- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 May 2015 17:00
- Hits: 2203
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกซื้อเก็งกำไรรายบริษัทบน SETเหนือ1500"
Top Picks-Fund May 2015 : Fundamental : AP, KBANK, MINT, TTCL, WHA Dark Horse: RCL, SAMTEL
Top Picks -Fund Today: CPN
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, QH, SPALI, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, JASIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : NA.
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นบวกเล็กๆ มีลุ้นรีบาวด์ต่อ แล้วค่อยอ่อนตัวตามมา
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1520-1530 ต่ำกว่า 1500
SET50 ซื้อค่าบวก 1010-1020 ต่ำกว่า 995
Top Picks-Tech Today : BBL, SCB, PTT, TRC, MAJOR, ASIMAR, GFPT, PYLON
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : RML (จาก Fully Valued เป็นถือ), CPF (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยปิด +14.79 จุดที่ 1512.19 โดยเป็นการดีดกลับเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค ซึ่งได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และสื่อสาร การเข้าซื้อนำโดยสถาบันในประเทศ ซึ่งซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ส่วนต่างชาติและรายย่อยขายสุทธิ ด้านพอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
คาดว่าการประกาศ GDP Growth ไตรมาส 1/58 ของไทยในวันนี้ไม่น่าจะ Surprise ตลาดนัก เพราะคาดการณ์ว่าจะเติบโตระดับ 3%+/- อยู่แล้ว (แต่ถ้าออกมาต่ำกว่า 3% มากๆ ก็เป็นปัจจัยลบระยะสั้นได้) ปัจจัยที่กระตุ้นการลงทุนในช่วงสั้น คือ การเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาเกือบหมดแล้ว ซึ่งหลายบริษัทมีกำไรออกมาดีกว่าคาด เช่น AOT, CPN, CENTEL เป็นต้น ส่วนปัจจัยภายนอกยังมีประเด็นหนี้กรีซที่ต้องติดตามและเป็นความเสี่ยงที่กดดันตลาดอยู่ ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนำเลือกซื้อเก็งกำไรเป็นรายบริษัทต่อไป โดยหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CPN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวกเล็กๆ ต่อ กรอบแนวต้านอยู่ที่ 1520-1530 แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี แนะนำให้ Wait & See ต่ำกว่า 1500 ให้ Stop Loss
สำหรับการ SCAN หาหุ้นที่มีโอกาสปรับขึ้นที่เข้ามาใหม่ คือ PTT, RCL, TRC, TAKUNI หุ้นที่อยู่ใน List ต่อ คือ AUCT, HANA, SVI, TFD ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรระยะสั้น คือ MCS, MAJOR
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงเป็นเดือนที่ 5 หลังจากปรับตัวลง 0.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของภาคเหมืองแร่และสาธารณูปโภค ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนเม.ย.ปรับตัวลงสู่ระดับ 78.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ในปีที่แล้ว จาก 78.6% ในเดือนม.ค.
- สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นของเดือนพ.ค.ลดลงมากกว่าคาด สู่ 88.6 จากตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 95.9 ในเดือนเม.ย.
สหรัฐ : ภาวะธุรกิจโดยรวมเดือนพ.ค.ปรับขึ้นแต่น้อยกว่าคาด ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ประจำเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.09 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.0 ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งแตะ 6.9 ในเดือนมี.ค.
ฮ่องกง : เศรษฐกิจ 1Q58 เติบโต 0.4%QoQ ซึ่งชะลอตัวลง เนื่องจากการลดลงของภาคส่งออก (โดยเฉพาะไปยุโรป, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และไต้หวัน) ส่วนการส่งออกไปสหรัฐยังเติบโตได้ และการลดลงของรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดค้าปลีกทั้งหมดของฮ่องกง
ตลาดหุ้นสหรัฐ & สัญญาน้ำมันดิบ & สัญญาทองคำเคลื่อนไหวกรอบแคบ โดยขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ที่มีนัยสำคัญ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาน้อยกว่าคาดแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอมาก ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบยังคงสูง แม้ว่าปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐจะลดลงต่อเนื่อง
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
