WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy

ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ 1,520-1,530 จุด คล้ายกับวันก่อนหน้า กลุ่มพลังงาน / ICT ขยับขึ้นแข็งแกร่ง ขณะที่กลุ่มธนาคารเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้น ภายใต้ค่าเงินบาทแข็งค่า 15 สตางค์/ดอลลาณ์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX เท่ากับ 1,526.25 จุด บวก 6.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,152 ล้านบาท
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางต่อเนื่อง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 943 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 2,288 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 1,672 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจว่าสอดคล้องกับการแข็งค่าของเงินบาทระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามผลการประชุม BoJ วันนี้ หลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตดีกว่าคาดใน 1Q58
ติดตามผลการหารือระหว่างผู้นำกรีซ และ อียู คาดว่าจะได้ข้อสรุปเงื่อนไขการรับเงินช่วยเหลือกรีซ
ติดตามการให้ความเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยประธานเฟด Janet Yellen
ทุกตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการเร็วในวันนี้ และหยุดในวันจันทร์หน้า เนื่องในวัน Memorial Day

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ตัวเลขส่งออก-นำเข้าเดือนเม.ย. รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์ วันที่ 26 พ.ค.
ภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. รายงานโดย ธปท. วันที่ 29 พ.ค.

มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น "กลาง" วันที่ 39 พร้อมกับกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,520-1,530 จุด อีกทั้งวันนี้เป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ อาจเกิดแรงขายระยะสัปดาห์เข้ามามากขึ้นในช่วงท้ายตลาด อาจกดดัน SET INDEX ได้ แต่อย่างไรก็ตาม Downside risk ของ SET INDEX ช่วงสั้นยังคงเป็นไปอย่างจำกัด เพราะแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มจำกัดมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการกลับมาเลือกสะสมหุ้นบางกลุ่มเช่น พลังงาน/ปิโตรเคมี ที่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ หรือกลุ่ม ICT ที่จะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล และให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง
      ขณะที่กลุ่มธนาคารยังคงมีความเปราะบางอยู่ไม่น้อย ทั้งในแง่ของการทยอยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงความกังวลต่อระดับหนี้เสีย การฟื้นตัวของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารยังเป็นไปอย่างจำกัดและเปราะบาง
ภาพตลาดหุ้นไทยจะกลับมามีสัญญาณที่ดีขึ้น เราให้น้ำหนักกับตัวเลขการส่งออกเดือนเม.ย.ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศวันที่ 26 พ.ค. หากกลับมาฟื้นตัวได้ และตามมาด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนเม.ย. ที่ ธปท.จะรายงานในวันศุกร์หน้า เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศได้ดีขึ้น
        ปัจจัยต่างประเทศ การประชุม BoJ วันนี้ เราเชื่อว่าจะคงนโยบายการเงินเช่นเดิม หลัง GDP ใน 1Q58 เติบโตดีกว่าคาด อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ รวมถึงค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ย่อมเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้ต่อเนื่อง จึงยังไม่มีปัจจัยเชิงลบใดที่จะทำให้ BoJ ต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.12 น.) Nikkei เปิดย่อตัวเล็กน้อย ส่วน Kospi เปิดบวกเล็กน้อย

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนกลับมาเริ่มทยอนสะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ SET INDEX ที่ 1,510-1,520 จุด ในส่วนแรก"

Top Pick in 2Q15: ITD / TASCO / TPIPL/ WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA/ THAI/ BCP
Speculaitve Buy: TIPCO

 

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. TIPCO : ราคาปิด 9.25 บาท ราคาเหมาะสม 11.89 บาท***
a) MBKET ประเมินว่าราคาหุ้น Undervalue มากเกินไป เนื่องจากหากคิดเฉพาะมูลค่าเงินลงทุน 24.1% ใน TASCO อิงราคาปิดวานนี้ที่ 17.50 บาท ก็คิดเป็นมูลค่า NAV สูงถึง 13.27 บาทต่อหุ้น TIPCO แล้ว
b) TIPCO รายงานกำไรสุทธิ 1Q58 ที่ 318 ล้านบาท (EPS 0.66 บาท) เติบโต +442% yoy จากอานิสงค์ของส่วนแบ่งกำไรจาก TASCO ที่เติบโต +348% yoy เป็น 276 ล้านบาท เนื่องจาก TIPCO ถือหุ้น 24.1% ใน TASCO
c) ธุรกิจน้ำผลไม้มีพัฒนาดีขึ้น โดยหากไม่รวมส่วนแบ่งกำไรจาก TASCO จะมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 42 ล้านบาท +224% yoy และพลิกกลับจากขาดทุนใน 4Q57

