- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 May 2015 16:55
- Hits: 1054
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,520 จุด แต่ก็เกิดแรงขายหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ออกมาค่อนข้างมาก ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง กดดันให้ SET INDEX ย่อตัวและแกว่งแคบระหว่าง 1,510-1,515 จุด และเกิดแรงขายในช่วงปิดตลาด ส่งผลให้ SET INDEX กลับมาปิดลบ 9.21 จุด มาอยู่ที่ 1,501.30 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 32,045 ล้านบาท
ค่าเงินบาทอ่อนค่าค่อนข้างมากในช่วงบ่ายวานนี้ 15 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ +/- สะท้อนกลับมายังตลาดตราสารหนี้ ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 2,759 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 อีก 5,499 สัญญา แม้ว่าจะเป็นการซื้อสุทธิตลาดหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ 1,673 ล้านบาท อาจเป็นการ Covered Short หุ้นไทยในต่างประเทศ ภาพรวมยังไม่เห็นสัญญาณที่ดีต่อกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในไทย
ปัจจัยสำคัญวันนี้
กรีซจ่ายหนี้ให้ IMF ราว 750 ล้านยูโรไปแล้ววานนี้ ขณะที่การเจรจามีความคืบหน้าบางส่วน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
ตัวแทนด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ยืนยันญี่ปุ่นสนใจโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของไทย
ติดตามการประชุม ครม. จะมีการพิจารณาโครงการมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง และการรายงานความคืบหน้ากรณีการลงทุนร่วมระหว่างไทย ญี่ปุ่น ทั้งโครงการทวาย และ รถไฟความเร็วสูง
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองเป็น "กลาง" วันที่ 31 พร้อมภาพของความอ่อนแอของบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เมื่อมูลค่าการซื้อขายเบาบางเหลือเพียง 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท/วัน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าผลการดำเนินงานใน 1Q58 จะออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ แต่ก็ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ อีกทั้งตัวแปรสำคัญของการผลักดันเศรษฐกิจในปีนี้คือ การใช้จ่ายภาครัฐ ณ ปัจจุบัน ยังไม่เห็นการเปิดประมูลงานโครงการใหญ่ ซึ่งน่าจะติดเงื่อนไขระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 58.5% เทียบกับเงื่อนไขของประเทศที่ 60.0% ทำให้เกิดข้อจำกัด
ขณะที่การท่องเที่ยวยังคงเป็นบวกต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา แต่ถือว่าเป็นไปตามที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ภาคการส่งออกถือเป็นปัจจัยที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสำคัญและติดตาม หลัง กนง. ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 2 ครั้ง รวม 50bps ทำให้เงินบาทอ่อนค่าเกือบ 6% จะช่วยภาพการส่งออกได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะรายงานการส่งออกเดือนเม.ย.ในช่วงปลายเดือนนี้ เป็นตัวแปรที่น่าสนใจติดตาม
อย่างไรก็ตามในวันนี้ เราคาดว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง/ วัสดุก่อสร้าง จะเกิดการฟื้นตัว จากวาระการพิจารณาการประชุมครม.วันนี้ ต่อแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่เริ่มทยอยเห็นครม.พิจารณาและอนุมัติโครงการอย่างต่อเนื่อง โครงการผ่านการอนุมัติ จะนำไปสู่ขั้นตอนการเตรียมประมูลงาน และกำหนดการประมูลงานในช่วง 2H58 ต่อไป ซึ่งหากเห็นความชัดเจนเช่นนี้ เราเชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะกลับมาเป็นบวก
ปัจจัยต่างประเทศ เราประเมินว่า มีน้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียงจำกัด เพราะความอ่อนแอของปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจในประเทศ มีน้ำหนักต่อการลงทุน มากกว่าความเสี่ยงกรณีกรีซ หรือ ช่วงเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เพราะปัจจัยเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น
การลงทุนโดยรวม ถูกกดดัน / จำกัด ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ SET INDEX จะมีภาพของการซึมตัว พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าสัญญาณสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ฟื้นตัว / NPLs ทรงตัว และ/หรือ การส่งออกไทยเริ่มกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง จะทำให้ SET INDEX มีทิศทางฟื้นตัวที่ชัดเจนอีกครั้ง
เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชีย (7.31 น.) Nikkei เปิดลบ ส่วน Kospi เปิดบวก แต่ภาพรวมเป็นการแกว่งในกรอบแคบ แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดลบก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนยังคงใช้กลยุทธ์ ขึ้นแรงขาย - ลงแรงซื้อ" เป็นอีกสักระยะหนึ่ง
Top Pick in 2Q15: ITD / TASCO / TPIPL/ WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA/ THAI/ BCP
Accumulative Buy: TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TASCO : ราคาปิด 11.80 บาท ราคาเหมาะสม 15.50 บาท
a) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 25% ในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา เกิดจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้น Outperform ตลาดมาก หลัง YTD ปรับตัวขึ้นถึง 81% เทียบกับ SET INDEX +0.2% และหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง +15.6%
b) MBKET ยืนยันมุมมองเชิงบวก และเชื่อว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสม เนื่องจากมีประเด็นบวกรออยู คือ ผลประกอบการ 1Q58 ที่จะรายงานในวันพุธนี้ และคาดว่าจะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 625 ล้านบาท +146% yoy และ +20% qoq
c) เชื่อว่ามีโอกาสที่งบ 1Q58 จะออกมาดีกว่าคาด และเป็น Positive Surprise ให้กับตลาด และส่งผลให้ Consensus ทบทวนประมาณการกำไรปี 2558 ขึ้นอีกหลังรายงานงบ
d) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +67% yoy เป็น 2,004 ล้านบาท และซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.1 เท่า เทียบกับกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 14.8 เท่า
Fund Flow Analysis
und Flow in Emerging Markets
ตลาดหุ้นเอเชียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$217 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$45 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในไทยต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการ 1,673 ล้านบาท เทียบกับ 7 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 9,631 ล้านบาท และ YTD ขายสุทธิลดลงเหลือ 7,225 ล้านบาท อาจเป็นการ Covered Short หุ้นไทยที่เปิดไว้ในต่างประเทศ
ด้าน SET50 Index Futures วานนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 5,799 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิ 14,886 สัญญา กดดันให้ S50M15 กลับมาปิดต่ำกว่า SET50 Index มากถึง 2.47 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เพียง 0.06 จุด น่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ หลัง SET50 Index กลับมาปิดต่ำกว่า 1,000 จุด อีกครั้ง ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะเป็น Long สุทธิลดลงเป็น 9,770 สัญญา
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 2,759 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 17,463 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 10 ปี ลดลง 1.20bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 3.24bps ปิดที่ 2.752%
เงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิเป็นส่วนใหญ่และต่อเนื่อง กลับมากดดันเงินบาทไทยอีกครั้ง วานนี้เงินบาทอ่อนค่ามากถึง 15 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ +/- ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นอีกเป็น 1,885 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,255 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 21 กลับมาสะสมกลุ่มธนาคารและโรงพยาบาลอย่างหนาแน่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 1,620 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 48 ล้านบาท รวม 21 วันทำการซื้อสุทธิเท่ากับ 30,954 ล้านบาท โดยเป็นการกลับมาสะสมกลุ่มธนาคาร และ โรงพยาบาลอย่างหนาแน่น สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารกลับมาถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 695 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 46 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 408 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 184 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 223 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 135 ล้านบาท
