WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Test 1470

ตลาดหุ้นวานนี้:
       ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ซึมตัวลงจากแรงกดดันของตลาดหุ้นกลุ่ม TIP อีกทั้ง JPMorgan ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยลงเป็น "underweight" จากเดิม "กลาง" รวมถึงเริ่มเห็นการปรับประมาณการกลุ่มธนาคารไทยอีกระลอก อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบจากแรงกดดันกรณีกรีซ ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,476.87 จุด ลบ 19.18 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,998 ล้านบาท
กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นลบ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,663 ล้านบาท Short สุทธิ SET50 Index Futures อีกครั้ง 2,930 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 1,272 ล้านบาท เมื่อ ธปท. ส่งสัญญาณปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงอีกในการประชุม กนง.วันที่ 10 มิ.ย. ทำให้ภาพพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นเปราะบาง

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการหารือของเจ้าหนี้ EU - ECB - IMF ต่อแผนที่กรีซเสนอในคืนวันจันทร์ที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กรีซมีสภาพคล่องบางส่วนที่จะชำระหนี้ IMF ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้


ติดตามการประชุม ECB ในวันนี้ ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และกรณีกรีซ
ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ คืนนี้ Bloomberg consensus คาด 2.0 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.69 แสนตำแหน่ง
อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ของไทยยังคงติดลบ เฉลี่ย 5M58 ติดลบ 0.77% yoy เพิ่มโอกาสที่กนง.จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง.วันที่ 10 มิ.ย.นี้

มุมมองต่อตลาด


เราคงมุมมองเป็น "กลาง" วันที่ 46 แม้ว่า SET INDEX จะทำระดับปิดต่ำสุดในรอบปีนี้ใหม่อีกครั้ง 1,476.87 จุด จากการปรับน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร หลัง JPMorgan ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่วน UBS ปรับประมาณการกลุ่มธนาคารลงอีกระลอก ส่งผลให้ต่างชาติและสถาบันภายในประเทศต้องปรับพอร์ตการลงทุนอีกระลอก


และเมื่อพิจารณาถึง ธปท.ที่ส่งสัญญาณปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงอีกครั้งในการประชุมกนง.วันที่ 10 มิ.ย. บวกกับ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ของไทยยังคงติดลบ และทำให้เฉลี่ย 5M58 ติดลบ 0.77% yoy เทียบกับเป้าหมาย สศค.ประเมินเงินเฟ้อ (-0.3) - 0.7% ในปีนี้ ย่อมเปิดโอกาสให้กนง.ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้น เพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกทางอ้อมต่อภาคการส่งออกไทยในแง่ของเงินบาท ด้วยประเด็นเหล่านี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย NIM ของกลุ่มธนาคารใน 2Q58 ภายใต้สินเชื่อชะลอตัว แต่หากมองอีกมุมหนึ่งการลดอัตราดอกเบี้ย ย่อมช่วยให้ NPLs ชะลอตัว ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ โดยเฉพาะ SMEs ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารจะทรงตัวดีขึ้น หลังเกิดความชัดเจนในการประชุมกนง.สัปดาห์หน้า


ขณะที่ประเด็นเสี่ยงของกรีซ เหมือนว่าทั้งลูกหนี้ และ เจ้าหนี้ ต่างฝ่ายต่างกดดันอีกฝ่าย เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง เราเชื่อว่าแผนที่กรีซเสนอจะถูกปรับหลักเกณฑ์บางอย่าง เพื่อนำไปสู่การหาข้อสรุปของการให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซในรอบถัดไป ทั้งนี้นักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับยูโร เป็นตัวประเมินมุมมองของตลาดโดยรวม


แม้ว่าภาพรวมของการลงทุนยังเห็น SET INDEX ซึมตัวลง ไร้ทิศทาง จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในการประชุม กนง. สัปดาห์หน้า ดังนั้นหุ้นปันผลระหว่างกาล มีแนวโน้มแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับภาพรวม หรืออาจเป็นการเลือกเก็งกำไรต่อคาดการณ์หุ้นใหม่ที่จะได้เข้า SET50 / SET100 หรือการทำ Window Dressing ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิ.ย.


เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.17 น.) Nikkei - Kospi เปิดลบค่อนข้างแรง จากค่าเงินเยนแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ติดตามสถานการณ์กรีซ อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้ตลาดฟื้นตัวได้

กลยุทธ์การลงทุน
     ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนเลือกเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย แบบจำกัดวงเงิน และพร้อมขายทำกำไร เมื่อผลตอบแทน 5% +/- ในแต่ละรอบ" ภายใต้ภาพ SET INDEX ที่ยังมีความเปราะบาง

Top Pick in 2Q15: ITD / TPIPL/ WHA / TASCO
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ WHA/ THAI/ BCP
Speculative buy: TIPCO
Profit-Taking: TASCO

