- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 02 July 2015 18:24
- Hits: 1236
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : แนวรับสำคัญ 1495-1500 แนวต้านสำคัญ 1520
SET Index : 1496.75 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงจากแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 1520 จุด ทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาลง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1515-1520 จุด และมีแนวรับที่ 1470 จุด แต่ถ้าสามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 1520 จุดขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณสิ้นสุดการปรับฐาน และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที 1550 และ 1580 จุด
Energy : ปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับที่ 20000 หลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 20250 ทำให้แนวโน้มของหุ้นในกลุ่มพลังงานยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 21000 และ 22000
Bank : ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเข้มใกล้แนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 478-480 ซึ่งเราคาดว่า น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของการปรับฐาน และมแนวต้านสำคัญที่ 505-507
KBANK = 180 / 183, SCB = 150 / 153, KTB = 16.70 / 17.00, HPT = 3.00 / 3.20, TASCO = 23.00 / 23.50
S50U15 : 971.30 สัญญาฟิวเจอร์สปรับตัวไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 970-975 ในขณะที่โครงสร้างของสัญญาฟิวเจอร์สยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 1000 และ 1010 และมีแนวรับตามกรอบแนวโน้มขาลงที่ 940แต่เราคาดว่า แนวโน้มของ S50U15 จะมีโอกาสฟื้นตัวที่บริเวณแนวรับ 970-975 และมีแนวต้านที่ 985 และ 1000 เราจึงแนะนำให้เน้น Open Long ใน S50U15 ที่แนวรับ 975 และ 970 และมีแนวต้านที่ 1000 แต่มีจุด STOP LOSS ถ้าปิดต่ำกว่า 965 ลงไป
GFQ15 : 18870 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามทิศทางราคาทองคำ ซึ่งเราแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long ใน GFQ15 ที่บริเวณ 19000 เนื่องจากทิศทางราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ US$1230 และมีแนวต้านสำคัญที่ 19400-19500 แต่มีจุด STOp LOSS สถานะ Long ถ้าปิดต่ำกว่า 18820
S50U15 : 33.86 แนะนำเน้นให้ Open Short ใน USDU15 ที่แนวต้าน 33.80-33.85 และมีแนวรับที่ 33.60 แต่มีจุด STOP LOSS ถ้าทะลุผ่าน 33.94 ขึ้นไป
TECHNICAL FOLLOW UP : แนวรับ แนวต้าน
SET Index แนวรับสำคัญ 1495-1500 และมีแนวต้านสำคัญ 1520 1495 / 1490 1502 / 1505
S50U15 Open Long ที่แนวรับ 970-975 แนวต้าน 985 และ 1000 970 / 967 978 / 984
GFQ15 Open Long ที่แนวรับ 18900-19000 แนวต้าน 19400-19500 18100% / 18820** 18950 / 19000
USDU15 Open Short ที่แนวต้าน 33.88-33.90 แนวรับ 33.60 และ 33.50 33.80 / 33.75 33.88 / 33.90
BIGC ซื้อที่แนวรับ 190 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 202 และ 208 190 / 188** 197 / 202
CEI ซื้อที่แนวรับ 1.22-1.24 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1.40 และ 1.50 1.23 / 1.22 1.30 / 1.40
Thai Airways International (THAI TB; THB 13.60) - ซื้อ
แนวต้าน : 14.40 และ 15.20
แนวรับ : 13.60 และ 13.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วัน พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ THAI โดยมีแนวรับที่ 13.60 และ 13.40 และมีแนวต้านที่ 14.40 และ 15.20 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.20 ลงไป
Nawarat Patanakarn (NWR TB; THB 1.94) - ซื้อ
แนวต้าน : 2.00 และ 2.08
แนวรับ : 1.94 และ 1.92
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน หลังจากถูกขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น ทำให้ราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ NWR โดยมีแนวรับที่ 1.94 และ 1.92 และมีแนวต้านที่ 2.00 และ 2.08 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.90 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ยังต้องรอแรงซื้อหุ้น 2 กลุ่มหลัก
หากปัญหากรีซผ่านพ้นไปด้วยดี หลังจากนี้มีปัจจัยอะไรบ้างที่จะช่วยหนุนดัชนี SET ให้ขึ้นไปต่อ หากดูปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ อย่างตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน ดูๆแล้วยังไม่น่าจะใช่ ส่วนเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ ก็ไม่น่าจะเข้ามาในช่วงนี้ ในขณะที่ราคาน้ำมันและผลดำเนินงาน Q2 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงาน อาจจะใช่ ดังนั้นจึงต้องหันกลับมาดูหุ้น 2 กลุ่มใหญ่อย่าง พลังงานและธนาคารพาณิชย์ซึ่งมีขนาดตลาด 35-40% ของตลาดรวม
