- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 May 2015 17:41
- Hits: 1288
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ซื้อตามค่าบวก ลบดูไม่ดี"
Stock Picks-May 2015 : Fundamental : AP, KBANK, MINT, TTCL, WHA Dark Horse: RCL, SAMTEL
Fundamental Pick -Today: SEAFCO
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : BEC 25%, SIRI 19%, TTW 17%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นบวกเล็กๆ มีสิทธิเด้งต่อ ก่อนลงต่ำแบบมีนัยสำคัญ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1510,1520,1530 ค่าลบ
SET50 980-970 1000,1010,1020 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KBANK, TCMC, TTCL, TPOLY, AJP, BWG, TAKUNI, AOT
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยผันผวน โดยลงไปต่ำสุด 1486 จุดในวันแล้วเด้งขึ้นช่วงท้ายมาปิดบวกเล็กน้อยที่ 1500.84 จุด ปัจจัยหนุน คือ ตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวดีขึ้น นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิ อีกสองกลุ่มที่เหลือซื้อสุทธิ
วันนี้ Sentiment ตลาดหุ้นเอเชียพลิกกลับเป็นบวก หลังความกังวลปัญหาหนี้กรีซผ่อนคลายลง โดยนายกรัฐมนตรีกรีซระบุว่าใกล้บรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้แล้ว และเชื่อว่าไม่จะผิดนัดชำระหนี้ 500 ล้านยูโรในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ (แต่ในส่วน 1 พันล้านยูโรที่ต้องชำระหลังจากนั้นแต่เป็นภายในเดือนมิ.ย.ยังไม่กล่าวถึง) ขณะเดียวกันการดีดกลับของหุ้นสหรัฐอย่างรวดเร็วบ่งชี้ว่านักลงทุนเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐและมองว่าหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่จูงใจในการลงทุน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าตลาดหุ้นจะยังไม่ทิ้งผันผวนและมีความอ่อนไหวต่อข่าวลบใหม่ๆ โดยถ้ามีข่าวลบแรงตลาดก็พร้อมลงแบบมีนัยสำคัญ แต่ถ้าไม่มีข่าวลบแรงก็จะชดเชยด้วยการ Sideways เป็นเวลานาน กลยุทธ์ : เล่นสั้น-ซื้อจังหวะอ่อนตัวและขายรีบาวด์ ลงทุนยาว-ทยอยซื้อสะสม หุ้นพื้นฐานที่แนะนำซื้อ โดยเฉพาะเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัววันนี้เป็น SEAFCO
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกเล็กๆ โดยมีสิทธิปรับขึ้นต่อจากเย็นวานนี้ กรอบแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1510, 1520, 1530 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี แนะนำให้ Wait & See หรือลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นจำนวนมาก
สำหรับการ SCAN หุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New high เป็นดังนี้ หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TTCL, AJP, BWG หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ AUCT, SMT, UNIQ, CENTEL, GL, PLANB, MAKRO ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ TPOLY, PTG
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : อัตราการว่างงานลดลงใน 23 รัฐของสหรัฐในเดือนเม.ย.58 ขณะที่อีก 11 รัฐ รายงานอัตราว่างงานสูงขึ้น ที่เหลืออีก 16 รัฐ มีอัตราการว่างงานทรงตัว
กรีซ : เตรียมใช้เงินในบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของรัฐบาล เพื่อนำไปชำระหนี้งวดต่อไปกับ IMF ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้มุลค่า 500 ล้านยูโร (จากหนี้ครบชำระทั้งหมด 1.5 พันล้านยูโรในเดือนมิ.ย.) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกรีซได้ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการผิดชำระหนี้ โดยขณะนี้ใกล้บรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้
ญี่ปุ่น : ไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แม้ว่ารัฐบาลจะปรับลดมุมมองด้านการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมลง แต่ก็มีมุมมองที่ดีขึ้นกับการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ทาง DBS ประมาณการเศรษฐกิจญี่ปุ่นปี 58-59 เติบโต 1.1% และ 1.0% จาก 0% ในปี 57
