- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 July 2015 16:43
- Hits: 1175
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : Move ในกรอบ 1460-1480
ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบาง โดยปัจจัยกดดันคือราคาน้ำมันดิบที่อ่อนแอต่อเนื่องและความ กังวลเรื่องปัญหาภัยแล้งและเศรษฐกิจไทยโดยรวม อย่างไรก็ตาม แนวรับที่ 1460 น่าจะเอาอยู่ เนื่องจากตลาดปรับลงมาหลายวันแล้วและสถานการณ์ต่างประเทศที่กดดันตลาดคลี่คลายลง อย่างเช่น ตลาดหุ้นจีนที่ฟื้นตัวขึ้นได้จากแรงหนุนของรัฐบาลจีน และปัญหากรีซที่คลี่คลายลงหลังจากที่สามารถชำระหนี้ส่วนหนึ่งให้กับ IMF และ ECB เมื่อวานนี้ได้
แนวรับ/แนวต้าน : 1460/1480 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
กลยุทธ์ : เริ่มเก็บสะสมหุ้นเมื่อดัชนีเข้าใกล้ 1460 เก็งกำไรรายตัวระยะสั้น เน้นหุ้นที่จะรายงานงบไตรมาส 2 ออกมาแข็งแกร่ง ส่วนระยะยาวเน้นปันผลสูงและ defensive เป็นหลัก
นักลงทุนระยะสั้น : SCC (600), RATCH (68.00)
SCC (600) เราคาดว่า SCC จะรายงานกำไรสุทธิที่ 14,100 ล้านบาทในไตรมาส 2/58 เพิ่มขึ้น 27% qoq และ 65.7% yoy เทียบกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 10,000-11,000 ล้านบาท ปัจจัยที่ช่วยหนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจาก 1) กำไรสุทธิจากกลุ่มเคมีภัณฑ์ซึ่งคาดเติบโตขึ้นมากที่ 62% qoq อยู่ที่ 8,000 ล้านบาทในไตรมาส 2/58 จากสเปรด PP ที่สูงขึ้น สเปรด HDPE ที่สูงขึ้น 2) พลิกฟื้นจากที่รับรู้ inventory loss ที่ 930 ล้านบาทในไตรมาส 1/58 มารับรู้ inventory gain ที่ 1,000 ล้านบาทในไตรมาส 2/58 3) รับรู้รายได้จากเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูงตามฤดูกาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโตโยต้าและบริษัทในเครืออื่นๆ ที่โดยปกติแล้วจะจ่ายเงินปันผลก้อนใหญ่ในไตรมาส 2 และ 4) คาดว่าบริษัทฯ จะรับรู้ forex gain ที่ 1,000 ล้านบาทจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯเราให้มูลค่าหุ้น SCC ที่ 600.00 บาทอิงด้วยวิธี SOTP หรือ WACC ที่ 7.5% และ terminal growth ที่ 1% และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 58 จะอยู่ที่ 39,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% yoy
RATCH (68.00) พอราคาปรับลงมาใกล้ 56 บาท ก็เริ่มน่าซื้อเก็บไว้เล่นสั้นแล้ว เราคาดว่ากำไรสุทธิของ RATCH ในไตรมาส 2/58 จะอยู่ที่ 1,500-1,600 ล้านบาท (ไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 1,160 ล้านบาท)หนุนจาก 1.รายได้ที่มากขึ้นจากโรงไฟฟ้าหงสาหลังยูนิตแรกเริ่มการผลิตไปแล้ว 2.การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงและ 3.ผลกระทบตามฤดูกาล นอกจากนี้ เราคงมุมมองบวกกับภาพรวมในระยะกลาง-ยาวของบริษัทฯ จากการผลิตเต็มกำลังของโรงไฟฟ้าหงสาซึ่งจะช่วยหนุนรายได้และกำไรของ RATCH อย่างชัดเจน เนื่องจากถือหุ้นอยู่ 40% จึงทำให้รับรู้รายได้จากโครงการที่ 500 ล้านบาทในปี 58 และ 2,300-2,600 ล้านบาท/ปี ตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไป
นักลงทุนระยะยาว : ADVANC (270), PTTGC (76)
ADVANC (270) UOBKH เรายังมองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ อย่างที่เราเคยเก็บข้อมูลการประมูล 3G ที่ผ่านมาก็ทำให้ Telco sector ขึ้นมา 40-50%เลย ภายใน 7 วันหลังจากประมูลเสร็จ โดยเราเชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดเเคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick ของเรา Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%
PTTGC (76) ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนเช่นกัน UOBKH เราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/58 จะต่ำที่สุดของปีนี้ ธุรกิจโอเลฟินส์และ derivative จะยังเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญในปี 58 ขณะที่ราคา HDPE ที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันจะช่วยหนุนกำไรสุทธิของ PTTGC ให้มากขึ้นเนื่องจาก 60-65% ของกำไรสุทธิขึ้นอยู่กับราคา HDPE แถมราคาหุ้น PTTGC ณ ปัจจุบันซื้อขายในระดับถูกด้วย 2015F PE ที่ 8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 9 เท่าด้วย รอจังหวะย่อๆมาซัก 65 ซื้อเก็บกินปันผลสบายใจเฉิบครับบบ
นักวิเคราะห์ : ยศพณ แสงนิล, CFA Email : [email protected] Tel: 02 659 8154