- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 May 2015 18:37
- Hits: 1531
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
มุมมองตลาด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาที่จุดต่ำสุดเดิม 1484 จุด ก่อนปรับตัวดีขึ้นปิดได้ที่ 1497 จุด จากแรงผลักดันของกลุ่มสิ่อสาร ปิโตรเคมีและอสังหาริมทรัพย์ สัญญาณทางเทคนิคชี้ว่า ดัชนีหลักลดลงอย่างมากซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวไปสู่ระดับ Oversold จุดที่น่าสนใจคือหากปรับตัวลงแรง จะส่งผลให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เราคาดว่าตลาดจะมีความผันผวนสูงสุดในเร็วๆนี้และจะส่งผลให้ดัชนีหลักลดลงอย่างมาก และปรับลงไปถึงแนวรับหลักระยะยาว คำถาม:แนวรับหลักของดัชนีอยู่บริเวณใด? จุดที่น่าสนใจคือหากปรับตัวลงแรงแถวบริเวณ แนวรับถัดไป 1460 จุด จะส่งผลให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และแนวรับตามตัวเลข Fibonacci 38.2% ตรงกับเส้นแนวโนม Trend line support ปัจจุบันดัชนีปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้น 8% จากจุดยอด 1615 จุด มองแนวรับถัดไปที่ 1460 จุด ซึ่งน่าจะทำให้เครื่องมือทางเทคนิคอยู่ในระดับ Oversold
สัปดาห์นี้ชาร์ตที่เกิดการเปลี่ยนรูปแบบได้แก่
1.Gold spot ปรับขึ้นมาอยู่ที่ $1215/ออนซ์
2.US Dollar ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นแนวโน้ม
สรุป: เราคาดว่า จังหวะการเข้าซื้อขายหุ้นด้วยเครื่องมือเทคนิคจะมีบทบาทสำคัญในช่วงที่ตลาดผันผวน มองทิศทางตลาดหากลงมาที่แนวรับ 1460-1480 จุด มองเป็นจุดน่าสนใจในการเข้าซื้อ / แนวต้าน 1520 จุด
BLS report 15/05/15
CFRESH (BUY, TP 10.8): กำไร 1Q15 ที่ 43 ล้านบาท (-68%YoY, -70%QoQ) สาเหตุที่มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่น้อยกว่าคาดไปราว 1.5% และการขาดทุนในบริษัทลูกจำนวน 19 ล้านบาท คาดผลประกอบการ 2Q14 ทรงตัว ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโตขึ้นตามปริมาณผลผลิตกุ้งที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่มาร์จิ้นที่แนวโน้มอ่อนตัวเนื่องจากราคากุ้งที่ลดลงอย่างรวมเร็วคาดจะได้รับการชดเชยจากค่าเงินปอนด์ (GBP/THB) ที่แข็งค่าขึ้นราว 8-9% นับแต่สิ้นเดือนมีนาคม นอกจากนี้ผลการดำเนินงานจากบริษัทลูกในเบลิสคาดผลการขาดทุนยังทรงตัวก่อนที่จะดีขึ้นในช่วง 2H15 และคาดค่าเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นจะช่วยให้บริษัทกลับมามีกำไรจากอัตรคาแลกเปลี่ยน เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 10.80 บาท (อิง P/E 12 เท่า)
AOT(HOLD, TP 295): กำไร 2Q15 (Jan-Mar 2015) 4980 ล้านบาท (+32%YoY +25%QoQ) กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดีกว่าคาด 11% เนื่องจาก Tax rate น้อยกว่าคาด และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
Outlook คาดผลประกอบการดีต่อเนื่อง จากการเติบโตผู้โดยสาร โดย 7 เดือนที่ผ่านมาจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 18% ขณะที่การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โยสารทุก 1% จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 3.5% อย่างไรก็ตามยังไม่มีปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้นนี้ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นการท่องเที่ยวไทยในเดือนเม.ย.-ก.ย. แต่เรามีโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการกำไร ขึ้นจากการเติบโตผู้โดยสารที่สูงกว่าคาด
PS (BUY, TP 37): กำไร 1Q15 ที่ 891 ล้านบาท (-16%YoY, -55%QoQ)
Outlook 2Q15: คาดผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากคอนโดที่ที่เริ่มโอนในไตรมาส 2/57 ได้แก่ เดอะ ทรี พริวาต้า, คอนโดเลต ดเวล รวมถึงคอนโดขนาดเล็กอีก 3 โครงการที่อยู่ภายใต้ชื่อ เดอะ ไพรเวทซี่ ที่ติวานนท์, ประชาอุทิศ และรัชดา
