- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 May 2015 16:53
- Hits: 1385
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ภาพบวกแต่ควรระวังแกว่ง"
Top Picks-Fund
May 2015 : Fundamental : AP, KBANK, MINT, TTCL, WHA Dark Horse: RCL, SAMTEL
Top Picks -Fund Today: TRC
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, SRICHA, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : ERW 76%, KTIS 42%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่งจากแรงขายทำกำไร
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1530,1540 ต่ำกว่า 1510
SET50 ซื้อค่าบวก 1020,1030 ต่ำกว่า 1000
Top Picks-Tech Today : TRC, UNIQ, PTT, SCN, PTTGC, AOT, CSS, BDMS
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นดี ปิดตลาด +15.55 จุดที่ 1525.96 จุด กลุ่มที่หนุนตลาด คือ พลังงาน & ปิโตรเคมี, อิเลคทรอนิกส์, ท่องเที่ยว, สื่อสาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์ หลังจากหนี้จัดชั้นจับตาเป็นพิเศษ (Special Mention Loans) เพิ่มขึ้นใน 1Q58 นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเพิ่มเป็น 2.7 พันล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 2.3 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 600 กว่าล้านบาท
ปัจจัยหนุนตลาดวันนี้เป็นข่าวที่ว่า ECB จะเพิ่มปริมาณเข้าซื้อพันธบัตรตามโครงการ QE ในเดือนพ.ค.-มิ.ย.58 ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง Low season ของตลาดพันธบัตรในเดือนก.ค.-ส.ค.58 และญี่ปุ่นประกาศ GDP ประจำ 1Q58 เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% (จาก +1.1% ใน 4Q57) รวมถึงดัชนี DJIA ยังปิดเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของตลาดอาจจำกัดจากการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรบจ.ที่ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ ซึ่งขณะนี้นักวิเคราะห์อยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรหลังจากรายงานผลประกอบการ 1Q58 ซึ่งในคาดการณ์ EPS Growth ตลาดหุ้นไทยปี 58 ใน Bloomberg Consensus ขณะนี้ได้ลดลงจากเดิมราว 5% และมีโอกาสอ่อนลงอีกเมื่อปรับประมาณการแล้วเสร็จ ส่วนประเด็นการเมือง ซึ่งครม.และคสช.มีมติให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้การเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปนั้นส่งผลต่อตลาดไม่มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประเมินกันไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TRC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวก แต่ยังต้องระวังการแกว่งตัว โดยภาพระยะกลางของ SET Index ยังอยู่ในแดนลบ กรอบแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1530, 1540 แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี แนะนำให้ Wait & See ต่ำกว่า 1510 ให้ Stop Loss สำหรับการ SCAN หาหุ้นที่มีโอกาสปรับขึ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TRC, UNIQ, SCN, AOT, CSS หุ้นที่อยู่ใน List ต่อ คือ AUCT, SAMCO, RCL ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรระยะสั้น คือ PTT, DTAC, SYNEX, BA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 20.2%MoM สู่ระดับ 1.135 ล้านยูนิต ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่พ.ย.50
+ ยูโรโซน : ECB จะเพิ่มปริมาณซื้อพันธบัตรเดือนพ.ค.-มิ.ย.58 นายเบอนัวท์ เกอร์ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของ ECB เปิดเผยว่าทาง ECB เตรียมเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพ.ค.และมิ.ย.58 ก่อนที่จะชะลอการซื้อในเดือนก.ค.และส.ค.58 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดพันธบัตรมีการซื้อขายที่ซบเซา
ยูโรโซน : CPI เดือนเม.ย.เป็นไปตามรายงานเบื้องต้น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.58 กลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้น 0.2%MoM และอยู่ที่ 0%YoYไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานเบื้องต้นที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
กรีซ : รมว.คลังกรีซเชื่อมั่นว่าจะบรรลุข้อตกลงกับประเทศเจ้าหนี้ได้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า โดยขณะนี้กรีซกำลังเร่งปรับแผนขั้นสุดท้ายในการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สินร่ามกับเจ้าหนี้ และเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นเอเธนส์ของกรีซปรับขึ้นกว่า 3% ตอบรับข่าวความคืบหน้าเรื่องนี้
- ญี่ปุ่น : ยอดการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนปีงบประมาณ 57 (สิ้นสุดเดือนมี.ค.58) ลดลง 5%YoY ลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับขึ้นภาษีผู้บริโภคเมื่อเดือนเม.ย.57 จาก 3% เป็น 8% และการอ่อนค่าของเงินเยนทำให้สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น ขณะที่อัตราค่าแรงงานแท้จริง (ปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อ) ลดลงในปีงบประมาณ 57
+ ญี่ปุ่น : GDP ประจำ 1Q58 เติบโต 2.4% เพิ่มขึ้นจาก 4Q57 ที่ขยายตัว 1.1% นับว่าการมีการฟื้นตัวที่ดี
