- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 May 2015 18:35
- Hits: 1328
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : ผันผวนเชิงบวก
ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มผันผวนเชิงบวก หลังจากที่พักฐานลงมาแรงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Sentiment ที่เป็นบวกในวันนี้ นำโดยดาวโจนส์ที่ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของตลาดไทยจะยังอยู่ในกรอบจำกัดในช่วงนี้ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่มาสนับสนุน และ Valuation ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตลาดเพื่อนบ้าน
แนวรับ/แนวต้าน : 1480/1500
กลยุทธ์ : เริ่มสะสมหุ้นเมื่อดัชนีย่อลงแรง ทยอยขายเมื่อมีกำไร เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง, หุ้นปันผลสูง และหุ้นที่มีแนวโน้มผลกำไรเติบโตดี
สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
นักลงทุนระยะสั้น : DEMCO(16), BDMS(25.25)
นักลงทุนระยะยาว : IFS(5), ILINK(23)
จับข่าวมาเก็งกำไร
BDMS : ด้วยสถานการณ์ความสงบทางการเมืองในประเทศไทย และการที่ผู้บริหารมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายท่ามกลางการเปิดโรงพยาบาลใหม่ที่มากขึ้น BDMS สามารถที่จะแสดงผลประกอบการที่ดีในไตรมาสที่ 1/58 ได้ และด้วยการที่จำนวนผู้ป่วยคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีจากความผ่อนคลายลงทางการเมืองและกลยุทธ์ของผู้บริหารที่จะยังคงมุ่งขยายและควบรวมกิจการ ขณะที่รักษาค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับต่ำ เราคาดว่า BDMS จะบรรลุการเติบโตของผลกำไรที่แข็งแกร่งที่ 25% ในปีนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานที่ 25.50 บาท(รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
+ "แบงก์ชาติ" มั่นใจ "เอ็นพีแอล" เพิ่มไม่กระทบเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน เหตุตั้งสำรองไว้สูงกว่าระดับสำรองพึงกันกว่า 165% ยอมรับเอ็นพีแอลพุ่งกลุ่ม "เอสเอ็มอี-ครัวเรือน" ตามเศรษฐกิจชะลอตัวขณะสินเชื่อโตชะลอเหลือ 4.3% ทางด้าน "คลัง" เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังไม่อยู่ในภาวะเงินฝืด แต่เป็นสถานการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอตัว เรียกว่าเงินไม่มี เนื่องจากประชาชนถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพราะธนาคารกลัวเป็นหนี้เสีย ไม่กล้าปล่อยกู้ ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ลดอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายลงเหลือ 25 วัน จากเดิม 43 วัน แบ่งเป็นน้ำมันดิบ 6% ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปลดจากเดิม 6% ลดเหลือ 1% ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชน เพราะทำให้ต้นทุนในการสำรองน้ำมันของประเทศลดลง และคาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันลดลง 9 สตางค์/ลิตร
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,252.24 จุด พุ่งขึ้น 191.75 จุด หรือ +1.06%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
+ สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือน มิ.ย.ลดลง 62 เซนต์ ปิดที่ 59.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดที่สูงเกินไป
นักวิเคราะห์ : ยศพณ แสงนิล, CFA Email : [email protected] Tel: 02 659 8154