Stock Pick of the Day

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TIPCO : ราคาปิด 12.00 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 - 20.00 บาท ***
a) MBKET มีมุมมองเชิงบวกหลังเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของ TIPCO วานนี้ และเชื่อว่าจุดเด่นของ TIPCO คือมี Asset Value ที่ดี คือการถือหุ้น 24.16% ใน TASCO และธุรกิจผลไม้ & เครื่องดื่มมีการกระจายตัวครอบคลุมทุก Segment ได้แก่ เครื่องดื่มน้ำผลไม้, เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และน้ำแร่ออร่า
b) คาดผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วในปีที่ผ่านมา หลังภาวะ Supply ขาดแคลนสับปะรดมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และบริษัทเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อจัดหา Supply สับปะรดร่วมกับชาวไร่ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องวัตถุดิบในระยะยาว นอกจากนั้น บริษัทยังได้ประโยชน์โดยตรงต่อเงินบาทที่อ่อนค่า เนื่องจากมียอดขายเกือบทั้งหมดในสกุล USD
c) ขณะที่ธุรกิจเครื่องดื่มน้ำผลไม้ยังมีช่องว่างในการเติบโต เนื่องจากปัจจุบันการบริโภคน้ำผลไม้ของประชากรไทยอยู่ที่ราว 2 ลิตรต่อคนต่อปี เทียบกับประเทศพัฒนาแล้วที่ราว 6 ลิตรต่อคนต่อปี และบริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นด้านสุขภาพเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับตราสินค้า TIPCO
d) ประเมินเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิปี 2558 ที่ 900 - 1,000 ล้านบาท เทียบเท่า EPS ที่ 1.80 - 2.00 บาทต่อหุ้น เติบโตก้าวกระโดดจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 78 ล้านบาท หากอิง PE ทีระดับ 10 เท่า จะได้ราคาเหมาะสมในช่วง 18.00 - 20.00 บาท
e) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย YTD ปรับตัวขึ้น +88% เทียบกับบริษัทร่วมคือ TASCO ที่ปรับตัวขึ้น +208% และอิงราคาปิดวานนี้ของ TASCO ที่ 20.00 บาท จะเทียบเท่ามูลค่า NAV ต่อหุ้นของ TIPCO หุ้นละ 15.34 บาท สูงกว่าราคาในกระดานของ TIPCO ซึ่งเปรียบเสมือนได้ธุรกิจน้ำผลไม้ฟรี
*** เนื่องจาก TIPCO ไม่ได้อยู่ใน Coverage ของเรา นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณในการลงทุนมากกว่าปกติ

 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$156 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$204 ล้าน

 

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติยังคงเป็นการลดน้ำหนักต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,663 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 3,438 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 7,310 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 6.842 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures วานนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมา Short สุทธิอีก 2,930 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Short อีกครั้ง แม้ว่า S50M15 คงปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 6 กว้างขึ้นเป็น 7.61 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.77 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะเป็น Short สุทธิเท่ากับ 45,735 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 1,272 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 3,167 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,291 ล้านบาท กดดันให้ราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.45bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.80bps ปิดล่าสุดที่ 2.781%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 1,559 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าที่ 1,596 ล้านบาท

 

NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิอีกครั้งแต่เป็นการลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานและ ICT ที่แข็งแกร่งก่อนหน้า
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิ 565 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 217 ล้านบาท และเป็นที่น่าสนใจว่ากลุ่มที่ถูกขายเป็นกลุ่มพลังงาน และกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่ม ICT / โรงพยาบาลที่แข็งแกร่งในช่วงก่อน สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มพลังงาน ถูกขายสุทธิสูงสุด 563 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มโรงพยาบาล ขายสุทธิ 231 ล้านบาท กลุ่ม ICT ขายสุทธิ 221 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 245 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 219 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 108 ล้านบาท
2. กลุ่มธนาคารกลับถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 405 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 523 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 264 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 216 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 468 ล้านบาท

 

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

 

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาต่ำคาด
คำสั่งซื้อโรงงาน เดือนเม.ย. หดตัว 0.4% mom มากกว่า Bloomberg consensus คาด -0.1% mom และเดือนก่อนหน้าที่ +2.2% mom คำสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 1.0% mom

ยุโรป
นายกฯ กรีซยื่นแผนปฎิรูปแก่เจ้าหนี้แล้ว: เที่ยงคืนวันที่ 1 พ.ค. นายกฯ กรีซ ได้ยื่นแผนการปฎิรูปเศรษฐกิจฉบับใหม่ต่อเจ้าหนี้ EU - ECB - IMF เพื่อพิจารณาแล้ว พร้อมยืนยัน กรีซมีสภาพคล่องทางการเงินบางส่วนที่จะชำระหนี้ของ IMF ที่จะครบกำหนดในวันที่ 5 มิ.ย.นี้

จีน
ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางอินเดียลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: เป็น 7.25% จากเดิม 7.50% และถือเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ สอดคล้องกับ Bloomberg consensusเพื่อคาดหวังกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัว ภายใต้แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อที่จำกัด อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของเงินเฟ้อ ขึ้นอยู่กับฤดูฝน, ราคาน้ำมันดิบ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
นายกฯ ญี่ปุ่นหารือกับประธาน BoJ เรื่องค่าเงินเยน: หลังค่าเงินเยนอ่อนค่าแตะระดับ Yen125/US$ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวันที่ 2 มิ.ย. เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545 การหารือเพื่อต้องการให้ค่าเงินเยนมีเสถียรภาพ และสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
ธนาคารกลางออสเตรเลียคงอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.0% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus คาดการณ์ ทั้งนี้ธนาคารกลางจะใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจมาประเมินแนวโน้ม เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายการเงินสอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อตามเป้าหมายที่วางไว้

 

ไทย
อัตราเงินเฟ้อของไทยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5: เดือน พ.ค.หดตัว 1.27% yoy ต่อเนื่องจากเดือน เม.ย.ที่หดตัว 1.04% yoy และเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดหดตัว 1.10% yoy เป็นผลจากราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลง รวมถึงอาหารประเภทผักสด ผลไม้บางชนิดที่ลดลงเช่นกัน ส่งผลให้เงินเฟ้อใน 5M58 หดตัว 0.77% yoy ด้านแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อใน 2Q58 ยังมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง แต่จะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วง 2H58

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!