- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 13 July 2015 16:56
- Hits: 1131
บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ต้องอยู่กับปัญหาหนี้กรีซไปอีก 1
SET View
แนวโน้ม ผลการประชุมระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ ไม่ได้ข้อสรุป เพราะทางเจ้าหนี้ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น กรีซจำเป็นต้องโอนทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจที่รอการแปรรูป มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านยูโร เป็นหลักประกัน, กรีซต้องยอมให้ตัวแทนจากฝั่งเจ้าหนี้เข้ามามีส่วนร่วมกับกระบวนการนิติบัญญัติของกรีซในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อแลกกับจำนวนเงินที่กรีซร้องขอ 8.6 หมื่นล้านยูโร (เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านยูโร) ระยะเวลาผ่อนชำระ 3 ปี จากนี้ นายกรัฐมนตรีกรีซ ต้องกลับไปขอความเห็นจากรัฐสภากรีซเพื่อให้โหวตผ่านแผนปฏิรูปฉบับล่าสุด ภายในวันที่ 15 ก.ค.นี้
เรามองว่า ปัญหาหนี้กรีซที่เรื้อรังมานาน เดินทางมาใกล้บทสรุปแล้ว การแสดงออกของเจ้าหนี้ เหมือนบีบให้กรีซ รับข้อเสนอ หรือไม่ก็ต้องออกจากยูโรโซน (Grexit) เราเชื่อว่า SET จะผันผวนมากในสัปดาห์นี้ตามกระแสข่าวเรื่องกรีซที่จะออกมาในช่วงนี้ โดยวันนี้ เรามอง SET พักตัว หลังจากเมื่อวันศุกร์ ดีดตัวขึ้นมาบนความคาดหวังต่อการแก้ปัญหากรีซ แต่ขึ้นมาติดแนวต้าน 1485 จุด (ตำแหน่งที่เปิด gap ลงเมื่อ 3-6 ก.ค.) ประเมินกรอบ SET 1475-1490 จุด
ค่าเงินยูโร อ่อนค่าเล็กน้อยจากเมื่อวันศุกร์ มาอยู่ที่ 1.1127 เหรียญฯ แต่แนวโน้มในระยะสั้น ยังเป็นการฟื้นตัว แข็งค่าขึ้น 0.65% จากสัปดาห์ก่อน สะท้อนว่า ความกังวลต่อปัญหาหนี้กรีซไม่รุนแรงนัก
EGATIF เริ่มซื้อขายวันแรกในวันนี้ ราคา IPO 10 บาท ราคาพาร์ 10 บาท
กลยุทธ์การลงทุน : นักลงทุนระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรภายในวัน, นักลงทุนระยะกลาง ยังแนะนำให้รอซื้อบริเวณ 1450-1460 จุด
Top Daily Pick : SCN (มูลค่าเหมาะสม 16 บาท) หลุดบัญชี Cash balance วันนี้, KCE (มูลค่าเหมาะสม 53.50 บาท) เงินบาทที่อ่อนค่าทุกๆ 1 บาท ช่วยเพิ่มรายได้ให้ KCE ได้ราว 3% โดยเช้านี้ เงินบาทอ่อนค่าอีกเล็กน้อย มาอยู่ที่ 34 บาท/เหรียญฯ
Technical Pick : FER AQUA TNDT BTC MCS (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน)
Theme Plays : การประมูล 4G เริ่มนับหนึ่งในเดือนนี้ (ADVANC, INTUCH)/ หุ้นอสังหาฯที่ซื้อขายด้วย P/E ratio ค่อนข้างต่ำ (SPALI, QH) / หุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (KCE, SVI, SAPPE)
พอร์ตลงทุน
Trading ADVANC BANPU BBL CK SVI SAPPE SPALI
Growth BTS PTTEP BDMS THCOM WORK
Dividend BTS AP SAT ROJNA MC HANA
Quant MODERN MEGA HANA NOK EGCO NYT TTW
รายงานวันนี้
Update: กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ (น้ำหนักการลงทุน “เท่าตลาด”) เรทติ้ง มิ.ย. ฟรีทีวีเดิมกระเตื้อง คาด 2H58 WORK เด่นสุด
Strategy Talk
คาดวิกฤติตลาดหุ้นจีนมีผลต่อภาคเศรษฐกิจจริงจำกัด
ฝ่ายวิจัย Bank of America Merrill Lynch (BoAML) ประเมินเหตุการณ์ตลาดหุ้นจีนปรับฐานแรงกว่า 30% ในเวลาเพียง 1 เดือน มีผลกระทบจำกัดต่อภาคเศรษฐกิจจริง จากการพิจารณาในหลายด้าน ดังนี้
GDP
ภาคการเงินมีส่วนขับเคลื่อน GDP growth ของจีน ราว 1.3% จากการเติบโต 7% ใน 1Q58 นับว่าสูงขึ้นกว่า ในช่วง 1Q56-4Q57 ต่อ GDP จีนราว 0.8% ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนหลักน่าจะมาจากมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นที่เติบโตก้าวกระโดด ขณะที่กิจกรรมด้านประกัน, เงินฝาก, เงินกู้ยืม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้น BoAML คาดว่า หากการปรับฐานของดัชนีหุ้นทำให้มูลค่าการซื้อขายลดลงไปอยู่ในระดับก่อนตลาดหุ้นเฟื่องฟู น่าจะมีผลต่อ GDP ราว 0.5%
ผู้บริโภค
1) มีนักลงทุนราว 90 ล้านคนหรือคิดเป็นเพียง 7% ของประชาชนจีน เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีเพียง 51 ล้านคนที่ยังคงมีสถานะถือครองอยู่หุ้นจีนอยู่
2) หุ้นคิดเป็นเพียง 18% ของทรัพย์สินของครัวเรือน (ส่วนใหญ่กว่า 46% เป็นเงินฝาก)
3) ในเชิงจิตวิทยา การปรับฐานของตลาดหุ้นจีนเกิดขึ้นในเวลารวดเร็วมากเพียง 1 เดือน ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย
การระดมทุนขององค์กร
บริษัทเอกชนในจีน พึ่งพาเงินกู้เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 77% ของการจัดหาเงินทุนทั้งหมด ขณะที่การระดมทุนด้วยหุ้น (Equity financing) คิดเป็นเพียง 4% เท่านั้น ดังนั้น การปรับฐานของตลาดหุ้นจีน ไม่ได้มีผลกระทบเชิงลบต่อสภาพคล่องของบริษัทมากนัก
บัญชีมาร์จิ้น
การปล่อยมาร์จิ้นของโบรคเกอร์ในจีน รวมกันมีมูลค่า 1.46 ล้านล้านหยวน (2.35 แสนล้านเหรียญฯ) ลดลงจากระดับสูงสุด 2.27 ล้านล้านหยวนในช่วงกลางเดือน มิ.ย. หากรวมกับเงินกู้ในรูปแบบอื่นๆแล้ว BoAML คาดว่า มีความเสี่ยงที่ธนาคารเข้าไปเกี่ยวข้องราว 2 ล้านล้านหยวน ถือว่า ค่อนข้างน้อยเมื่อ เทียบกับสินทรัพย์ของธนาคารในระบบรวมกันสูงถึง 180 ล้านล้านหยวน
ปิยะภัทร์ ภัทรภูวดล นักกลยุทธ์การลงทุน