AP (BUY, TP 7.8): กำไร 1Q15 ที่ 560 ล้านบาท (+115%YoY, -8%QoQ)
Outlook 2Q15: คาดผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากการโอนโครงการ Rhythm สาทร-นราธิวาส (มูลค่าโครงการ 5.5 พันล้านบาทจองแล้ว 95%)
STEC (BUY, TP 26): กำไร 1Q15 ที่ 320 ล้านบาท (-23%YoY, -14%QoQ) ดีกว่าคาดเล็กน้อย เนื่องจาก Gross margin เพิ่มขึ้น 11.5% ขณะที่ราคาเหล็กปรับตัวลงและมีการรับรู้รายได้จกโครงการบางส่วน
Outlook 2Q15: รองานประมูล โดยราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวไปตามงานประมูลที่เข้ามา
MS: แนวโน้มราคาถ่านหินในจีน ความต้องการบรโภคถ่านหินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 1 ขณะที่ Supply ลดลง 32% Inventory ลดลงจาก 30 วัน มาอยู่ที่ 19 วัน สรุป: คาดมีการ Restocking เติมสินค้าใหม่ ทำให้ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นในระยะสั้น (Positive surprise)
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด
ข่าวเด่นเศรษฐกิจ
ตลท.เผยกำไรบจ.ไตรมาสแรกไม่แย่อานิสงส์อุตฯบินและท่องเที่ยว
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าในไตรมาสแรกกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะไม่แย่เหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยล่าสุด 306 บริษัท คิดเป็น 77% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดประกาศกำไรสุทธิรวมประมาณ 199,000 ล้านบาท และเมื่อประกาศครบคาดว่ากำไรสุทธิรวมแล้วน่าจะมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 202,047 ล้านบาท กลุ่มผลประกอบการดีคือกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยว เพราะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสหรัฐและยุโรปเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น รวมทั้งธุรกิจพลังงานเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว (หนังสือพิมพ์มติชน)
สินเชื่อแบงก์พาณิชย์เพิ่ม 4.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปีนี้อัตราการขยายตัวของสินเชื่อทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์มีการขยายตัว 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวต่ำกว่าไตรมาส 4/2557 ที่ 5% ทั้งนี้พบว่าสินเชื่อธุรกิจขยายตัวลดลง 2.9% เนื่องจากภาคธุรกิจมีการระดมทุนในตลาดทุน เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่หันไปออกตราสารหนี้แทนการกู้ยืม ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัว 4.5% คุณภาพหนี้แย่ลง การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม (หนังสือพิมพ์มติชน)
รื้อแผนพลังงาน อนุมัติแผนผลิตไฟฟ้าอนาคต 21 ปี
กพช.อนุมัติแผนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้ายาว 21 ปี คุมค่าเอฟทีไม่เกิน 4.587 บาท/หน่วย ปตท.ลงทุนเพียบนายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558-2579 (PDP 2015) หรือแผนไฟฟ้าระยะ 21 ปี ซึ่งจะผลิตไฟฟ้าเมื่อสิ้นสุดแผน 70,335 เมกะวัตต์ โดยให้ลดการใช้ก๊าซในการผลิตไฟฟ้าลงจาก 65% เหลือ 40% เพิ่มการผลิตไฟฟ้าถ่านหินจาก 18% เป็น 20-25% เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนจาก 8% เป็น 19-20% นิวเคลียร์ 5% ((หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ครม.เห็นชอบลดสำรองน้ำมันประเทศเหลือ 25 วัน