จากรูปด้านซ้ายและขวา เป็นการแสดงค่า P/E ทั้ง P/E ปัจจุบัน P/E เฉลี่ย 10 ปี P/E สูงสุดและต่ำสุดของกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ เราจะพบว่าในส่วนของกลุ่มพลังงานค่า P/E กำลังขึ้นไปเล่นใกล้ๆ ปี 53 แม้จะไม่ใช่ค่า P/E สูงสุดในรอบ 10 ปี แต่โอกาสที่จะขึ้นในระดับสูงสุดในปี 50 คาดยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ดีพอ เพราะมองว่าราคาน้ำมันในรอบนี้ยังขึ้นได้ในกรอบจำกัด นอกจากนั้นการที่กลุ่มพลังงานขึ้นมาเล่นในระดับดังกล่าว ถือว่ากำลังรับข่าวผลดำเนินงาน Q2 ที่คาดจะออกมาดี หากจะให้ขึ้นมาเล่นกันที่ค่า P/E สูงกว่านี้ ราคาน้ำมัน ส่วนต่างปิโตรเคมีหรือค่าการกลั่นต้องดีกว่าปัจจุบัน ซึ่งยังมีความเป็นไปได้แต่ยังต้องใช้เวลาให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวมากกว่านี้ ส่วนแนวโน้มที่จะเกิดแรงขายมากๆ ยังมีน้อย เนื่องจากมองว่าภาพอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว
ในส่วนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะตรงข้ามกับพลังงาน คือ ดัชนีกลุ่มกำลังลงมาเล่นในค่า P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ซึ่งมาจากแรงกดันเรื่องกำไรใน Q2 ที่คาดว่าจะยังออกมาไม่ดี จาก สินเชื่อยังขยายตัวได้ต่ำ แนวโน้มการเกิด NPL เพิ่มขึ้นและ NIM ยังลดลงหรือทรงๆตัว ดังนั้นหุ้นในกลุ่มนี้ จึงน่าจะเป็นกลุ่มที่จะดันตลาด หากปัจจัยแวดล้อมดีขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับกลุ่มพลังงาน ที่เรามองว่าจะดันดัชนีได้ยากกว่าเพราะกรอบการขึ้นมีจำกัด แต่ประเด็นอยู่ที่จะมีปัจจัยอะไรที่จะกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ ตรงนี้สามารถแยกได้ 3 ประเด็นคือ 1. นักลงทุนระยะกลางถึงยาว มองว่าสุดท้ายในครึ่งปีหลังหากเศรษฐกิจฟื้น กลุ่มธนาคารก็น่าจะฟื้น จึงเข้าซื้อหุ้น 2. มองในแง่การประเมินความถูกความแพงผ่านค่า P/E ซึ่งตอนนี้กำลังลงมาใกล้ 9 เท่า ขณะที่สัดส่วนการถือครองของต่างชาติต่ำลงมาก จึงน่าสนใจและ 3. นักลงทุนมองฟื้นฐานของกลุ่มยังไม่ฟื้นจึงยังไม่ซื้อหรือรอ แต่จะเล่นเก็งกำไรในช่วงสั้น หากมาดูพฤติกรรมของนักลงทุนระยะกลางถึงยาว การจะเข้าซื้อหุ้นกลุ่มไหนหรือตัวไหน ส่วนใหญ่จะไม่เข้าซื้อเมื่อพื้นฐานของหุ้นนั้นๆฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่จะเข้าซื้อก่อน ส่วนแนวโน้มภาพอุตสาหกรรมที่จะแย่ลง เรามองว่ามีจำกัด เพราะหลังจากนี้น่าจะได้รับแรงหนุนจากการเร่งงบการลงทุนและผลของการลดดอกเบี้ย
จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มการขึ้นของดัชนี SET ในเดือน ก.ค. จะยังอยู่ในกรอบจำกัด จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือผลดำเนินงาน Q2 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงานหรือมีเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างประเทศ สำหรับทิศทางดัชนี SET ในปลายอาทิตย์นี้ คาดจะผันผวนตามเหตุการณ์ในกรีซ โดยวันนี้คาดดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบแคบรอดูความชัดเจนของการลงประชามติในกรีซ โดยมีแนวรับที่1495-1500 ส่วนแนวต้านที่ 1510-1515 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,496.75 จุด ลดลง 7.80 จุด (-0.52%) มูลค่าการซื้อขาย 23,601.54 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันจากกลุ่มธนาคาร เนื่องจากกังวลต่อ NPL ที่ปรับขึ้น ส่งผลต่อผลประกอบการ Q2/58 ที่มีแนวโน้มอ่อนตัว ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับขึ้น ตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์หนี้กรีซ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ (คืนนี้)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดภาคบ่าย หากหลุด 1495 จุด จะเกิดสัญญาณขายซ้ำ โดยกลุ่มที่ถูกกดดันหนัก จะยังเป็นกลุ่มธนาคาร หลังนักวิเคราะห์ปรับประมาณการผลการดำเนินงานลง เนื่องจากความกังวลเรื่องการปรับเพิ่มขึ้นของ NPLs โดยในกรณีที่หลุด 1495 จุด น่าจะอ่อนตัวลงต่อไปที่ระดับ 1475 จุด แต่ถ้ายังยืนได้ ก็ยังแกว่งตัวในกรอบ 1495-1525 จุดไปก่อน เพื่อรอปัจจัยมาหนุน ระยะสั้นยังแนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อน
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Turnover List preview (Cash Balance) : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : CEI, NPP, PRIN, RCI (กรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Thai Airways International (THAI TB; THB 13.60) - ซื้อ
Nawarat Patanakarn (NWR TB; THB 1.94) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]