- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 July 2015 18:04
- Hits: 3872
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ซื้อ/ถือเหนือ 1480"
Stock Picks-Jul 2015 : Fundamental : CENTEL, CK, CPN, IVL, TUF ส่วน Dark Horse คือ MCS, SYNEX
Fundamental Pick -Today:BJCHI (ดูรายละเอียดหน้า 2)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : SCB 15%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1500,1510-1520 หลุด 1480
SET50 ซื้อค่าบวก 990-1000 หลุด 970
Technical Picks- Today : SEAFCO, SVOA, LPN, BCP, KKC, TAPAC, CEN, MIDA
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้: ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง 2.25 จุด ปิดที่ 1488.40 สวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่ปรับขึ้น ยกเว้นตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงที่ยังอ่อนต่อ ปัจจัยกดดัน คือ แรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อันเนื่องจากความกังวลกับผลประกอบการ 2Q58 ที่อาจจะย่ำแย่กว่าคาดหลัง TISCO รายงานกำไรออกมาต่ำกว่าประมาณการ 15% เพราะการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงมาก รวมทั้งการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบกดหุ้นกลุ่มพลังงานในระยะสั้น นอกจากนั้นยังจับตาว่ารัฐสภากรีซจะโหวตผ่านร่างกฎหมายรัดเข็มขัดในวันที่ 16 ก.ค.หรือไม่ นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
Sentiment โดยรวมเป็นบวกแต่ไม่มาก โดยตลาดกำลังจับตาถ้อยแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันที่ 15-16 ก.ค.นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 4Q58 ยังผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Property Fund, Infrastructure Fund, REIT ที่จะน่าสนใจน้อยลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น แม้ว่านักลงทุนสถาบันจะมีการปรับพอร์ตไปบ้างแล้วก็ตาม สำหรับการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกระทบราคาน้ำมันดิบไม่มากเพราะคาดการณ์กันล่วงหน้าไว้แล้ว โดยราคาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT เด้งขึ้นหลังจบข่าว ส่วนผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยออกมา คาดว่าจะอ่อนแอเพราะการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่สูง เน้นซื้อสะสมจังหวะอ่อนตัว ส่วนหุ้นแนะนำซื้อวันนี้เป็น BJCHI
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวกหรือซื้อเหนือ 1480 การปรับขึ้นมีแนวต้านระยะสั้น 1500, 1510-1520
สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่น่าสนใจเป็น SEAFCO, SVOA, MIDA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น CPN, AOT, MTLS, TTA หุ้นที่หลุด List คือ TPOLY
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : จับตาประธานเฟดแถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสวันที่ 15-16 ก.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ซึ่งขณะนี้ตลาดประเมินว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในราว 4Q58 แต่เฟดจะมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองหลังกรีซผิดนัดชำระหนี้ IMF และตลาดหุ้นจีนทรุดตัวลงแรงหรือไม่นั้นต้องติดตามกัน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่จะเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Property Fund, Infrastructure Fund และ REIT ที่จะมีความน่าสนใจน้อยลง เราเห็นว่าหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตและจ่ายปันผลในเกณฑ์ดีน่าสนใจมากกว่าในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะยังมีโอกาสได้ Capital Gain จากการลงทุนในระยะกลาง-ยาวด้วย
- สหรัฐ : ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. -0.3%MoM เป็น 4.42 แสนล้านดอลลาร์ ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะ +0.2%MoM
บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านแล้ว โดย 6 ชาติมหาอำนาจของโลกได้บรรลุข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์แล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งกดดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดฟิวเจอร์สร่วงลงประมาณ 1.8-1.9% เพราะมองว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้นในหลายเดือนข้างหน้า