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ลดอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายลงเหลือ 25 วัน จากเดิม 43 วัน แบ่งเป็นน้ำมันดิบ 6% ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปลดจากเดิม 6% ลดเหลือ 1% ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชน เพราะทำให้ต้นทุนในการสำรองน้ำมันของประเทศลดลง และคาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันลดลง 9 สตางค์/ลิตร (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
เล็งลดเป้าผลิตรถยนต์ เหลือ 1.8 ล้านคันหลังตลาดรถในประเทศซึม
นายธนวัฒน์ คุ้มสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "จุดยืนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในทศวรรษหน้า" ภายในงานสัมมนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ว่า ในครึ่งปีหลังของปี 2558 อาจต้องปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจากกำลังซื้อและเศรษฐกิจชะลอตัวลดลงต่อเนื่อง โดยจะพยายามรักษาไม่ให้ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่สามารถผลิตได้ 1.8 ล้านคัน จากต้นปีที่ ตั้งเป้าไว้ที่ 2.15 ล้านคัน (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
หุ้น: BDMS คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย (บาท): 21.00
กำไรหลักไตรมาส 1/58 เพิ่มขึ้น 10%YoYและ 24%QoQมากกว่าที่เราคาด 9% จากรายได้อื่นๆ และส่งนแบ่งกำไรจาก BH ที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตามตลาดไม่ประหลาดใจต่อกำไรไตรมาส1/58
เราคาดกำไรไตรมาส 2/58 เติบโตไม่มาก YoY แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล
กำไรหลักไตรมาส 1/58 คิดเป็น 27% ของกำไรทั้งปีที่เราและตลาดคาด ทำให้เราคงประมาณการไว้ โดยโอกาสปรับเพิ่มกำไรจะมาจากกรณีที่หากบริษัทมีการซื้อกิจการเพิ่มเติม
เราแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะซื้อหุ้น ต่ำกว่า 20 บาท เนื่องจากหุ้นซื้อขายที่มูลค่าค่อนข้างสูงในขณะนี้ กอปรกับกำไรกำลังเข้าสู่ช่วงช่วงฤดูกาลแย่สุดของปี
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: STEC คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 26.00
กำไรไตรมาส 1/58 สูงกว่าคาด 14%
รายได้เป็น 4.2 พันล้านบาท ลดลง 20%YoY และ 30% QoQ จากมูลค่างานในมือที่ลดลง
เราคาดว่ารายได้จะหดตัวลง YoY อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: AOT คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย (บาท): 295
กำไรหลักไตรมาส 2/58 (ม.ค.-มี.ค.) ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่เราคาด 11%
ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตกของกำไรหลัก ได้แก่ 1) จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มสูงขึ้น, 2) จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น, 3) ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และ 4) อัตราภาษีจ่ายลดลง
เราคาดกำไรหลักไตรมาส 3/58 (เม.ย.-มิ.ย.) จะขยายตัว YoY แต่คาดอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย
นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: AP คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 7.80
AP รายงานผลกำไรหลักไตรมาส 1/58 ที่ 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115%YoY แต่ต่ำลง 8%QoQ เป็นไปตามที่เราคาด
แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/58 ขยายตัวเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากการเติบโตของรายได้ ทั้งแนวราบและเริ่มการโอนคอนโดในโครงการ Rhythm Sathorn และโครงการ RHYthm Sathorn-Taksin Phase 1
กำไรไตรมาส 1/58 คิดเป็น 20%ของที่เราและตลาดประมาณการทั้งปี ทำให้เราคงประมาณการเดิมไว้
AP จะเป็นผู้นำด้านยอดจองซื้อและกำไรไตรมาส 2/58 ทำให้เรายังคงแนะ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 7.80
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์