- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 17 June 2014 16:09
- Hits: 3128
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนกลุ่มธพ.เป็น Overweight'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ปรับเพิ่มน้ำหนักกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็น Overweight (เดิม Neutral), ปรับเพิ่มคำแนะนำTCAP, TISCO และ TMB เป็นซื้อ (เดิมถือ)
• ภาพตลาดวันก่อน : SET Index เมื่อวานนี้ปรับขึ้นแรงกว่าคาด ปิดตลาด +15.83 จุด ที่ 1471.85 มูลค่าซื้อขายลดลงเป็นไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มที่นำตลาดขึ้น คือ สื่อสารขนาดใหญ่ (ADVANC, DTAC, INTUCH) และพลังงาน & ปิโตรเคมี (PTTEP, PTT, SCC) รวมทั้งมีการเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กด้วย เช่น SOLAR, BMCL, GRAND, TCC, SPCG, BWG, EPCO เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.2 พันล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 591 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.6 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 209 ล้านบาท
• ปัจจัยและกลยุทธ์ : ปัจจัยต่างประเทศที่รอดู คือ มุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐในการประชุมเฟดวันที่ 17-18 มิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะลด QE ต่ออีก 1 หมื่นล้านUS$/เดือน (ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านUS$/เดือน) ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Fund Rate) คาดว่าจะทรงตัวในระดับปัจจุบันไปถึงประมาณกลางปี 58 รวมทั้งสถานการณ์ในอิรัก ส่วนในประเทศ ทางกนง.ประชุมวันที่ 18 มิ.ย.ประเมินว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00%และคาดว่าคณะกรรมการจะมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยใน 2H57 แต่การเติบโตยังต่ำกว่า Potential Growth แล้วค่อยเติบโตดีขึ้นในปี 2558 ในวันนี้ทาง DBS Group Research ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยเป็น Overweight (เดิม Neutral) โดยมองว่าแนวโน้มธุรกิจจะเติบโตดีขึ้นในปี 2558 และ Valuation จูงใจ โดยซื้อขายที่ P/BV ต่ำว่าค่าเฉลี่ย (Mean) ย้อนหลัง 10 ปี – ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Sector Focusวันนี้ สำหรับปัจจัยที่ต้องระวัง คือ การตรวจสอบโครงการลงทุนของคตร. เช่น โครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2, โครงการแทปเล็ต, โครงการให้ประชาชนเปลี่ยนไปชมทีวีดิจิตอล ฯลฯ อาจกระทบ Sentiment การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้อง กลยุทธ์การลงทุน : ลงทุนระยะกลาง-ยาวยังคงเน้นเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานที่จะเติบโตได้ดีในปี 2558 และมีเสถียรภาพในระยะยาว ส่วนการลงทุนตามรอบ เน้นซื้อตามค่าบวก โดย SET มีแนวต้าน 1480, 1500 จุดโดยมีจุด Stop loss ที่ 1460 หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น BBL
Fundamental Pick
BBL แนะนำซื้อปิด 193.50 บาท ราคาพื้นฐาน 255 บาท
• คาดว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของสินเชื่อ Corporate มากเพราะมีฐานลูกค้าประเภทนี้สูงกว่าธนาคารพาณิชย์รายอื่น และเราประเมินว่าสินเชื่อ Corporate จะฟื้นตัวได้เร็วในรอบนี้ เพราะมีหลายโครงการที่ชะลอการลงทุนไปในช่วงที่การเมืองไม่แน่นอน แต่ขณะนี้กำลังจะกลับมาลงทุนแล้ว รวมทั้งคาดว่าการลงทุนภาครัฐ & เอกชนในปี 2558 จะเติบโตดีขึ้นด้วย ประมาณการว่าสินเชื่อและกำไรของ BBL จะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า คาดการณ์EPS Growth ปี 2558 ไว้ที่ 15% จากที่เติบโต 11% ในปีนี้ ด้าน Valuation จูงใจมาก โดยซื้อขายที่ P/BV ปี 2557-2558 ต่ำเพียง 1.1 เท่า และ 1.0 เท่า ตามลำดับ คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ที่ 3.6% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 255 บาท อิงกับ P/BV ปี 2558 ที่ 1.4 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : FOMC ประชุม 17-18 มิ.ย.นี้ ...ตลาดคาดลด QE3 อีก 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
• คณะกรรมการ FOMC มีประชุม 17-18 มิ.ย.57 ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะลดวงเงินซื้อพันธบัตรลงอีก 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากประกาศลดวงเงินซื้อพันธบัตรลงอีก 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐสู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการประชุมครั้งก่อนในเดือนพ.ค.57 เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว
