- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 June 2015 17:43
- Hits: 1578
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ยืนเหนือ 1500”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวันศุกร์ปิดลดลง 6.58 จุด โดยดัชนีปรับขึ้นไปใกล้ 1520 จุดแล้วเจอแรงขายทำกำไรกดลงมาต่ำสุดที่ 1506 แล้วขยับขึ้นมาปิดที่ 1508.23 จุด นำโดยแรงขายในกลุ่มธนาคารพาณิชย์, พลังงาน & ปิโตรเคมี นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก เนื่องจากรอดูปัจจัยใหม่ในสัปดาห์นี้
สำหรับ สัปดาห์นี้จับตาผลการประชุมเฟดวันที่ 16-17 มิ.ย.ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นช่วงก.ย.58 หรือปลายปี 58 ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีเรื่องใหม่ที่เป็นนัยสำคัญนัก แต่ยังสามารถเลือกลงทุนเป็นรายบริษัทได้ โดยกลุ่มที่คาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโตดี และ/หรือฟื้นตัวแข็งแกร่ง ประกอบด้วย พลังงาน&ปิโตรเคมี (หุ้นเด่น PTT, TOP, IVL, PTTGC, SCC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น TASCO, TRC,VNG), รับเหมาก่อสร้างที่มี Backlog มั่นคงและกำไรโตดีในปีนี้ (หุ้นเด่น BJCHI, SYNTEC, TTCL), อาหารส่งออก (TUF), กลุ่มขนส่ง (หุ้นเด่น AOT, BA) เป็นต้น สำหรับกลุ่มไฟแนนซ์ที่เน้นการรับจำนำรถ เรียกเก็บหนี้ และปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใน CLMV เราชอบ GL แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงจึงเน้นซื้ออ่อนตัว สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น AOT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญานทางเทคนิคเป็นลบมากขึ้น แต่มีสิทธิเด้งแบบมีระยะทางจำกัดหลังอ่อนตัว กรอบแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่1520-1530 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า 1500 จุด ลดพอร์ตตาม
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
•/+ สหรัฐ : เงินเฟ้อด้านต้นทุน (PPI) ขยับขึ้น & ความเชื่อมั่นผู้บริโภคแข็งแกร่ง โดยดัชนี PPI สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้น0.5%MoM ในเดือนพ.ค. และดัชนี PPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.1%MoMส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นของเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 94.6เพิ่มขึ้นจาก 90.7 ในเดือนพ.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 91.5 ในเดือนมิ.ย. ด้านยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.2%MoMและปรับเพิ่มของเดือนเม.ย.เป็นเพิ่มขึ้น 0.2%MoM (จากเดิมทรงตัว)
• สหรัฐ : ธนาคารกลางสหรัฐประชุม 16-17 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% โดยตลาดรอฟังถ้อยแถลงของเฟดเรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในสิ้นปี 58 มีมากขึ้น (จากเดิมส่วนใหญ่ประเมินว่าจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ก.ย.58) เนื่องจากมีประเด็นความเสี่ยงทั้งจากกรีซและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้าทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความเปราะบาง แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจบางรายการจะออกมาดีกว่าคาดก็ตาม
• อังกฤษ : S&P ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษในสู่ระดับ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบทางการเมืองหลังจากนายกรัฐมนตรีเดวิดคาเมรอนตัดสินใจจัดทำประชามติเรื่องให้อังกฤษถอนตัวจากสมาชิกภาพ EU ซึ่งจะทำในปี 60 ทั้งนี้ปัจจุบันอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษอยู่ที่ AAA
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งแรงเพราะวิตกปัญหาหนี้กรีซ นักลงทุนลดความเสี่ยงในพอร์ตหุ้น เพื่อรอดูความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ หลัง IMF ระบุว่ามีหลายข้อที่ในแผนปฎิรูปที่ทาง IMFไม่สามารถยอมรับได้ ทั้งนี้กรีซมีหนี้ที่ต้องชำระให้ IMF ภายใน 30มิ.ย.58 มูลค่า 1.5 พันล้านยูโร ดัชนี DJIA ปิดลดลง 140.53 จุด
- ราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT อ่อนตัวลง 1.3-1.4% เมื่อคืนวันศุกร์ เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบที่ยังสูง ขณะที่ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นด้านอุปสงค์
• สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบส.ค.อ่อนลงเล็กน้อย 1.2ดอลลาร์ หรือ -0.10% ปิดที่ 1,179.20 ดอลลาร์/ออนซ์
• เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากการเจรจาระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ยุโรปที่เบลเยี่ยมล้มเหลวอีกรอบ เพราะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากในแผนปฎิรูปเศรษฐกิจเบ็ดเสร็จของกรีซ
+ ค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ โดยล่าสุดอยู่ที่33.7995 บาท/ดอลลาร์ (อ่อนสุดของ YTD เท่ากับ 33.9725 บาท/ดอลลาร์ และแข็งสุดที่ 32.198 บาท/ดอลลาร์) ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาทช่วยหนุนกลุ่มส่งออกให้มีผลประกอบการดีขึ้นเมื่อแปลงเป็นรูปบาท หุ้นเด่น KCE (ราคาพื้นฐาน 55 บาท)
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
• ปริมาณการใช้เช็คลดลงสะท้อนภาพธุรกิจในประเทศที่ยังซบเซา ล่าสุดธปท.รายงานปริมาณและมูลค่าการใช้เช็คเดือนพ.ค.58ลดลง 4.5%YoY และ 2.6%YoY โดยลดลงมากในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
ความเห็น Retail Research : เราคาดว่าผลประกอบการของกลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศจะยังซบเซา เพราะหนี้ภาคครัวเรือนสูงกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ (ภาวะภัยแล้งยิ่งทำให้กำลังซื้ออ่อนลงไปอีก) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังต่ำ อย่างไรก็ดี มีกลุ่มที่คาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโตดี และ/หรือฟื้นตัวแข็งแกร่ง ประกอบด้วยพลังงาน&ปิโตรเคมี (หุ้นเด่น PTT, TOP, IVL, PTTGC, SCC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น TASCO, TRC, VNG), รับเหมาก่อสร้างที่มีBacklog มั่นคงและกำไรโตดีในปีนี้ (หุ้นเด่น BJCHI, SYNTEC,TTCL), อาหารส่งออก (TUF), กลุ่มขนส่ง (หุ้นเด่น AOT, BA) เป็นต้น
• ธุรกิจสายการบิน : รอ ICAO พิจารณาการแก้ไขปัญหาของไทย ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เดินทางไปสำนักงานใหญ่ ICAO แคนาดา 13-15 มิ.ย.58 และไปสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) เพื่อชี้แจงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) ของกรมการบินพลเรือนไทยตามที่ ICAO เสนอแนะมา โดยการแก้ไขในระยะเร่งด่วน ด้านการจัดทำคู่มือการบิน การอบรม และการทบทวนใบอนุญาตการบิน (AOC) จะแล้วเสร็จไม่เกินเดือนก.ย.-ต.ค.58 ส่วนการปรับโครงสร้างกรมการบินพลเรือน อยู่ในแผนระยะกลาง-ยาวคาดเสร็จปลายปี 58 ถึง ต้นปี 59
• AOT : ผู้บริหารคาดการให้บริษัทรับภาระค่าธรรมเนียมแท็กซี่ส่วนเพิ่มอาจต้องให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติก่อน ทั้งนี้ในเบื้องต้นรมว.คมนาคมแจ้งมายัง AOT ว่าอาจมีการปรับค่าธรรมเนียมแท็กซี่ทั้ง 2 สนามบิน โดยรถแท็กซี่ปกติอาจเพิ่มเป็น 60บาท และแท็กซี่ขนาดใหญ่เพิ่มเป็น 80 บาท (ปัจจุบัน 50 บาททั้งสองขนาด) และขอให้ AOT ช่วยรับภาระเซอร์ชาร์จ 6 เดือน ทั้งนี้ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ถือ 70%, Thai NVDR4.99%, STATE STREET BANK EUROPE LIMITED 1.88%,CHASE NOMINEES LIMITED 1.77%, THE BANK OF NEWYORK MELLON 1.31%
ความเห็น Retail Research : เราเห็นว่าประเด็นนี้ส่งผลกระทบต่อAOT จำกัด ถึงแม้ว่าในกรณีที่แย่ที่สุดต้องรับภาระค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่ม 6 เดือนก็ตาม โดยผลต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 58 ไม่เกิน0.1% เท่านั้น ในเชิงกลยุทธ์ การอ่อนตัวเป็นจังหวะซื้อ AOT โดยเราให้เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่มขนส่งด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวเต็มที่ และไม่ถูกกระทบจากปมประเด็น ICAO ฐานะการเงินแข็งแกร่ง เป็นเงินสดสุทธิ DBSคาด Core Profit ปี 58F-59F เติบโต 30% และ 18% ตามลำดับ (ปี57A ขยายตัว +21%) ให้ราคาพื้นฐาน 366 บาท (DCF)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]