# AOT รายงานกำไรสุทธิ 2Q58/59 ดีกว่าคาด (+32%YoY และ +25%QoQ เป็น 4.9 พันล้านบาท เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 359 บาท)
# BDMS กำไรสุทธิ 1Q58 เป็นไปตามคาด (+10%YoY และ +21%QoQ เป็น 2.3 พันล้านบาท เพราะรายได้เติบโตขณะที่ SG&A ทรงตัว แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 23.40 บาท)
# CPNRF กำไรสุทธิเป็นไปตามคาด (+92%YoY และ +142%QoQ เป็น 1.6 พันล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ หากไม่รวมส่วนนี้จะมีกำไร 689 ล้านบาท เติบโต 22%YoY แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 18 บาท)
# CENTEL กำไรสุทธิ 1Q58 แกร่งกว่าคาด (+66%YoY และ +75%QoQ เป็น 834 ล้านบาท โดยธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวดี มาร์จิ้นอาหารเพิ่มขึ้น และ SG&A ต่อรายได้ลดลง ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 41.50 บาท)
# CPN มีกำไรสุทธิ 1Q58 ได้ดีกว่าคาด (+26%YoY และ +18%QoQ เป็น 2.1 พันล้านบาท จากการปรับขึ้นค่าเช่าจากฐานต่ำในปีก่อน รับรู้รายได้จากเฟสติวัลสมุย&ศาลายาเต็มที่ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 61 บาท)
# PS มีกำไรสุทธิเป็นไปตาม DBSV คาดการณ์แต่ต่ำกว่า Consensus (-16%YoY และ -53%QoQ เป็น 891 ล้านบาท เป็นผลจากมาร์จิ้นลดลงและ SG&A เพิ่มขึ้น แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปรับลงเป็น 27 บาท เดิม 30 บาท)
# TUF มีกำไรสุทธิต่ำกว่าคาด (+59%YoY และ +116%QoQ เป็น 1.5 พันล้านบาท จากกำไร FX และดอกเบี้ยจ่ายลดลง ถ้าไม่รวมกำไร FX จะมีกำไรปกติ 600 ล้านบาทต่ำกว่าคาด 20% แนะนำซื้อราคาพื้นฐานปรับลงเป็น 25.50 บาท เดิม 27.50 บาท)
วันนี้ (18 พ.ค.) คสช.จะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทย 1Q58 ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าจะเติบโต 3%YoY สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปี 58 คสช.มีแนวโน้มปรับลงเป็น 3.5-4.0% (ปัจจุบัน 3.5-4.5%) โดยการส่งออกที่ซบเซากดดัน การลงทุนในโครงการภาครัฐล่าช้า หลายโครงการต้องเลื่อนไปเปิดปี 59 ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทำให้กำลังซื้อฟื้นช้า ดังนั้นจึงยากที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยเติบโต 4% ในปีนี้
หน่วยงาน คาดการณ์ GDP Growth ปี 58 (ใหม่) (เดิม)
คสช. 3.5-4.0% 3.5-4.5%
ธปท. 3.8% 4.0%
สศค. 3.9% 4.1%
DBS Vickers 3.6% 3.6%
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ, DBS Vickers
+ S11 รายงานกำไรสุทธิ 1Q58 เติบโตแข็งแกร่ง 42%YoY เป็น 74 ล้านบาท โดยพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เติบโต 8%QoQ เป็น 3.06 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ยรับเฉลี่ย 33.4% ต่อปี ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม บริษัทมีมาร์จิ้นหลังหักสำรองค่าเผื่อฯและตัดหนี้สูญสุทธิ 14.8% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 15.8% เล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนทางการเงินของบริษัทสูงกว่าคู่แข่งขันเนื่องจากเพิ่งเปิดดำเนินธุรกิจได้ 3-4 ปี ซึ่งบริษัทกำลังพิจารณาหาแหล่งเงินทุนอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่าเข้ามาช่วยลดต้นทุนทางการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีต้นทุนการเงินที่สูงกว่ากลุ่ม แต่บริษัทบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ใน 1Q58 สูงถึง 28.8% เทียบกับเฉลี่ยของกลุ่มที่ 22.7% คาดการณ์กำไรสุทธิปี 58 เติบโต 29% แต่ EPS-Fully Diluted เติบโต 14%YoY เป็น 0.46 บาท/หุ้น หากให้ P/E เป้าหมายเท่ากับ 25 เท่าจะได้ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท มี Upside 16% แนะนำซื้อเก็งกำไร S11
+ กลุ่มธุรกิจไก่ : ราคาไก่ในประเทศมีเสถียรภาพดีขึ้น โดยอยู่ที่ 38-39 บาท/กก. เป็นระดับที่มีกำไรเล็กน้อย เทียบกับราคาเฉลี่ย 36 บาท/กก.ใน 1Q58ซึ่งขาดทุน ทั้งนี้ภาวะอุปทานล้นเกินผ่อนคลายลงไปมากเนื่องจาก 1) ปริมาณการส่งออกไปยุโรปดีขึ้นหลังเกิดไข้หวัดนกระบาดในสหรัฐและยุโรปทำให้แนวโน้มอุปทานจะไม่มากอย่างที่เคยประเมินไว้ ผู้นำเข้าจึงกลับมาสั่งซื้อไก่จากไทย, 2) อุปสงค์ภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนความกังวลกับอุปทานในอนาคตหลังไม่ได้นำเข้าปู่ย่าพ่อแม่พันธุ์มาตั้งแต่ต้นปี 58 ผ่อนคลายลงโดยทางการไทยมีแนวโน้มจะอนุญาตให้นำเข้าจากอังกฤษได้ตั้งแต่มิ.ย.58 และตามมาด้วยการนำเข้าจากเนเธอแลนด์ มาร์จิ้นอาหารสัตว์ดีขึ้นเพราะราคากากถั่วเหลืองที่ลดลงต่อเนื่อง เรามองว่าธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดของรอบนี้ไปแล้วใน 1Q58 และมีแนวโน้มดีขึ้นใน 2Q-3Q58 ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อ GFPT และ CPF
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]