- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 June 2015 17:10
- Hits: 965
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Banking Sector
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ฟื้นตัว หลัง รมว.คลัง ออกมาให้ความเห็นถึงการประชุม กนง.ไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อทำให้เงินบาทอ่อนค่า ทำให้กลุ่มธนาคารเริ่มฟื้นตัว อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปเปิดฟื้นตัวด้วยความหวังเชิงบวกต่อกรณีกรีซ ทำให้ SET INDEX ขยับขึ้นปิดที่ 1,482.07 จุด บวก 5.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,479 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางอีกครั้ง แม้ว่าจะขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 847 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures 4,210 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 985 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
นายกฯ เยอรมัน และประธานาธิบดีฝรั่งเศส หารือกับประธาน EC เกี่ยวกับกรณีกรีซ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป คาดว่าจะได้กรอบเวลาในเร็วๆ นี้
ECB คงนโยบายการเงิน พร้อมยืนยัน QE มีส่วนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว
ติดตามการประชุม โอเปคในวันพรุ่งนี้ คาดคงโควต้าการผลิตเช่นเดิม หากเป็นไปตามคาด จะกลายเป็นตัวแปรกดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น "กลาง" วันที่ 47 ทั้งนี้ SET INDEX ที่ฟื้นตัวยืนเหนือ 1,480 จุดวานนี้ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เราเชื่อว่าเป็นการเกิด Technical Rebound รอบสั้นๆ เท่านั้น ภาพการลงทุนของตลาดหุ้นไทยยังมีความเปราะบางอยู่มาก ตราบใดที่มูลค่าการซื้อขายยังต่ำกว่า 5.0 หมื่นล้านบาท/วัน
แม้ว่า รมว.คลัง นาย สมหมาย ภาษี ออกมาให้ความเห็นต่อการประชุม กนง.วันที่ 10 มิ.ย.นี้ อาจไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย RP1 วันอีก เพราะภาคการส่งออกเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มธนาคารปรับตัวลง 12.51% ตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนแรงกดดันทั้งส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่แคบลงจากการลดอัตราดอกเบี้ย / หนี้เสีย (NPLs) ที่เพิ่มขึ้น สร้างแรงกดดันต่อการตั้งสำรองหนี้เสีย / การเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับต่ำ ประเด็นดังกล่าวนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศต่างลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง ความเห็นเชิงกลยุทธ์ เราคิดว่าหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารปรับตัวลงมาสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว การประชุมกนง.สัปดาห์หน้า หากลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะเกิดแรงกดดันเป็นครั้งสุดท้าย แต่หากคงอัตราดอกเบี้ยตามที่รมว.คลังให้ความเห็น หุ้นหลักกลุ่มธนาคารก็พร้อมที่จะฟื้นตัวเช่นกัน
ขณะที่เราประเมินว่ากลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี YTD ขยับขึ้น 3.96% และ 22.38% ตามลำดับ เทียบกับ SET INDEX -1.04% สะท้อนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบไปค่อนข้างมากแล้ว หากการประชุมโอเปคในวันพรุ่งนี้คงโควต้าการผลิตเช่นเดิม บวกกับปลายปีนี้ อิหร่านจะกลับมาผลิตและส่งออกน้ำมันดิบ ย่อมสร้างแรงกดดันต่ออุปทาน ภายใต้อุปสงค์ที่เติบโตต่ำ กลายเป็นประเด็นที่เกิดแรงกดดัน Upside gain ของ 2 กลุ่มนี้
เมื่อภาพรวมของการลงทุนยังเห็น SET INDEX ซึมตัวลง ไร้ทิศทาง จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในการประชุม กนง. สัปดาห์หน้า ดังนั้นหุ้นปันผลระหว่างกาล มีแนวโน้มแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับภาพรวม (เช่น INTUCH / ADVANC) หรืออาจเป็นการเลือกเก็งกำไรต่อคาดการณ์หุ้นใหม่ที่จะได้เข้า SET50 / SET100 หรือการทำ Window Dressing ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิ.ย.
เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.23 น.) Nikkei - Kospi เปิดบวกเล็กน้อย สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนเลือกเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย แบบจำกัดวงเงิน และพร้อมขายทำกำไร เมื่อผลตอบแทน 5% +/- ในแต่ละรอบ" ภายใต้ภาพ SET INDEX ที่ยังมีความเปราะบาง
Top Pick in 2Q15: ITD / TPIPL/ WHA / TASCO
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP
Accumulative Buy: IFEC/ TMB
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TMB : ราคาปิด 2.50 บาท ราคาเหมาะสม 3.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะฟื้นตัว หลังรมว.กระทรวงการคลังส่งสัญญาณว่ากนง.ไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยลงอีกหลังภาคส่งออกเริ่มฟื้นตัว จึงคาดว่าจะเห็นแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มธนาคารเพื่อเก็งกำไรผลการประชุมกนง.ในวันที่ 10 มิ.ย.
b) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงถึง -5.7% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET INDEX ที่ลดลง -2.9% จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่อาจแคบลงอีกหากนโยบายดอกเบี้ยยังลดลงต่อเนื่อง
c) ดังนั้น หากการประชุม กนง ในสัปดาห์หน้าคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% จะช่วยผ่อนคลายความกังวลและเชื่อว่าการลดลงของหุ้นกลุ่มธนาคารได้สะท้อนปัจจัยลบทางเศรษฐกิจไปพอสมควรแล้ว
d) จุดเด่นของ TMB อยู่ที่การขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตต่อเนื่องในระดับ 10-15% yoy และมี Coverage Ratio สูงถึง 150% และคาดว่างบ 2Q58 จะเด่นสุด qoq เมื่อเทียบกับหุ้นที่เหลือในกลุ่มธนาคาร
e) และเชื่อว่าแผนการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังในบริษัทจดทะเบียนและรัฐวิสาหกิจ อาจเป็นประเด็นเก็งกำไรต่อหุ้น TMB ได้ในอนาคต เนื่องจากราคาปัจจุบันต่ำกว่าต้นทุนของกระทรวงการคลังที่ราว 3.50 บาทต่อหุ้น
2. IFEC : ราคาปิด 12.00 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ได้แก่
I. จะขึ้นเครื่องหมาย XW สัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 Warrant ในวันที่ 25 มิ.ย.
II. คาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการโซลาร์ฟาร์มของรัฐบาลบนแผน PDP ฉบับใหม่ในเดือน ก.ค.
III. โรงไฟฟ้าพลังลมแห่งแรกที่ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 10 MW จะเริ่มจ่ายไฟในเดือน ส.ค. - ก.ย.
b) ฐานกำไรใน 2H58 จะยกตัวขึ้นจากการรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฟาร์มในกัมพูชาแห่งแรกจำนวน 20 MW พร้อมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมแห่งแรกที่ปากพนัง
c) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +238% yoy เป็น 459 ล้านบาท และ +282% yoy เป็น 1,753 ล้านบาท ในปี 2559
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$197 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$156 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาเร่งปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures
แม้ว่านักลงทุนต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 847 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ขายสุทธิ 4,285 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,310 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 7,689 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures วานนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิ 4,210 สัญญา จากวันก่อนหน้า Short สุทธิอีก 2,930 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50M15 คงปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 7 กว้างขึ้นเป็น 9.63 จุดจากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 7.61 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะเป็น Short สุทธิลดลงเหลือ 41,515 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 985 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,167 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากถึง 6.43bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.45bps ปิดล่าสุดที่ 2.845%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 896 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,559 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง แต่เป็นการกระจายไปในกลุ่มหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิ 382 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 565 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการกระจายการซื้อสุทธิในกลุ่มหลักๆ มากกว่าจะเน้นที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิสูงสุด 168 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 264 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 131 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 405 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 128 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 216 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 110 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลขายสุทธิสูงสุด 91 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 231 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 63 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 219 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
OECD ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกลง: คาดเติบโต 3.0% ลดลงจากการประเมินเดือนมี.ค.ที่คาด 4.0% ส่วนปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจโลกขยายตัว 4.3% ทั้งนี้การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ ส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การลงทุนถือเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวที่มีนัยยะนัก
สหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโต 2.0% ในปีนี้และ 2.8% ในปีหน้า ลดลงจากการประเมินเดือนมี.ค.ที่ 3.1% และ 3.0% ตามลำดับ
จีน คาดเติบโต 6.8% ปีนี้ ลดลงจากการประเมินเดือนมี.ค.ที่ 7.0%
อียู คงประมาณการไว้ที่ 1.4% ปีนี้
ญี่ปุ่น คาดเติบโต 0.7% ลดลงจากการประเมินเดือนมี.ค.ที่ 1.0%
รายงาน Beige Book เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต:
4 เขตเศรษฐกิจจากทั้งหมด 12 เขตของเฟด ส่งสัญญาณการเติบโตแบบปานกลาง ส่วน 3 เขต รายงานภาพรวมเติบโตปานกลางถึงดีเล็กน้อย ส่วนที่เหลือภาพรวมเป็นแบบผสม ถึง เติบโตเพียงเล็กน้อย ส่วน Dallas ส่งสัญญาณชะลอตัว
ภาคการผลิตส่วนใหญ่ทรงตัว ยกเว้น Dallas ที่ชะลอตัวเล็กน้อย ส่วน Kansas City ลดลงอย่างมาก เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการผลิตเหล็ก