กรีซ : รอผลโหวตของรัฐสภาเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัด ทาง IMF หนุนกลุ่มเจ้าหนี้ยุโรปให้กรีซมีระยะเวลาปลอดหนี้ 30 ปี บวกกับการให้เงินกู้รอบใหม่ รวมถึงการขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไป เพื่อที่จะไม่ต้องลดหนี้ (Hair Cut) ให้กับกรีซ แต่รัฐมนตรีหลายคนของเยอรมนีไม่เห็นด้วยกับผลการศึกษาของ IMF ข้างต้น โดยมองว่าการให้กรีซออกจากยูโรโซนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการให้เงินช่วยเหลือรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของเยอรมนีที่ให้กรีซออกจากยูโรโซนชั่วคราว 5 ปีได้ถูกถอดออกจากแถลงการณ์เมื่อวันก่อน
ตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้นไม่มาก 0.4-0.7% ตลาดบวกขึ้นตอบรับเรื่องการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยทำให้ความกังวลปัญหาการเมืองระหว่างประเทศผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตามประเด็นนี้กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะคาดว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยอดค้าปลีกก็ออกมาต่ำกว่าคาดในเดือนมิ.ย.ทำให้ตลาดปรับขึ้นจำกัดด้วย
/+ ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ โดยสัญญา WTI และ BRENT ปรับขึ้น 0.84 และ 0.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.04 และ 58.51 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักวิเคราะห์ในตลาดน้ำมันมองว่าราคาน้ำมันได้ลดลงรับข่าวนี้มาล่วงหน้าแล้ว จึงมีเด้งกลับในระยะสั้น
/- สัญญาทองคำ COMEX ลดลง 1.9 ดอลลาร์ (-0.16%) ปิดที่ 1153.50 ดอลลาร์/ออนซ์ รอดูถ้อยแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
ธปท.คาดภาวะภัยแล้งกระทบ GDP ปีนี้ราว 0.1%-0.5%...ภาคอุตสาหกรรมกระทบไม่มาก โดยถ้าภายในต้นเดือนส.ค.ไม่มีฝนตกในพื้นที่เกษตรกรรมผลกระทบก็จะมากกว่านี้ โดยผลกระทบจะเกิดกับภาคเกษตรเป็นหลัก แต่ในภาคอุตสาหกรรมกระทบจำกัดเพราะส่วนใหญ่มีการสำรองน้ำไว้ใช้อย่างเพียงพอ
ครม.คงอัตรา VAT ที่ 7% & อนุมัติหลักการลงทุนมอเตอร์เวย์ เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) ครม.อนุมัติขยายเวลาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี เป็นสิ้นสุดก.ย.59 และอนุมัติหลักการลงทุนโครงการมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง วงเงินลงทุนรวม 1.6 แสนล้านบาท คาดว่าจะเริ่มประกาศประกวดราคาได้ตั้งแต่ปลายปี 58 หรือต้นปี 59
กลุ่มสื่อสาร : ที่ประชุมกสทช.เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ในการประมูล 4G คลื่นความถี่ 1800 MHz แล้วเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) โดยจะนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะวันที่ 18 ก.ค.นี้ และคาดว่าการเปิดประมูลใบอนุญาต 4G 2 ใบอนุญาตจะเป็นไปตามแผน คือ วันที่ 11 พ.ย.58
+ BJCHI: แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 8.90 บาท เป็นผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กส่งออกรายใหญ่ของไทย ปัจจุบันมี Backlog 7.5 พันล้านบาท (กำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท) และกำลังอยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ด้านอัตรากำไร มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในระยะยาวเนื่องจากบริษัทมีแผนรับงานโดยตรงกับเจ้าของโครงการมากขึ้น (จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่รับงานจากผู้รับเหมาหลัก EPC)
สำหรับความขัดแย้งระหว่าง Petrobas กับ EPC หลัก คือ QGI ที่ทำให้งาน P-75 และ P-77 ล่าช้า ขณะนี้มีการเจรจากันแล้วและคาดว่าจะกลับมาดำเนินงานได้เป็นปกติตั้งแต่ต้นส.ค.58 เป็นต้นไป ซึ่งทาง BJCHI มีงานกับ QGI มูลค่า 1.3 พันล้านบาท (จากมูลค่างานทั้งหมด 4 พันล้านบาท)
แนวโน้มผลประกอบการ 2Q58 ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีกำไรดีขึ้น QoQ แต่ยังไม่มาก แล้วจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H58 ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์กำไรสุทธิปี 58F-59F ของบริษัทว่าจะขยายตัว 17.5% และ 17.6% ต่อปี ขณะนี้หุ้นซื้อขายที่ P/E ปี 58F และ 59F ต่ำที่ 9 เท่า และ 8 เท่า ตามลำดับ บริษัทมีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ และจ่ายปันผลสูงที่ 5% ปี 58F และ 6% ปี 59F
ในเชิงกลยุทธ์ เราเห็นว่า BJCHI เป็นหุ้นหนึ่งที่น่าสนใจลงทุน ความเสี่ยงหลัก คือ การรับรู้รายได้และผลประกอบการในแต่ละไตรมาสที่อาจจะผันผวน ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของธุรกิจ และงานประมูลใหม่จาก EPC อาจมีมาร์จิ้นน้อยลงหลังราคาน้ำมันและราคาก๊าซลดลงมามาก แต่บริษัทก็มีแผนรับมือด้วยการพยายามรับงานโดยตรงกับเจ้าของโครงการมากขึ้น รวมถึงการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]