- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 June 2015 16:43
- Hits: 967
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET มีโอกาสปรับตัวย้อนลบ ดังนั้นยังน่ารอซื้อต่ำดีกว่า!!
กลยุทธ์ : เนื่องจาก SET รีบาวด์กลับขึ้นมาพอควรแล้ว ขณะที่ปัจจัยลบต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งคาดว่าจะยังกดดันให้กรอบบวกมีจำกัด และต้องระวังการปรับย้อนลบเช่นเดิม ดังนั้น FSS มองว่าไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อมากนัก เพราะยังสามารถรอให้ SET ไหลลงต่ำกว่านี้ก่อนได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BCH, PSTC, GFPT(short)
แนวโน้ม : SET ยังขยับบวกแรงต่อเนื่องอีกครั้งวานนี้ โดยคาดว่าแรงซื้อหลักๆ มาจากการเก็งกำไรเพื่อลุ้นผลประชุมยูโรกรุ๊ปช่วง 24-25 มิ.ย. ว่าจะสามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้สินของกรีซได้สำเร็จ แต่ปรากฎว่าในช่วงเย็นกลับมีข่าวว่ากลุ่มเจ้าหนี้ยังไม่ยอมรับข้อเสนอชุดใหม่ของกรีซ และตามมาด้วยผลประชุมยูโรกรุ๊ปวันแรกเมื่อคืนนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกเกี่ยวกับโอกาสที่กรีซจะต้องผิดนัดชำระหนี้และอาจต้องออกจากยูโรโซนต่อไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดปรับตัวลงแดนลบอีกครั้ง รวมทั้งยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐที่หดตัวลงด้วย ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดทำการส่วนใหญ่จึงย้อนลงมาแกว่งด้านลบ ซึ่งคาดว่าน่าจะกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้เช่นกัน ขณะที่ FSS ยังมองว่าการรีบาวด์ของ SET ช่วงนี้ยังมีกรอบขึ้นจำกัด และต้องระวังการกลับไปแกว่งตัวย้อนลบอยู่ โดยคาดว่านักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งจะมีทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ , การบริโภคส่วนบุคคลเดือน พ.ค. และ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลการประชุมยูโรกรุ๊ปคืนนี้อีกครั้ง
แนวรับ 1516-1513 , 1506-1500 จุด
แนวต้าน 1519-1523 , 1526-1530 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$123ล้าน เป็นวันแรกหลังขายติดต่อกันมาตลอดทั้งเดือน นำโดยเกาหลีใต้ US$83.8ล้าน ไทย US$30.4ล้าน และ ไต้หวัน US$24.4 ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามแต่ในปริมาณที่น้อย กระแสเงินเริ่มกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงหลังจากความกังวลหนี้กรีซลดลง อย่างไรก็ตาม ความกังวลกลับประทุขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าหนี้กรีซเผยว่าไม่ยอมรับข้อเสนอของกรีซ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) GDP สหรัฐหดตัว 0.2% Q-Q annualized ใน 1Q15 (เป็นตัวเลขสุดท้าย) หดตัวน้อยกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ -0.7% เพราะการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนกระเตื้องขึ้น นักลงทุนยังรอข้อสรุปของการเจรจาหนี้กรีซที่การประชุมวานนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้โดย Euro group จะหารือต่อในวันนี้
(+) Window dressing เริ่มทำงาน ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา SET50 มักปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์สุดท้ายของ 1Q และ 2Q โดยเฉพาะ 5 ปีล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ย +2.6% และ +1.9% w-w ส่วน 3Q และ 4Q ปรับลงเฉลี่ย -1.5% และ -1.2% W-W ซึ่งอาจเป็นเพราะหุ้นมักปรับขึ้นในครึ่งปีหลัง ความจำเป็นในการทำ window dressing จึงแทบไม่มี ส่วนหุ้นที่เป้าถูกทำ window คือตัวใหญ่ๆใน SET50 ที่มีน้ำหนักมากติด Top 5 ในแต่ละกองทุนคือ PTT, PTTEP, SCC, AOT, ADVANC, KBANK, SCB, BBL, KTB, CPALL แต่ไม่จำเป็นต้องไล่ซื้อทุกตัวโดยเฉพาะตัวที่ underperform อยู่แล้ว เราคิดว่ามีหุ้น 4 ตัวที่น่าเก็งกำไรในรอบนี้ได้แก่ SCC, ADVANC, AOT และ PTTEP