• สหรัฐ : IMF ปรับลดคาดการณ์ GDPGrowth ปีนี้เป็น 2.0% (เดิม 2.8%)...ตลาดรับรู้เรื่องนี้ไปแล้วพอสมควร
• กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ลงจาก 2.8% สู่ระดับ 2.0% อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแรงในช่วงไตรมาสแรก แต่ยังคงคาดการณ์สำหรับปี 2558 ไว้ที่ 3.0%...การปรับลดประมาณการครั้งนี้ไม่ได้Surprise ตลาด เพราะหลายสำนักวิจัยฯได้มีการปรับประมาณการลงไปก่อนหน้านี้ โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจในไตรมาส 1/57 ถูกกระทบจากสภาพภูมิอากาศรุนแรง อย่างไรก็ตาม ประมาณการว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2/57 จะพลิกฟื้นดีขึ้นเมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนพ.ค.-มิ.ย.ที่ออกมา
+ สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ค.-มิ.ย.กระเตื้องขึ้น
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire StateIndex) เดือนมิ.ย.ยังคงปรับตัวขึ้นแตะ 19.28 หลังจากเพิ่มสู่ระดับ 19.01 ในเดือนพ.ค. แสดงถึงกิจกรรมภาคการผลิตในนิวยอร์กที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง
+ เฟดรายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นเป็น79.1% นับว่าภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐได้ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง หลังย่ำแย่จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นรุนแรง
+ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4 จุด แตะ 49 จากระดับ 45 ในเดือนพ.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในปีนี้
- อิรัก : สหรัฐสั่งเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยสถานทูตในกรุงแบกแดด
- ล่าสุดมีรายงานว่ารมว.กลาโหมสหรัฐได้สั่งการให้เรือ USS Mesa Verde ซึ่งเป็นเรือรบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของสหรัฐเดินทางไปยังอ่าวเปอร์เซีย และยังได้เพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยที่สถานทูตสหรัฐในกรุงแบกแดด และได้อพยพเจ้าหน้าที่บางส่วน
• ตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในกรอบแคบ...กังวลสถานการณ์ในอิรัก
• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,781.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.27 จุด หรือ +0.03% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,321.11 จุด เพิ่มขึ้น 10.46 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,937.78จุด เพิ่มขึ้น 1.62 จุด หรือ +0.08%...แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งในด้านภาวะธุรกิจโดยรวมและความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเดือนมิ.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ดีขึ้น แต่นักลงทุนยังกังวลกับสถานการณ์ในอิรัก ตลาดจึงปรับขึ้นจำกัด
+ สัญญาน้ำมันดิบ BRENT ปรับขึ้นต่อ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 106.9 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 107.54 ดอลลาร์ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTIเดือนก.ค.จะครบกำหนดส่งมอบในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 112.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุนคือ ความไม่แน่นอนในอิรัก
• สัญญาทองคำ COMEX ขยับขึ้นเล็กน้อย...รอดูสถานการณ์ในอิรัก
• สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.2ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,275.3 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อความปลอดภัยในยามที่สถานการณ์ในอิรักยังคงตึงเครียด แต่แรงซื้อยังไม่ได้แข็งแกร่งมาก
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• 8 โครงการที่คตร.เร่งตรวจสอบ ... อาจกระทบ Sentiment การลงทุนของหุ้นที่เกี่ยวข้อง เช่น AOT SAMART MCOT เป็นต้น
• 8 โครงการที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะเข้าตรวจสอบในลำดับแรก คือ
1. โครงการจัดหารถรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คันของร.ฟ.ท.
2. โครงการจัดหารถจักร 126 คัน ของร.ฟ.ท.
3. โครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ของ AOT
4. โครงการจ้างให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารของ AOT
5. กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของสนพ.
6. โครงการแทบเล็ต ของกระทรวงศึกษาธิการและไอซีที
7. โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ของ TOT
8. โครงการสนับสนุนประชาชนเปลี่ยนผ่านไปรับชมทีวีดิจิตอลของกสทช.
