- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 June 2015 17:01
- Hits: 1401
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ทรงตัวได้ แต่คาดกรอบบวกจำกัด ดังนั้นขึ้นยังน่าขาย
กลยุทธ์ : ช่วงนี้การบวกขึ้นของตลาดต่างประเทศมาจากแรงซื้อเก็งกำไร โดยคาดหวังว่าปัญหาต่างๆ อาจคลี่คลายไปทางบวก แต่ในความเป็นจริงยังไม่ได้มีความชัดเจนใดๆ รวมทั้ง FSS มองว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังกดดันตลาดได้อีก ดังนั้นเรายังแนะนำเพียงเทรดดิ้งสั้นตามรอบ และจำกัดพอร์ตไว้ก่อนดีกว่า เพื่อรอจังหวะเลือกหุ้นซื้อจริงจังอีกครั้งเมื่อ SET ไหลลงต่ำกว่านี้ หรือจนกว่าปัจจัยลบต่างๆ จะผ่อนคลาย และมีประเด็นบวกใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนเพิ่มเติมอีกครั้ง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TPIPL, CCP, MEGA(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยพยุงตลาดได้บ้าง ทำให้ SET กลับมาแกว่งทรงตัวด้านบวกอีกครั้ง โดยคาดว่ามาจากแรงซื้อเก็งกำไรเพื่อลุ้นผลประชุมเฟดในค่ำวันนี้(17 มิ.ย.) ด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ก็มีจังหวะรีบาวด์กลับไปแกว่งบวก เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อหลังการร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ เพื่อเก็งกำไรผลประชุมเฟดเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นเยอรมนี โดยนักลงทุนยังรอติดตามการประชุม รมว.คลังยูโรกรุ๊ปในวันพรุ่งนี้(18 มิ.ย.) ด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้หลายแห่งยังขยับเปิดบวก ซึ่งน่าจะพอช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยให้มีจังหวะบวกต่อเนื่องได้อยู่ อย่างไรก็ตามกรอบการบวกขึ้นของตลาดเอเชียไม่ได้กว้างนักและยังมีจังหวะผันผวนให้เห็น ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็น่าจะยังมีกรอบบวกจำกัดเช่นกัน และยังต้องระวังแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงออกมากดดันให้ SET ปรับลงอีกครั้งไว้ด้วย โดยเฉพาะคาดว่าปัญหาหนี้ของกรีซยังมีสิทธิกดดันตลาดได้อยู่
แนวรับ 1502-1500 , 1496-1490 จุด
แนวต้าน 1506-1508 , 1512-1515 จุด
Fund Flow เมื่อวานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคในปริมาณที่หนาแน่นมาก US$502 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$265ล้าน และไต้หวัน US$227 ล้าน ส่วนตลาด TIP ไหลเข้าอินโดนีเซียประเทศเดียว US$15ล้าน มีความกังวลที่เกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซมากขึ้น โดยตลาดคาดว่าอาจตกลงกันไม่ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะดึงดูดเม็ดเงิน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังคงไหลออกต่อไป
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ICAO พอใจแผนและขยายเวลาแก้ปัญหาของบพ.ไทยถึง พ.ย. นี้ จากเดิมที่กำหนด 18 มิ.ย. ทำให้ EASA (การบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป) มีท่าทีผ่อนคลายกับไทยและจะยึดตาม ICAO แต่จะแถลงว่าจะทำอย่างไรกับสายการบินของไทยในวันที่ 25 มิ.ย. ถือเป็นข่าวดีกับกลุ่มท่องเที่ยว โดยเราชอบ AAV (เป้าหมาย 6.90 บาท) ที่สุด ราคาหุ้นที่ปรับลงจากความกังวลต่อฐานะการเงินของบ.แม่คือ Air Asia Berhad ไม่มีผลต่อ AAV ส่วน AOT ได้รับผลดีไปด้วยแต่ราคาเต็มมูลค่าแล้วที่ 310 บาท
(+) EPCO แนวโน้มกำไร 2Q15 ยังทรงตัวทั้งโรงพิมพ์และโรงไฟฟ้าที่ปัจจุบันมีอยู่ 16.1 MW แต่ 2H15 จะเพิ่มขึ้นจากการเริ่มจ่ายไฟล๊อตแรกในญี่ปุ่น 10 MW ใน 4Q15 (มีใบอนุญาตทั้งหมด 23 MW) และมีลุ้นซื้อโรงไฟฟ้าโซล่าร์ในยุโรป ซึ่งราคากำลังถูกจากเงินยูโรที่อ่อนค่า คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ (ตั้งเป้า 100 MW ก่อนนำบ.บ่อพลอยที่เป็นบ.ย่อยเข้าตลาดฯ) ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE ปีหน้า 18 เท่า และจะลดลงเหลือ 7 เท่าจากการเติบโตแรงกว่าเท่าตัวในปี 2016 ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท
(+) TPCH ได้รับใบตอบรับซื้อไฟฟ้าในระบบ Feed in tariff (ราคาขายไฟสูงกว่าระบบ Adder) สำหรับ 3 ใน 6 โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนา ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟแล้ว 1 แห่ง 9.2 MW อีก 5 แห่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง และอีก 1 แห่ง เฟสแรก 23 MW คาดได้ PPA เร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้จำนวนขายไฟสิ้นปีนี้เพิ่มเป็นประมาณ 30 MW และปี 2016 เป็น 60 MW และยังคงเป้า 200 MW ในปี 2020 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 94.8 MW โดยจะเข้าร่วมประมูล PPA ในรอบนี้อีกราว 50 MW หลังรัฐสรุปเกณฑ์ประมูล ก.ค.นี้ เรายังคงคาดกำไรปี 2015-16 โตเฉลี่ยปีละ 244% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท
(+) ASP เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 3% เป็น 928 ล้านบาท +8.8% Y-Y โดยปรับเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมขึ้น 16% ส่วนใหญ่มาจากงาน IB ที่คาดว่าจะมากขึ้นใน 2H15 ทั้งการขายหุ้น IPO และตราสารหนี้ งานในมือปัจจุบันอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชดเชยส่วนแบ่งการตลาดที่น้อยกว่าคาดได้ เราปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 5 บาทจาก 4.73 บาท คาด Dividend yield สูงถึง 9% (0.40 บาท/หุ้น) ยังคงเป็น Top pick ของกลุ่ม ASP ยังมีข่าวหนุนคือการได้เข้าคำนวณใน SET100 รอบ 2H15 เรายังคงแนะนำซื้อ
(+) จากสถิติพบว่าหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณ SET50 ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 4% ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนมีผลใช้จริง สำหรับงวด 1 ก.ค.-31 ธ.ค. 2015 ตลท.ประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 มี 7 ตัวได้แก่ BA, BMCL, CBG, ITD, SAWAD, TPIPL, WHA หุ้นที่เอาออกมี BAY, BIGC, BJC, KTIS, SCCC, SPALI, VGI ส่วน SET100 หุ้นที่เข้าคำนวณมี 13 ตัวได้แก่ ASP, BA, BEAUTY, CBG, CKP, LHBANK, MONO, RS, S, SAPPE, U, UNIQ, WHA หุ้นที่เอาออกมี BAY, BCH, BIGC, BJC, IFEC, KTIS, MEGA, NOK, PTG, SCCC, SIM, STA, THREL
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกหลังจากร่วงลงติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า โดยนักลงทุนจับตาดูผลการประชุม FED รวมถึงสถานการณ์หนี้กรีซที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายอีกครั้ง
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้เช่นกัน ขณะที่นักลงทุนยังจับตาผลการประชุม FED รวมถึงการประชุมรมว.คลังของยูโรกรุ๊ปในวันพฤหัสบดีนี้
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในแดนบวกได้เช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น แต่ยังต้องจับตาดูนโยบายการเงินของทั้งสหรัฐฯและยูโรโซน
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบจำกัด ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.60-33.70 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปิดที่ 59.97 เหรียญ/บาร์เรล ขยับขึ้น 0.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังพายุโซนร้อนส่งผลกระทบทางลบต่อการผลิตน้ำมันดิบในรัฐเท็กซัส
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 1,180.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 4.90 เหรียญ/ออนซ์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดผลการประชุม FED ในสัปดาห์นี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17-มิ.ย. - สหรัฐ: FOMCประชุม
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
18-มิ.ย. - ไทย: ครบกำหนดที่ ICAOให้กรมการบินพลเรือนของไทยแก้ปัญหาให้เสร็จ
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
- สหรัฐ:อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- ยุโรป:การประชุมรมว.คลังกลุ่มประเทศในยุโรป
19-มิ.ย. - ไทย: ธปท.ปรับคาดการณ์ GDPอย่างเป็นทางการ
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- ไต้หวัน:ตลาดหุ้นปิดทำการ
- ยูโรโซน:ดุลบัญชีเดินสะพัด (เม.ย.)
19-25 มิ.ย. - ไทย:ธนาคารพาณิชย์รายงานยอดสินเชื่อเดือน พ.ค.
22-มิ.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (พ.ค.), ดุลการค้า (พ.ค.)
- จีน: ตลาดหุ้นปิดทำการ
- สหรัฐ:ยอดขายบ้านเก่า (พ.ค.)
23-มิ.ย. - จีน:HSBC China Manufacturing PMI (มิ.ย.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (พ.ค.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ค.)