- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 22 June 2015 18:05
- Hits: 1382
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับฐานหลุดแนว 1,500 จุด ด้วยแรงกดดันจากความเสี่ยงไวรัสเมอร์สที่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ ส่งผลให้ AOT / กลุ่มสายการบิน / กลุ่มโรงแรม ปรับตัวลงแรง และเมื่อ SET INDEX หลุดแนว 1,500 จุด ยิ่งกดดันจิตวิทยาการลงทุน ส่งผลให้ SET INDEX ปิดที่ 1,491.46 จุด ลบอีก 16.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45,002 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลาง แม้ว่าจะกลับมาขายสุทธิตลาดไทยอีกครั้ง 1,422 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 2,763 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 900 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อเมอร์ส เพิ่มเติมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดกลุ่มท่องเที่ยว / สายการบิน / สนามบิน เริ่มทรงตัวดีขึ้น
•ติดตามการประชุมฉุกเฉินระหว่าง ผู้นำอียู และ ECB ต่อกรณีกรีซ ขณะที่ ECB เพิ่มวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉินกับธนาคารพาณิชย์กรีซอีกครั้ง
•ธปท.ปรับประมาณการ GDP ปีนี้และปีหน้า ลดลงเป็น 3.0% และ 3.9% ด้วยสมมติฐานการส่งออกที่คาดว่าจะหดตัวในปีนี้เป็นสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้า
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 4 พร้อมคาดการณ์ SET INDEX มีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้บางส่วน หลังสถานการณ์เมอร์ส ทรงตัว จากช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,485-1,500 จุด รวมถึงการเริ่มเข้าสู่ช่วงการทำระดับปิดกองทุน Window Dressing สำหรับงวดกลางปี หุ้นหลักกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ / ICT มีแนวโน้มทรงตัวถึงฟื้นตัวเด่น
สำหรับการปรับประมาณการ GDP ในปีนี้และปีหน้าลง ด้วยมุมมองต่อการส่งออกที่จะหดตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความระมัดระวังต่อการประเมินมากขึ้น หรือค่อนไปทางอนุรักษ์นิยม และสอดคล้องกับสิ่งที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้านี้ จึงไม่น่าเป็นปัจจัยลบใหม่ที่กดดันภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ประเด็นกรีซ และการเจรจากับเจ้าหนี้ที่ยังไม่คืบ ณ ปัจจุบัน เราเชื่อว่าทั้งลูกหนี้ และ เจ้าหนี้จะเร่งหารือ เพื่อหาข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกเฝ้าติดตาม แต่อาจไม่ให้น้ำหนักเงินลบมากนัก หากประเมินจากท่าทีของเจ้าหนี้ อย่าง ECB ที่ยอมให้สภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติมกับสถาบันการเงินกรีซในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนว่า ECB อาจยังไม่พร้อมที่จะกดดันให้ธนาคารพาณิชย์กรีซ เดินไปสู่การขาดสภาพคล่อง และผิดนัดชำระหนี้ เช่นเดียวกับรัฐบาลกรีซในทางเดียวกัน ส่งผลให้ค่าเงินยูโร เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.33 น.) Nikkei – Kospi เปิดบวก แม้ว่าประเด็นของกรีซจะไม่มีความคืบหน้าในช่วงสุดสัปดาห์ทีผ่านมาก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนทยอยซื้อเก็งกำไรหุ้นเป้าหมายที่จะมีประเด็นบวกช่วงสั้นนี้”
Top Pick in 2Q15: ITD / TPIPL/ WHA / TASCO
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP/ IFEC
Accumulative Buy: INTUCH
Speculative Buy: TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.INTUCH : ราคาปิด 77.00 บาท ราคาเหมาะสม 114.00 บาท
a)MBKET แนะนำทยอยสะสม INTUCH เพื่อรับเงินปันผล โดยคาดการณ์เงินปันผล 1H58 หุ้นละ 2.20 – 2.30 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีที่ 3%
b) คาดว่าหุ้น Defensive จะเป็นที่พักเงินได้ดี จากภาวะการลงทุนที่ไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจน
c)คงมุมมองเชิงบวกต่อภาพระยะกลางของหุ้นกลุ่มสื่อสาร จากการประมูล 4G ในช่วงปลายปี และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ปลดล๊อกความกังวลเรื่องคลื่นความถี่ของ ADVANC ที่จะหมดอายุสัมปทานลงในปี 2558
d)ขณะที่ THCOM เข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุน และมีการเติบโตของกำไรที่สูง โดยคาดกว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +25.7% yoy จากการรับรู้รายได้ของดาวเทียมไทยคม 6 และ IPSTAR ที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
e)ราคาปิดวานนี้ที่ 77.00 บาท มีส่วนลด 16.2% จาก NAV ของมูลค่าเงินลงทุนใน ADVANC และ THCOM ที่หุ้นละ 91.84 บาท
และ “ซื้อเก็งกำไร”
2.TASCO : ราคาปิด 20.40 บาท ราคาเหมาะสม 28.00 บาท
