กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าวคือ 1) เงินบาทอ่อนค่า ผู้ได้ประโยชน์คือ ผู้ส่งออกทั้งอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และอาหาร 2) ลดดอกเบี้ย ผู้ได้ประโยชน์คือ กลุ่มอสังหาฯ (กระตุ้นความเชื่อมั่น), ลีสซิ่ง (ต้นทุนดอกเบี้ยลอยตัว แต่รายได้ดอกเบี้ยคงที่), หุ้นปันผลสูง (ดอกเบี้ยต่ำ หนุนปันผลให้ดูน่าสนใจมากขึ้น)


ดัชนีเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
27 ก.ค. ยอดสั่งผลิตสินค้าคงทนในสหรัฐฯ
28 ก.ค. GDP 2Q58 ของอังกฤษ, ราคาบ้านในสหรัฐฯ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ
29 ก.ค. ประชุม Fed
30 ก.ค. เงินเฟ้อ (CPI) เยอรมัน, GDP 2Q58 สหรัฐฯ
31 ก.ค. เงินเฟ้อ (CPI) ญี่ปุ่นและยูโรโซน

Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.11
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.05
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.84
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.42

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!