2. ขณะที่กลุ่มอาหารถูกขายสุทธิสูงสุดแต่ก็เพียง 63 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
พัฒนาการของกรีซ
การเจรจาระหว่างกรีซ และ รมว.คลัง กรีซ มีความคืบหน้าในเชิงบวก แม้ว่าจะยังไม่ได้ข้อสรุปของแผนปฎิรูปเศรษฐกิจกรีซ ก็ตาม ทั้งนี้กรีซ ได้มีการปฎิรูปภาษี VAT และการบริหารจัดการภาษีไปแล้ว ส่วนการปรับในส่วนของผลประโยชน์ของกองทุนบำเหน็จบำนาญ และตลาดแรงงานเป็นส่วนที่มีความอ่อนไหว แต่ก็อยู่ในแผนของการปรับเช่นกัน
กรีซ ได้ชำระหนี้ IMF มูลค่า 750 ล้านยูโรวันที่ 11 พ.ค. ก่อนกำหนดครบ 1 วัน
BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: เท่ากับ 0.50% สอดคล้องกับ Bloomberg consensus แม้ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะเติบโตตลอด 9 ไตรมาส แต่อัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 2.0% ทำให้ BoE ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
อินโดนีเซียเตรียมลดภาษีนิติบุคคลลงต่ำกว่า 18%: รัฐบาลอินโดนีเซีย เตรียมประกาศลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจุบัน 25% ลงเหลือ 17.8% หรือ 17.5% เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล และเป็นการลดช่องว่างของภาษีกับสิงคโปร์ เก็บอยู่ที่ 17% และผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 7%
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมาเลเซียขยายตัวเด่น: เพิ่มขึ้น 6.9% yoy ในเดือน มี.ค.เร่งตัวขึ้นจากเดือน ก.พ.ที่ขยายตัว 5.2% yoy และดีกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินที่ 4.5% yoy นำโดยภาคการผลิตและเหมืองแร่ที่เพิ่มขึ้น 6.3% yoy และ 9.2% yoy ตามลำดับ
ไทย
คลังเล็งกู้ 1.4 แสนล้าน มอเตอร์เวย์ 2 สาย: กระทรวงการคลังจะเสนอแผนเงินกู้โครงการมอเตอร์เวย์ 2 สาย วงเงินรวม 1.4 แสนล้านบาทให้ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในการประชุมวันนี้ (12 พ.ค.) เงินกู้แยกเป็น เส้นทางบางปะอิน-สระบุรีนครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 8.46 หมื่นล้านบาท และสายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงิน 5.56 หมื่นล้านบาท
ลงนาม 3 ฝ่ายโครงการทวาย ก.ค.นี้: ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้พบกับนายฮิโระโตะ อิซุมิ ที่ปรึกษาพิเศษของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยทางญี่ปุ่นยืนยัน จะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนในโครงการนิคมอุตสาห กรรมทวายรวมเป็นหุ้นส่วน 3 ฝ่าย คือ ไทย เมียนมา และญี่ปุ่น ซึ่งการลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ค.นี้ ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น โดยจะดำเนินการตามแผนเดิมคือ ในระยะแรกจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดเล็กพื้นที่ขนาด 27 ตารางกิโลเมตร และจะสร้างถนนเชื่อมไทยกับ เมียนมาตามที่กำหนดไว้ และจะขยายเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เต็มที่ในระยะที่ 2
ประจิน โอ่ ตอกเสาเข็มรถไฟเร็วสูง 3 เส้นทาง: รมว.คมนาคมเปิดเผยหลังนายฮิโระโตะ อิซุมิ ที่ปรึกษาพิเศษของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นว่า ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะมีการลงนามบันทึกความร่วมมือระบบราง 2 ฉบับ วันที่ 26-27 พ.ค. 58 ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น โดยการลงนามฉบับแรก เป็นข้อตกลงในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทยญี่ปุ่น 2 เส้นทาง คือ 1. กาญจนบุรี-กรุงเทพฯฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง และ กรุงเทพฯฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ 574 กม. และ 2. กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 715 กม. ซึ่งเริ่มก่อสร้างได้ช่วงเดือน ม.ค. ปีหน้า ขณะที่เส้นทาง ตากพิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-ร้อยเอ็ดมุกดาหาร ระยะทาง 718 กม. จะเป็นแค่การศึกษาร่วมกันเท่านั้น ส่วนการลงนามฉบับที่ 2 จะเป็นความร่วมมือการพัฒนาระบบขนส่งทางรางร่วมกันในการวางโครงข่ายเส้นทางระบบรางภาคตะวันออกที่มีรถไฟหลายระบบ การพัฒนาการขนส่งสินค้าตลอดจนแนวทางการพัฒนาบุคลากร
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530