จีน & ไทย : โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงว่ารัฐบาลจีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำ MOU ในโครงการขุดคลองคอคอดกระ ทางภาคใต้ของไทยตามที่มีรายงานในสื่อแต่อย่างใด (ก่อนหน้านี้สื่อจีนรายงานว่ากลุ่มบริษัทจากไทยและจีนได้ลงนามใน MoU ที่เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ในการร่วมทุนโครงการขุดคอคอดกระเพื่อเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้า ซึ่งปัจจุบันต้องเดินทางผ่านช่องแคบมะละกา
+ ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบ แต่ดัชนี DJIA ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 18,312.39 จุด (+13.51 จุด) ปัจจัยหนุนคือ ตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยเดือนเม.ย.ออกมาดี และข่าวว่า ECB จะเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรตามโครงการ QE
- ราคาทองคำร่วงแรง โดยสัญญา COMEX ส่งมอบมิ.ย.ดิ่งลง 20.9 ดอลลาร์ (-1.70%) ปิดที่ 1,206.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งขึ้นหลังตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงแรง...อุปทานล้นเกินกดดัน โดย WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. -2.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT -2.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.02 ดอลลาร์/บาร์เรล แรงกดดันหลักมาจากการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบในปี 58 จะมากกว่าอุปสงค์ราว 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน โดย EIA คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐปี 58-59 เฉลี่ยอยู่ที่ 9.2 ล้านบาร์เรล/วัน รวมทั้งซาอุดิอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 9 ปีในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
/- จับตาการปรับลดประมาณการ EPS Growth ของตลาดหุ้นไทยปี 58 หลังจบรายงานกำไร 1Q58 ซึ่งขณะนีใน Bloomberg ลดลงมาเป็น 31.5% จากเดิมที่เคยอยู่ประมาณ 35% และมีโอกาสขยับลงอีกเพราะนักวิเคราะห์ยังอยู่ในช่วง Analyst Meeting & รอปรับประมาณการ ทั้งนี้ปัจจัยกดดัน คือ อุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าคาด กลุ่มสถาบันการเงินมีแนวโน้มตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงกว่าคาดการณ์เดิมหลัง NPL เพิ่มขึ้นใน 1Q58 และมีโอกาสปรับขึ้นต่อใน 2Q58
/- ธปท.กล่อมธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากกนง.ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายระลอกที่ 2 อีก 0.25% เป็น 1.50% ในช่วงที่ผ่านมา ทางด้านธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในช่วงพิจารณา ซึ่งเราคาดว่ามีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะขยับอัตราดอกเบี้ยลงบ้างแต่ไม่มาก ส่วนแนวโน้ม NIM มีแนวโน้มแคบลงในช่วง 2Q-3Q58 จากการค้างชำระดอกเบี้ยของลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้น และถ้ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง กลยุทธ์ลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ยังคงเป็นการเลือกซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว หุ้น Top Pick เป็น KBANK
+ CPALL จะขายหุ้น MAKRO บางส่วนที่ถืออยู่ให้ประชาชนทั่วไป โดยทาง CPALL ได้ยื่นแบบแสดงรายการฯ และร่างหนังสือชี้ชวนให้ก.ล.ต.แล้วในวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหลังการขายหุ้นครั้งนี้แล้ว CPALL จะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน MAKRO ทั้งนี้ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 97.88% (หุ้นมี Free Floating ต่ำเพียง 2.2%)
ความเห็น Retail Research : เรื่องการขายหุ้น MAKRO ออกไปของ CPALL เป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์อยู่แล้ว และมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะช่วยลดภาระหนี้และดอกเบี้ยจ่ายให้กับ CPALL ทั้งนี้บริษัทได้กู้เงินธนาคารพาณิชย์ 1.8 แสนล้านบาทเพื่อซื้อหุ้น MAKRO และได้ออกหุ้นกู้ 2 ครั้งมูลค่ารวม 9 หมื่นล้านบาทเพื่อรีไฟแนซ์หนี้ลดดอกเบี้ยจ่าย อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องผู้ซื้อและราคาซื้อขาย แต่เราคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าราคาทุนที่ซื้อ & ทำเทนเดอร์ฯ มาที่ 39.35 บาท/หุ้น+ดอกเบี้ยซึ่งขณะนี้คิดเป็นประมาณ 43 บาท/หุ้น
การเมือง : ที่ประชุมครม.และคสช.มีมติเอกฉันท์แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 และเปิดทางให้ทำประชามติ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงประชามติได้ไม่เกินม.ค.59 ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านก็จะจัดเลือกตั้งได้ในปลายปี 59 (ใช้เวลาทำกฎหมายลูก 3 ฉบับ 3 เดือน คือเดือนก.พ.-เม.ย.59 แล้วส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาอีก 30 วัน คือเดือนพ.ค.59 นำขึ้นทูลเกล้าเดือนมิ.ย.59 หลังจากนั้นใช้เวลาจัดการเรื่องเลือกตั้งภายใน 90 วัน คือเดือนก.ค.-ก.ย.59)
ความเห็น Retail Research : ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นไทยจะมีมุมมองที่ค่อนข้างเป็น Neutral กับข่าวที่ว่าการเลือกตั้งอาจเลื่อนออกไปเป็นอย่างน้อยปลายปี 59 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการประเมินกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]