d) คาดสภาพคล่องหุ้นจะดีขึ้น เนื่องจากจะหลุดจาก Cash Balance ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25 พ.ค. และด้วยงบ 1Q58 ที่ดีขึ้นมาก จะส่งผลให้โอกาสกลับมาติด Cash Balance อีกครั้งมีความเป็นไปได้น้อย (EPS 4 ไตรมาสย้อนหลังราว 0.75 บาท/หุ้น)
e) แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" หลังรายงานงบ 1Q58 ออกมาดี และธุรกิจน้ำผลไม้พลิกกลับเป็นกำไร qoq เป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น แม้ว่า TIPCO จะไม่ได้อยู่ใน Coverage แต่หากอิงเป้าหมาย TASCO ของเราที่ 15.50 บาท จะเทียบเท่ามูลค่า 11.89 บาทต่อหุ้น TIPCO มี Upside 29%
*** เนื่องจาก TIPCO ไม่ได้อยู่ใน Coverage ของเรา นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณในการลงทุนมากกว่าปกติ

 

Fund Flow Analysis

und Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ US$239 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ S$193 ล้าน


เน้นขายตลาด TAIEX เป็นหลัก

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาเป็นบวกทั้ง 3 ตลาด
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 943 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 2,927 ล้านบาทเทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิขายสุทธิ 2,483 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลื 7,787 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures วานนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมา Long สุทธิ 2,288 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า กดดันให้ S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 9 กว้างขึ้นเป็น 1.71 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 0.58 จุด ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะเป็น Short สุทธิลดลงเหลือ 6,787สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิ 1,672 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นเด่น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2.27bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.09bps ปิดล่าสุดที่ 2.839%

 

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,053 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 846 ล้านบาท

 

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 เน้นสะสม AOT และขาย KBANK
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิ 584 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,891 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 4,453 ล้านบาท ทั้งนี้ KBANK กลับถูกขายสุทธิอย่างหนาแน่นอีกครั้ง สรุปภาพรวม NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 641 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 516 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 349 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 436 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 254 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 479 ล้านบาท กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 186 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 150 ล้านบาท
2. กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิ 937 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 176 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

 

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดขอสวัสดิการว่างงานใหม่ เท่ากับ 2.74 แสนตำแหน่ง สูงกว่า Bloomberg consensus คาดการณ์เล็กน้อยที่ 2.70 แสนตำแหน่ง แต่สูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าค่อนข้างมากที่ 2.64 แสนตำแหน่ง
ดัชนี Flash PMI ภาคการผลิต เดือนพ.ค. เท่ากับ 53.8 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus ที่ 54.6 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 54.2 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่ รวมถึง ภาคการส่งออกชะลอตัวจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า รวมถึงกลุ่มพลังงานที่ภาคธุรกิจใช้เงินลดลง
ยอดขายบ้านมือสอง เดือนเม.ย. หดตัว 3.3% mom เป็น 5.04 ล้านหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 5.22 ล้านหลัง และเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 6.5% mom เป็น 5.21 ล้านหลัง ทั้งนี้ ปริมาณบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.21 ล้านหลัง จากเดือนมี.ค.ที่ 2.01 ล้านหลัง
ดัชนีชี้นำ เดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 0.7% mom สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 0.3% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% mom เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน และการจ้างงานที่ดีขึ้น

 

ยุโรป
ตัวเลขเศรษฐกิจอียู ชะลอตัว
ดัชนี PMI ภาคการผลิต - บริการ เดือนพ.ค. เท่ากับ 53.4 จุด ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากเดือนเม.ย.ที่ 53.9 จุด
ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนพ.ค. เท่ากับ 52.3 จุด เป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน จากเดือนก่อนหน้าที่ 52.0 จุด
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนพ.ค. เท่ากับ 53.3 จุด ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.1 จุด
ยอดค้าปลีกอังกฤษ เดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.2% mom เทียบกับ Bloomberg consensus คาด 0.4% mom โดยเสื้อผ้าและรองเท้า เพิ่มขึ้น 5.2% mom เป็นการเพิ่มขึ้นดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2554

จีน
ดัชนี HSBC PMI การผลิตออกมาต่ำกว่าคาด: เดือนพ.ค. เท่ากับ 49.1 จุด เป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากเดือนเม.ย.ที่ 48.9 จุด และต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 49.3 จุด

 

เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี

ไทย
ไม่มี

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!