- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 May 2015 16:17
- Hits: 1338
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1550-1555
SET Index : 1522.56 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1530 จุดก่อนที่จะถูกขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ยังคงมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง แต่เมื่อพิจารณาโครงสร้างของ SET Index ที่ฟื้นตัวเหนือระดับ 1500 จุดขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1550-1555 จุดบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และเส้นแนวโน้มขาลง ถ้าสามารถทะลุผ่านแนวโน้มลงขึ้นไปได้ SET Index จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1650 จุด
Energy : ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 20450 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 21500 เน้นการถือหุ้นหลักต่อเนื่อง PTT PTTEP PTTGC TOP BANPU
Bank : ปรบัตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 530 และมีแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 560-565 เน้นเข้าซื้อ BAY KBANK SCB BBL และ KTB
CPALL = 47.00 / 48.00, KBANK = 202 / 205, GPSC = 27.50 / 28.00, TASCO = 15.50 / 16.20, KTB = 19.50 / 19.80
S50M15 : 1007.10 ถูกขายทำกำไรที่บิรเวณแนวต้าน 1010 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคเหนือระดับ 1000 ขึ้นมาได้ ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มของ S50M15 น่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1015 ขึ้นไปได้ เพื่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้าสำคัญที่ 1030 บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่ถ้าปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 1000 เราแนะนำให้ระวังการปรับตัวลดลงต่ำกว่า 995 ลงไป จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค
GFM15 : 19340 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากทดสอบแนวต้านที่ 19500-19550 ในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับที่ US$1200 เราจึงยังคงแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long ที่บริเวณแนวรับ 19200 และ 19000 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 19500
USDM15 : 33.60 เราแนะนำให้ Open Short ใน USDM15 ที่แนวต้าน 33.60-33.65 หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 33.40 และมีแนวรับสำคัญที่ 33.20
TECHNICAL FOLLOW UP : แนวรับ แนวต้าน
SET Index แนวรับ 1520 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1530 และ 1550 1520 / 1515 1530 / 1535
S50M15 แนวต้านสำคัญ 1015 ถ้าผ่านขึ้นไปได้แนวต้านถัดไป 1030 1007 / 1005 1010 / 1015
GFM15 กลับเข้าไป Open Long ที่แนวรับ 19200 และมีแนวต้านที่ 19500 19250 / 19200 19400 / 19450
USDM15 Open Short ที่แนวต้าน 33.60-33.65 แนวรับ 33.40 และ 33.30 33.50 / 33.40 33.60 / 33.65
STEC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 22.00 และ 23.00 21.40 / 21.20 21.80 / 22.00
AOT ซื้อที่แนวรับ 298 และ 295 แนวต้าน 314 และ 324 299 / 298 304 / 310
Jasmine International (JAS TB; THB 5.65) – ซื้อ
แนวต้าน : 6.00 และ 6.20
แนวรับ : 5.65 และ 5.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ JAS โดยมีแนวรับที่ 5.65 และ 5.60 และมีแนวต้านที่ 6.00 และ 6.20 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.50 ลงไป
Eastern Commercial Leasing (ECL TB; THB 1.89) – ซื้อ
แนวต้าน : 1.98 และ 2.10 / แนวต้านสำคัญ 2.20
แนวรับ : 1.88 และ 1.86
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากราคาหุ้นเคลื่อนไหวออกด้านข้างเข้าใกล้แนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงในระยะยาว ซึ่งเราคาดว่า น่าจะสามารถทะลุผ่านขึ้นมาได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวโน้มลง RSI ฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับ 40
แนะนำซื้อ ECL โดยมีแนวรับที่ 1.88 และ 1.86 และมีแนวต้านที่ 1.98 และ 2.10 เป็นจุดขายทำกำไร แนวต้านสำคัญ 2.20
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.83 ลงไป
Analysts : Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ยังไปได้ดี
หลังดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปี Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ แล้วหลังจากนั้นในช่วงต้นปีก็ถูกแรงขายทำกำไร จากเหตุผลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังช้ากว่าคาดและกำไรของตลาดยังไม่ดี ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยถึงปัจจุบัน โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเพียง 1.6% เทียบดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนถึง 9.7% ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเหนือที่เคย Underperform มาตั้งแต่ต้นปี ก็เริ่ม Outperform (ดูรูปด้านซ้าย)
การที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียง 1.6% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน กำลังบ่งชี้ถึงการระมัดระวังในการลงทุนจากปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นดัชนีคงจะติดลบหลังจากนี้ไป แต่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เรามองว่าเริ่มค่อยๆดีขึ้น ทั้งปัจจัยในต่างประเทศและในประเทศ โดยเฉพาะการค่อยๆฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การลดดอกเบี้ย การเร่งแก้ไขปัญหาประมงและการบิน และค่าเงินบาทอ่อนตัว โดยในครึ่งปีหลังคงจะมีการเร่งงบลงทุนภาครัฐ หากเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง กำไรของตลาดน่าจะฟื้นตัวตาม แต่ตัวที่จะปรับขึ้นล่วงหน้า หากเป็นไปอย่างที่เราคาด คือ การค่อยๆปรับตัวขึ้นของดัชนี SET
นอกจากจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ปัจจัยในต่างประเทศที่ส่งผลต่อด้านลบตลาด เริ่มจะไม่มี (หากมีก็เหลือแต่กรีซ) โดยเศรษฐกิจกลุ่มยูโร กำลังส่งสัญญาณฟื้นตัวและมีสัญญาณการเกิดเงินเฟ้อมากกว่าเงินฝืด ราคาน้ำมันยังทรงๆตัวมากกว่าที่จะปรับตัวลง ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐเร็วสุดอยู่ที่เดือน ก.ย. ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นแต่คงไม่แรงมากที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ ส่วนที่ยังเป็นตัวแปรคือเศรษฐกิจจีน ซึ่งยังต้องติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจไปอีกระยะ โดยระยะหลังๆรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
สัดส่วนดัชนี MSCI Thailand เทียบ MSCI Asia Ex-Japan กำลังลงมาในระดับต่ำสุดในอดีตแล้วเด้ง ปรากฏว่าในรอบนี้กำลังจะย้ำย้อนอีกครั้ง ดูจากรูปด้านขวา ซึ่งน่าจะเป็นเพราะ เริ่มมองว่าตลาดหุ้นไทย Underperform กว่าภูมิภาคกินเวลาประมาณ 6 เดือน จึงค่อยๆมีแรงซื้อคืน
เมื่อวานนี้ค่าเงินยูโรอ่อนแรงลงหลัง เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของ ECB เปิดเผยว่า ทาง ECB เตรียมเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพ.ค.และมิ.ย. ก่อนที่จะชะลอการซื้อในเดือนก.ค.และส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดพันธบัตรมีการซื้อขายที่ซบเซา ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นแรง ช่วงนี้นักลงทุนยังต้องจับตาดูการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับปัญหาหนี้สินของกรีซ หลังจากนายยานิส วารูฟากิส รมว.คลังกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศเจ้าหนี้ได้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ส่วนนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่า กรีซกำลังใช้ความพยายามขั้นสุดท้ายเพื่อให้บรรลุข้อตกลงในเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สินร่วมกับเจ้าหนี้ในช่วงไม่กี่วันนี้ ซึ่งหากการเจรจาหนี้ประสบผลสำเร็จก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
กลยุทธ์วันนี้คาดว่าตลาดจะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อไปทดสอบแนวต้านที่ 1530 จุด (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) จากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความคาดหวังทางการเมืองหลังเมื่อวานนี้ครม. มีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำประชามติก่อนการเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงเมื่อวานนี้ 3.6% อาจจะมากดดันหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้ได้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1515-1520 และแนวต้านที่ 1530-1540 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์ : เมื่อวานนี้ค่าเงินยูโรอ่อนแรงลงหลัง เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของ ECB เปิดเผยว่า ทาง ECB เตรียมเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพ.ค.และมิ.ย. ก่อนที่จะชะลอการซื้อในเดือนก.ค.และส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดพันธบัตรมีการซื้อขายที่ซบเซา ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นแรง ช่วงนี้นักลงทุนยังต้องจับตาดูการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับปัญหาหนี้สินของกรีซ ซึ่งหากการเจรจาหนี้ประสบผลสำเร็จก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก กลยุทธ์วันนี้คาดว่าตลาดจะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อไปทดสอบแนวต้านที่ 1530 จุด (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) จากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความคาดหวังทางการเมืองหลังเมื่อวานนี้ครม. มีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทาประชามติก่อนการเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงเมื่อวานนี้ 3.6% อาจจะมากดดันหุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้ได้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1515-1520 และแนวต้านที่ 1530-1540 จุด
Themes play :
PLANB : เราแนะนำ ซื้อ PLANB โดยมีราคาเป้าหมาย 6.05 บาท เรามองว่า PlanB ยังมีผลประกอบการสอดคล้องกับความคาดหมาย แม้กำไรปกติ 1Q15 จะมีสัดส่วนเพียง 14% ของประมาณการในปี FY15 โดยมีเหตุผลสนับสนุนคือ 1) เม็ดเงินโฆษณาที่เติบโตตามฤดูกาล 2) เศรษฐกิจคาดขยายตัวสูงขึ้น 3) การมีต้นทุนคงที่ในสัดส่วนที่สูงทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากอัตราการใช้พื้นโฆษณาที่เพิ่มขึ้น และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการใหม่ เช่นการบริหารสื่อโฆษณาบนรถประจำทางใหม่ 500 คันและการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทฮัลโล บางกอก นอกจากนั้นยังเล็งเห็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมจาก 1) การควบรวมตลาดสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย (OOH) และ 2) ผลดีจากเครือข่ายสื่อเมื่อ PlanB กลายเป็นผู้เล่น OOH ที่มีจำนวนสื่อมากที่สุด
ประเด็นในสัปดาห์
21 พ.ค. : จีนประกาศตัวเลข HSBC China Manufacturing PMI เดือนพ.ค. จากเดือนก่อน หน้าที่ 48.9
21 พ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Existing Home Sales เดือนเม.ย. โดยตลาดคาด 5.23 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.19 ล้านยูนิต
22 พ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข CPI YoY เดือนเม.ย. โดยตลาดคาด -0.1% จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.1% และตัวเลข Markit US Manufacturing PMI เดือนพ.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 54.1
Opportunity Day
20 พ.ค. : CENTEL ERW KTC ASP BJCHI PCSGH
21 พ.ค. : KTIS PTTEP CPN CPNRF CPNCG PF AMATA TK TKS
22 พ.ค. : TOP TTA CCP SAMART SSI PTT
25 พ.ค. : PSL PTTGC CHO BCP IRPC
26 พ.ค. : TVD ARROW ECF PPS TVT
Fundamental Stock :
TELCO : Sector Flash Note (แนะนำ:ถือ Top pick : DTAC)
TMT : FlashNote(แนะนำ:ถือ ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท)
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวต้าน 1530-1540 จุด และแนวรับสำคัญ 1500 จุด
Sino-Thai Engineering (STEC TB; THB 21.10) - ซื้อ
Airports of Thailand (AOT TB; THB 299.00) - ซื้อ
SET Index : แนวต้าน 1530-1540
Retail Research Team