• ทางด้านสนข.จะเสนอโครงการรถไฟฟ้า 3 สายเร่งด่วน คือ สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี), สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) รวมถึงโครงการส่วนต่อขยายมอร์เตอร์เวย์, รถไฟรางคู่ ที่จะเสนอให้ลงทุนในปี 2558 โดยจะเสนอให้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคสช.พิจารณาในวันที่ 19 มิ.ย.นี้
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์…Overweight
• DBS Group Research ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยเป็นOverweight สะท้อนการฟื้นตัวของธุรกิจหลังปัญหาการเมืองคลี่คลายลง
• สินเชื่อกลุ่ม Corporate จะเป็นผู้นำการเติบโตในปี 2558 แล้วตามมาด้วยกลุ่ม SME ส่วนธุรกิจรายย่อยก็ทยอยฟื้นตัวตามบรรยากาศโดยรวมและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น
• ปรับราคาตามพื้นฐานไปยังปี 2558 โดยคาดว่าปัจจัยในปี 2557 ได้สะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นแล้ว รวมทั้งปรับเพิ่มคำแนะนำ TCAP, TISCO และ TMB ขึ้นเป็นซื้อ (เดิมถือ)
• ให้ BBL (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 255 บาท) เป็นหุ้น Top Pick รองลงมาเป็น KBANK(แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 262 บาท) และ KTB (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 30 บาท)
***ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Sector Focus วันนี้***
• กบข. & สปส.มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นไทย กำลังดูจังหวะเพิ่มการลงทุน
• กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นไทย หลังจากปัญหาการเมืองผ่อนคลายลง และเศรษฐกิจมีโอกาสฟื้นตัวได้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป
• ทางกบข.มีโอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 10.5% (มูลค่าลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ต้องดูจังหวะในการเข้าซื้อด้วยเพราะตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นค่อนข้างเร็ว โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทางกบข.มองว่าน่าสนใจเพราะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คือ อสังหาริทรัพย์, วัสดุก่อสร้างและธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
• ทางด้านสปส.ก็กำลังหาโอกาสเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช่นกัน โดยเน้นลงทุนไปใน 4กลุ่มหลักที่ได้ลงทุนอยู่แล้วและให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด (Overweight) คือ กลุ่มการแพทย์, กลุ่มอาหาร, กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปัจจุบันกองทุนมีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยประมาณ 10% (มูลค่าลงทุนราว 1 แสนล้านบาท) และสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 12% ได้ หรือเพิ่มขึ้นอีก 2 หมื่นล้านบาท แต่ในการเข้าลงทุน ทางสปส.ก็ต้องดูจังหวะด้วย
+/- หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้ามาคำนวณในSET50 รอบ 2H57 คือ KKP และ M
+ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50, SET100 และSETHD เริ่มใช้ 1 ก.ค. 2557 – 31 ธ.ค.57 ว่า
# หลักทรัพย์ใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาคำนวณในดัชนี SET50 ครั้งนี้ คือ KKP และ M ส่วนหลักทรัพย์ที่ออกจากการคำนวณ คือ CK และ THAI
# หลักทรัพย์ใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาคำนวณในดัชนี SET100 ครั้งนี้ คือ BJCHI, EARTH,M, MC, MEGA, NOK, NYT, PSL และ THREL สำหรับหลักทรัพย์ที่ออกจากการคำนวณ คือASP, CHG, JMART, MBK, N-PARK, SC, SF, SSI และ TFD
# หลักทรัพย์ใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาคำนวณในดัชนี SETHD ครั้งนี้ คือ LH, PTTGC, RSและ TICON โดยหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี SETHD รอบนี้มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย4.28% สูงกว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยรวมซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่2.96%
ความเห็น Retail Research : แม้ว่าการได้รับคัดเลือกเข้ามาคำนวณในดัชนีจะไม่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์ แต่ก็เป็นข่าวดีต่อราคาหุ้น เพราะหลักทรัพย์เหล่านี้มีโอกาสที่จะได้รับความสนใจลงทุนจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนอิงกับ SET50 หรือ SET100 ส่วนหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SETHD ก็จะได้รับความสนใจลงทุนจากกองทุนที่เน้นปันผลสูง (Defensive Fund) มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลักทรัพย์ที่ถูกถอดออกจากการคำนวณใน SET50, SET100 และ SETHD ก็อาจถูกขายเพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้สอคคล้องกับดัชนี
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]