ราคาน้ำมันดิบที่ลดลง กลับเป็นตัวกดดันอุตฯ น้ำมันและก๊าซ ต่อเนื่องไปยังภาคการผลิตมากกว่าครึ่งของพื้นที่เขตเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพังงาน
การจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในภาพรวม แต่ค่าแรงงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่ส่วนใหญ่
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
การจ้างงานภาคเอกชน เดือนพ.ค. เท่ากับ 2.01 แสนตำแหน่ง ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาด 2.00 แสนตำแหน่ง และดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 1.65 แสนตำแหน่ง
ดุลการค้าเดือนเม.ย. ขาดดุล US$4.09 หมื่นล้าน ขาดดุลน้อยกว่า Bloomberg consensus คาด -US$4.40 หมื่นล้าน และเดือนก่อนหน้าขาดดุล US$5.06 หมื่นล้าน โดยการนำเข้าลดลง 3.3% mom เป็น US$2.308 แสนล้าน ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 1.0% mom เป็น US$1.899 แสนล้าน
ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนพ.ค. เท่ากับ 56.2 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 56.5 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 57.4 จุด ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่และภาคธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง
ดัชนี ISM ภาคบริการ เดือนพ.ค. เท่ากับ 55.7 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 57.2 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 57.8 จุด การจ้างงานชะลอตัว 1.4 จุด เป็น 55.3 จุด
ยุโรป
ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบ 2 ปี: ราคาบ้านเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 4.6% yoy แต่ชะลอตัวจากเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 5.2% yoy เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2556 ทำให้ราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ GBP195,166/หลัง แนวโน้มราคาบ้านในอังกฤษจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวได้อีก หากมีบ้านใหม่เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง
ดัชนี PMI ภาคบริการของฝรั่งเศสขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน: เดือนพ.ค.เท่ากับ 52.8 จุด จากเดือนเม.ย.ที่ 51.4 จุด ทั้งนี้การจ้างงานแตะระดับสูงสุดในรอบ 41 เดือน
ECB คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด: อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.05% หลังความเสี่ยงการเกิดภาวะเงินฝืดในอียูคลายตัวลง เมื่ออัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.กับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แม้ว่าความเสี่ยงกรณีกรีซ และอัตราการว่างงานในอียูจะอยู่ในระดับสูงกว่า 11% ก็ตาม โดย ECB คงประมาณการเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อใน 3 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับประมาณการในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมยืนยัน โครงการ QE ที่เข้าซื้อสินทรัพย์ 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน ทำงานได้อย่างดี
นายกฯ เยอรมัน ลงมาแก้ปัญหากรณีกรีซ: เพื่อเร่งให้การเจรจาแผนปฎิรูปของกรีซได้ข้อสรุป หลังเจรจามาตลอด 4 เดือน โดยนายกฯ เยอรมัน และ ประธานาธิบดี ฝรั่งเศส ได้หารือร่วมกับ ประธาน EC และนายกฯ กรีซ คืนวานนี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปของกรอบเวลา
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
เศรษฐกิจออสเตรเลียเติบโตดีกว่าคาด: ขยายตัว 0.9% qoq ใน 1Q58 ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 0.7% qoq ทั้งนี้การส่งออกขยายตัว 5.0% qoq ใน 1Q58 แม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะอยู่ในระดับต่ำ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 0.5% qoq
เศรษฐกิจเกาหลีใต้เติบโตใกล้เคียงกับการประเมินครั้งก่อน: ขยายตัว 2.5% yoy เทียบกับตัวเลขการประเมินครั้งก่อนที่ขยายตัว 2.4% yoy รวมถึงเป็นการขยายตัว 0.8% qoq นำโดยการลงทุนภาคก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 7.4% qoq รวมทั้งการใช้จ่ายภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐฯที่ขยายตัว 0.6% qoq และ 0.2% qoq ตามลำดับ
ไทย
รมว.คลัง ระบุยังไม่ปรับขึ้น VAT ในปีนี้: นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ระบุว่า กระทรวงการคลังจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) จาก 7% ในปัจจุบัน เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับผู้มีรายได้น้อย ที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลไหนจะกล้าเพิ่ม ตอนนี้ดูเศรษฐกิจแล้ว ผมและผู้ใหญ่คุยกันแล้วว่าถ้าขึ้นจะเป็นการซ้ำเติมประชาชน คงจะทำเรื่องเสนอ ครม.ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
เวิล์ดแบงก์ คาดส่งออกไทยปีนี้โตแค่ 0.5%: น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก ประเมินว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยปีนี้จะเติบโตได้ 0.5% ขณะที่การนำเข้าจะหดตัว 2% โดยมองว่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานต่ำในปีก่อน แต่ปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตน่าจะมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เริ่มฟื้นตัวขึ้น"ส่งออกปีนี้คงโตได้ 0.5% เชื่อว่าน่าจะทำได้ ไม่ใช่ตัวเลขที่สูงเกินไป โดยครึ่งปีหลังการส่งออกจะเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก เพราะตลาดหลักของไทยฟื้นตัว ในขณะที่ประเมินว่าทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3.5% โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มมาขึ้น รวมทั้งการลงทุนของภาครัฐที่คาดว่าทั้งปีการลงทุนภาครัฐจะสามารถเติบโตได้มากกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530