(0) กลุ่มค้าปลีกผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว รอการฟื้นตัว การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนยังคงอ่อนแอในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย ส่วนผู้มีรายได้ปานกลาง-สูงระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ล่าสุดหลายบริษัท (ยกเว้น CPALL และ MAKRO) เริ่มปรับลดเป้าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เราจึงปรับลดกำไรกลุ่มค้าปลีกในปี 2015 ลงจากเดิมที่คาดเติบโต 24% Y-Y เหลือโต 20% Y-Y การเติบโตจะมาจากรายได้ค่าเช่าและการลดรายจ่าย เพราะรายได้จากการขายน่าจะเพิ่มเพียง 9% Y-Y เติบโตต่ำสุดในรอบ 6 ปี เรายังคงให้น้ำหนัก Neutral เพราะยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภค แต่เราชอบ ROBINS (ราคาเป้าหมาย 55 บาท) เพราะคาดกำไรปีนี้โตแรง 18.6% Y-Y เป็นการเติบโตจากรายได้ค่าเช่าซึ่งสม่ำเสมอ มีฐานะการเงินดีที่สุดในกลุ่ม หนี้น้อยที่สุด และ PE ปัจจุบันที่ 22 เท่า (-1SD) ต่ำสุดในกลุ่มค้าปลีก
(0) ติดตามการทบทวนจาก EASA วันนี้ ว่าจะมีท่าทีอย่างไรต่อสายการบินของไทยในการแถลงวันนี้ กลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินที่รีบาวนด์ขึ้นมายังต้องระวัง
(+) BECL+BMCL=CK ล่าสุดที่ประชุมเจ้าหนี้ของ BECL โหวตผ่านให้ควบรวมกับ BMCL (เสียงมากกว่า 66%) และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากคู่สัญญาโดย BECL กำลังรออนุมัติจากกทพ.ซึ่งจะประชุมบอร์ด 14 ก.ค. นี้ หลังจากขั้นตอนนี้ จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมของทั้ง BECL และ BMCL และแลกหุ้นและเตรียมเข้าตลาดด้วยชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ สำหรับการตรวจสอบของกทพ.อาจใช้เวลานานเพราะมีเรื่องข้อกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เราเชื่อว่าจะผ่านไปได้ในที่สุดเพราะประโยชน์ตกอยู่กับภาครัฐเช่นกัน นอกเหนือจากผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท เช่นเดียวกับ CK ที่จะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างของบริษัทในเครือครั้งนี้
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกมาปิดลบค่อนข้างแรงหลังมีข่าวว่ากลุ่มเจ้าหนี้ไม่ยอมรับข้อเสนอของกรีซ รวมถึงแรงกดดันจากตัวเลข Final GDP ไตรมาส 1 ที่หดตัว
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบเช่นกันหลังมีข่าวว่ากลุ่มเจ้าหนี้ไม่ยอมรับข้อเสนอของกรีซขณะที่การประชุมยูโรกรุ๊ปวานนี้ยังไม่มีข้อสรุป
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดในแดนลบเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสหลังการเจรจาหนี้กรีซยังไม่ได้ข้อสรุป
(-) ค่าเงินบาทแกว่งตัวค่อนไปในทิศทางอ่อนค่าอีกเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.70-33.80 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 60.27 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 0.74 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงเกินคาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 1,172.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.70 เหรียญ/ออนซ์ โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายและจับตาดูการเจรจาปัญหาหนี้ของกรีซว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 มิ.ย. - ไทย:ดุลการค้า (พ.ค.), EASA ประกาศผลว่าจะปฎิบัติต่อสายการบินของไทยอย่างไร
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- ยูโรโซน:EU Summit นัดที่ 2
26 มิ.ย. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (พ.ค.)
29 มิ.ย. - ไทย: HPTเริ่มเทรด (ราคา IPO 1 บาท)
- สหรัฐ: Pending home sales(พ.ค.)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
30 มิ.ย. - ไทย: AMATARเริ่มเทรด (ราคา IPO 10 บาท), รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ค.โดยธปท.
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
- สหรัฐ:S&P/CaseShiller Index (เม.ย.),ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
1 ก.ค. - ตลาดหุ้นฮ่องกงและไทยปิดทำการวันนี้
- จีน:Manufacturing & Non-manufacturing PMI (มิ.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan (2Q15)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ADP Report) (มิ.ย.ป
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research