+ จีน : กำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ก.ย.57 บ่งชี้ว่ามาตรการผ่อนคลายของธนาคารกลางจีนอาจส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงได้ในที่สุด แต่กำไรยังคงลดลง 1.3% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาพุ่งขึ้น...คลายกังวลเรื่องกรีซ โดย DJIA Index +0.67%, S&P500 +0.92% และ Nasdaq +1.47% หนุนโดยความคืบหน้าของการเจรจาของกรีซกับเจ้าหนี้
- ราคาน้ำมันดิบลดลงต่อ...กลุ่มโอเปกผลิต&ส่งออกเพิ่ม โดย WTI และ BRENT ส่งมอบก.ค.58 ลดลง 0.52 และ 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.51 และ 62.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมีรายงานว่าอิรักวางแผนเพิ่มปริมาณส่งออกน้ำมันอีก 26% เป็น 3.75 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.58 ส่วนปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกเดือนเม.ย.ก็เพิ่ม 1.8 หมื่นบาร์เรลเป็น 30.84 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคาทองคำอ่อนลงเล็กน้อย โดยสัญญา COMEX ส่งมอบมิ.ย.ลบ 1.3 ดอลลาร์ปิดที่ 1,185.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
-/ ราคาน้ำตาลโลกอ่อนแอ แต่บริษัทน้ำตาลมีรายได้จากธุรกิจพลังงานมาช่วยหนุน โดยราคาได้อ่อนลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี เพราะคาดว่าจะมีอุปทานจากบราซิลเข้าสู่ตลาดโลกมาก สัญญาส่งมอบก.ค.อยู่ที่ 11.87 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งปี 58 จะเป็นปีอยู่ในภาวะอุปทานล้นเกินเป็นปีที่ 5
ความเห็น Retail Research : ราคาน้ำตาลที่ต่ำยังเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการธุรกิจน้ำตาล แต่หุ้นในกลุ่มนี้จะมีรายได้จากธุรกิจอื่นเข้ามาช่วยหนุน โดย BRR มีโรงไฟฟ้า 9.9 MW, KSL มีเอทานอล 3.5 แสนลิตร/ปี และจะเพิ่มเป็น 5.5 แสนลิตร/ปีในปี 59 ด้าน KBS มีโรงไฟฟ้า 35 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าระบบ 2 ม.ค.58
- BBL ค้ำประกันให้ไทยทีวี 1.6 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ไทยทีวีกำลังมีประเด็นเรื่องการจ่ายค่างวดใบอนุญาตที่ 2 กับกสทช.ว่าจะไม่ขอจ่ายและต้องการยุติการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลหลังขาดทุน 300 กว่าล้านบาท แต่กสทช.ย้ำว่าไทยทีวีต้องจ่ายให้ครบแม้ปิดสถานี ซึ่งความขัดแย้งนี้ทำให้ความเสี่ยงของ BBL ในฐานะผู้ค้ำประกันมีมากขึ้น ทั้งนี้จำนวน 1.6 พันล้านบาทนั้นคิดเป็น 4% ของประมาณการกำไรปี 58 ของ BBL (ซึ่งปัจจุบัน DBS ประมาณการไว้ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท และให้ราคาเป้าหมาย 220 บาท)
AOT ยืนยันกระทรวงการคลังไม่ขายหุ้นที่ถือ 70% ออกไป เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจที่ดี สามารถทำกำไรสูง และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนวโน้มก็สามารถเติบโตได้แข็งแกร่งจากการขยายกำลังผลิตรองรับผู้โดยสารทั้งสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และในต่างจังหวัด
แนวโน้มธุรกิจไปได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยเติบโตแข็งแกร่ง (เม.ย.+22%YoY) โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเอเชีย ซึ่งสามารถชดเชยกับนักท่องเที่ยวจากทางยุโรปที่ชะลอตัวไปได้ ทาง DBS ประมาณการว่าปริมาณผู้โดยสารของ AOT ในปีนี้จะขยายตัว 15.5% และปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 10.2% ทั้งนี้การที่ปริมาณผู้โดยสารต่างชาติมีสัดส่วนที่สูงขึ้นนั้นเป็นเรื่องดีกับบริษัท เพราะต่างชาติจะเสียค่าธรรมเนียม PSC อัตรา 700 บาท/คน ขณะที่ผู้โดยสารไทยจะเสีย 100 บาท/คน เราคงคำแนะนำซื้อ และให้ AOT เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มขนส่ง ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 359 บาท (วิธี DCF) สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ระยะสั้นมีแนวต้าน 310-320 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]