a)MBKET ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q – 3Q58 จะยังทำระดับกำไรจากการดำเนินงานใหม่สูงสุดต่อเนื่อง จากการที่กรมทางหลวง และ กรมทางหลวงชนบท เร่งสร้างและซ่อมบำรุงนถนน ตามงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.0 หมื่นล้านบาท อีกทั้งจีนได้ส่งคำสั่งซื้อ Bitumen Mixture มากถึง 2.5 แสนตัน ในราคาที่ดี ส่งผลให้ปริมาณการขายใน 2Q58 จะเติบโต 40% qoq และ 15% yoy เป็น 6.0 แสนตัน และ 3Q58 จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเร่งเบิกจ่ายงบจากภาครัฐ และเป็นช่วง High Season ของการก่อสร้างในจีน
b)ณ ปัจจุบัน ตลาดมีความต้องการยางมะตอยในระดับที่สูง ทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ TSCO มีความได้เปรียบจากโลจิสติกส์ที่มีกองรถบรรทุกและเรือเดินสมุทรเป็นของตนเอง สร้างอำนาจการต่อรอง และรักษาราคาขายให้อยู่ในระดับที่สูงได้
c)ปรับประมาณการกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้ขึ้นเป็น 4,226 ล้านบาท จากเดิม 2,800 ล้านบาท เติบโต 252% ส่วนปีหน้า ผลการดำเนินงานของ TASCO อาจชะลอตัวลง แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา เท่ากับ 3,179 ล้านบาท
d)MBKET ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปีนี้ ขึ้นเป็น 28.00 บาท จากเดิม 19.00 บาท ราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขายที่ PER15 ต่ำเพียง 7.4x และ 9.9x ในปี 2559
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 13 อีก US$413 ล้าน จากวันก่อนหน้า US$454 ล้าน
ยังคงเน้นลดน้ำหนักในตลาดเอเชียเหนือเป็นหลัก
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -153.4 -152.1 5,954.0 13,190.4 9,188.0
KOSPI -277.5 -307.0 7,535.4 6,165.50 4,875.1
JSE 44.7 12.8 344.9 3,750.60 -1,806.4
PSE 6.9 -25.2 439.4 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 8.6 1.2 155.0 135.6 263.2
SET INDEX -42.3 15.9 -487.0 -1,091.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเปิดสถานะ Short เป็นวันที่ 6
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1,422 +538
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,763 -3,324
SSF (สัญญา) +1,114 -94
Metal Futures (สัญญา) +1,202 +173
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -901 -2,824
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,422 ล้านบาท หลัง ธปท. ปรับประมาณการ GDP ปี 2558-2559 ลงอีกครั้ง ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับเป็น 16,342 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติคงการ Short เป็นวันที่ 6 อีก 2,763 สัญญา รวม 6 วันทำการ Short สุทธิ 24,736 สัญญา น่าจะเป็นการเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง ส่งผลให้ S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 9 เท่ากับ 5.89 จุด ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 5.67 จุด YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิ ขยับเป็น 72,330 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 901 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 3,725 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นเป็นวันที่ 6 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันที่ 6 อีก 1.05bps ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าที่ลดลงมากถึง 4.35bps ทำให้ผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปิดต่ำกว่า 3.00% เป็นวันที่ 3 ปิดที่ 2.941%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,056 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 969 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 179.69 11.68% 356.38
DTAC 108.34 28.46% 82.60
AOT 83.03 2.00% 292.88
SCC 67.14 10.55% 519.68
KTB 64.94 6.08% 17.66
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 11 วันทำการ เน้นกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง 577 ล้านบาท เทียบกับ 10 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 10,477 ล้านบาท โดยยังคงขายหนักใน
กลุ่มธนาคารต่อเนื่อง สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 237 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 777 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 71 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 348 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 490 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 152 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 745 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 141 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ขายสุทธิ 131 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 211.42 30.53 BBL -233.55 41.42
BIGC 60.96 30.29 PTT -158.86 16.89
LH 55.63 34.31 MINT -155.99 10.90
THAI 53.93 27.56 KBANK -150.57 40.07
EGCO 49.35 16.55 AAV -146.08 13.79
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong