- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 July 2015 16:45
- Hits: 10348
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : ผันผวนเชิงบวก
ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มจะถูกกดดันด้วยราคาน้ำมันที่อ่อนแอติดต่อมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ทำให้กลุ่มพลังงานนั้นอ่อนแอไปด้วย ขณะที่นักลงทุนติดตามการประกาศงบของกลุ่มแบงก์ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางลง อย่างไรก็ตาม ตลาดไทยน่าจะทรงตัวได้ในแดนบวก หลังนางเจเนต เยลเลน ประกาศว่ามั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะภาคแรงงานที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง บวกกับตลาดไทยซึงลงมาแล้ว 3 วัน วันนี้ก็อาจเห็น Technical rebound ได้บ้าง
แนวรับ/แนวต้าน : 1480/1500 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
กลยุทธ์ : เล่นสั้น ลงแรงซื้อ ขึ้นแรงขาย เน้นหุ้นปันผลสูงและหุ้นที่ perform ได้ดี ไม่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างเช่น กลุ่มโรงพยาบาล
นักลงทุนระยะสั้น : RATCH (68.00), BDMS (25.50)
RATCH (68.00) พอราคาปรับลงมาใกล้ 56 บาท ก็เริ่มน่าซื้อเก็บไว้เล่นสั้นแล้ว เราคาดว่ากำไรสุทธิของ RATCH ในไตรมาส 2/58 จะอยู่ที่ 1,500-1,600 ล้านบาท (ไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 1,160 ล้านบาท)หนุนจาก 1.รายได้ที่มากขึ้นจากโรงไฟฟ้าหงสาหลังยูนิตแรกเริ่มการผลิตไปแล้ว 2.การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงและ 3.ผลกระทบตามฤดูกาล นอกจากนี้ เราคงมุมมองบวกกับภาพรวมในระยะกลาง-ยาวของบริษัทฯ จากการผลิตเต็มกำลังของโรงไฟฟ้าหงสาซึ่งจะช่วยหนุนรายได้และกำไรของ RATCH อย่างชัดเจน เนื่องจากถือหุ้นอยู่ 40% จึงทำให้รับรู้รายได้จากโครงการที่ 500 ล้านบาทในปี 58 และ 2,300-2,600 ล้านบาท/ปี ตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไป
BDMS (25.50) เคยแนะนำไปแล้วในงาน Money Channel 11 ปี ว่าเป็นหุ้น Defensive ที่น่าเก็บสะสมตอน 19 บาท ตอนนี้ใกล้ 21 บาท ยังคงแนะนำซื้ออยู่ โดยขณะนี้ BDMS มี upside ที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ด้วย Target price ที่เราให้ไว้อยู่ที่ 25.50 ซึ่งให้ upside สูงถึง 24% ปัจจัยบวก มีอยู่หลายประการนะครับ เช่น 1.)BDMS จะสร้างตึกเพิ่มอีก 6 ตึก แต่ละตึกมี 60 เตียง ลงทุน 6 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ โดยจะสร้างไว้รองรับผู้ป่วยต่างชาติจากการเปิด AEC โดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่ม capacity ได้ถึง 74% ภายในปี 2018 2.)BDMS มีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่ม คือสมิทติเวช ชลบุรีในปีนี้ และเปาโลรังสิต และจอมเทียน Hospital ในปีหน้า และตั้งใจจะซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 7 โรงพยาบาลให้มีครบทั้งหมด 50 แห่ง 3.)อัตราส่วนของผู้ป่วยต่างชาติมีมากขึ้นเรื่อยๆ (30% เทียบกับ 25% เมื่อ 5 ปีก่อน) 4.)มีแผนขยายธุรกิจขายยาและเวชภัณฑ์ที่มี Margin สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลทั่วไป สรุปคือ BDMS มี upside สูงถึง 24% และมีแผนขยายธุรกิจอย่างชัดเจน จัดเป็นหุ้น defensive ที่ต้านตลาดและเศรษฐกิจขาลงได้ดี
นักลงทุนระยะยาว : ADVANC (270), PTTGC (76)
ADVANC (270) UOBKH เรายังมองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ อย่างที่เราเคยเก็บข้อมูลการประมูล 3G ที่ผ่านมาก็ทำให้ Telco sector ขึ้นมา 40-50%เลย ภายใน 7 วันหลังจากประมูลเสร็จ โดยเราเชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดเเคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick ของเรา Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%
PTTGC (76) ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนเช่นกัน UOBKH เราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/58 จะต่ำที่สุดของปีนี้ ธุรกิจโอเลฟินส์และ derivative จะยังเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญในปี 58 ขณะที่ราคา HDPE ที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันจะช่วยหนุนกำไรสุทธิของ PTTGC ให้มากขึ้นเนื่องจาก 60-65% ของกำไรสุทธิขึ้นอยู่กับราคา HDPE แถมราคาหุ้น PTTGC ณ ปัจจุบันซื้อขายในระดับถูกด้วย 2015F PE ที่ 8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 9 เท่าด้วย รอจังหวะย่อๆมาซัก 65 ซื้อเก็บกินปันผลสบายใจเฉิบครับบบ
นักวิเคราะห์ : ยศพณ แสงนิล, CFA Email : [email protected] Tel: 02 659 8154