WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :
  - DJIA +33.20 (+0.19%) , NASDAQ +12.64 (+0.26%) , S&P +4.63 (-0.23% จุด) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก พร้อมกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ล้วนดีดตัวขึ้น หลังจากตลาดหุ้นจีนพลิกกลับมาปิดบวก 6% วานนี้ หลังจากที่ทางการจีนใช้มาตรกาต่างๆเพื่อสกัดการร่วงลงของตลาด
  - FTSE +90.93 (+1.40%), CAC +118.20 (+2.55%) และ DAX +249.11 (+2.32%) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีน ประกอบกับความหวังที่ว่า กรีซ-ยุโรป มีโอกาสจะบรรลุข้อตกลง กันได้ในสุดสัปดาห์นี้
  - ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบ ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลง 13% ตลอดช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นจีน และการเข้าสู่ฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ
  - ราคาสัญญาทอง ส.ค. ลดลง 4.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,159.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักลงทุน ยังคงรอดูความชัดเจนในประเด็นของกรีซ และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีน รวมถึงถ้อยแถลงจากประธานเฟดที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
   เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ –3,710 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -28,406 ล้านบาท (ปี’57 มียอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)

 

ทิศทางตลาด : ยังคงผันผวน
  แม้ว่าในระยะสั้นเราจะประเมินว่า ทางการจีนจะสามารถ Soft landing ในส่วนของตลาดหุ้นได้ เนื่องจากตลาดหุ้นจีนเป็น Regulatory Driven กล่าวคือเครื่องมือต่างๆ จากทางการมักจะได้ผลต่อจิตวิทยานักลงทุน อย่างไรก็ดี เรามองปัญหาการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน จะเป็นปัญหาที่พัวพันกับเศรษฐกิจ เนื่องจากความั่งคั่งส่วนบุคคลของจีน คิดเป็นสัดส่วนมาจากตลาดหุ้นราว 9% และที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจนว่า Consumer Sentiment ของจีนผูกกับ ตลาดหุ้นอย่างมีนัยฯ และในฐานะที่จีนเป็นคู่ค้าสำคัญกับไทย (14% ของมูลค่านำเข้าส่งออก) ย่อมจะส่งกระทบเชิงเศรษฐกิจในระยะถัดจากนี้ และจะเป็นเหตุผลให้การ


รีบาวน์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ จะไม่ได้อยู่ในลักษณะ V-Shape และการฟื้นตัวจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
 ด้านปัจจัยภายในประเทศ แม้จะมีน้ำหนักน้อยในช่วงนี้ แต่คาดว่าจะเริ่มเป็นที่จับตาในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ทั้งในเรื่องของกำหนดการแล้วเสร็จของร่างรัฐธรรมนูญที่พึงจะแล้วเสร็จใน ก.ย. ที่อาจนำมาซึ่งแรงเสียดทานในระยะถัดจากนี้ รวมถึงต้องจับตาการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าสุด แม้จะมีแรงผลักดันให้เร่งเบิกงบ แต่โดยรวมยังคงล่าช้า ทั้งๆ ที่เหลือเวลาไม่มากนักก่อนจะหมดปีงบประมาณใน ก.ย. นี้
  ...ยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC และ BCP ตามการเคลื่อนไหวของค่าการกลั่น
ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 5 - 6 USD/bll ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 8 – 9 USD/bll ยังไม่เหมาะในการเก็งกำไรระยะสั้น แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, SEAFCO และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 33.95 – 34.00 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก และหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, KCE, SMT (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO, VNG เป็นต้น (5) กลุ่มท่องเที่ยวยังคงได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หุ้นที่ได้รับผลดี เช่น CENTEL
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.1254 อยู่ที่ 2.3229% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.31 อยู่ที่ 19.97

 

หุ้นแนะนำ : SMT
ประเด็นที่ต้องติดตาม (สัปดาห์นี้)
   10/7/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) สต็อกสินค้าและยอดค้าส่ง - พค.
   สุดสัปดาห์ : สิ้นสุดกำหนดเวลา เสนอแผนปฏิรูปของกรีซต่อกลุ่มเจ้าหนี้

นักวิเคราะห์ : พลเทพ วงษ์นาค, FRM 02-684-8796

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!