- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 May 2015 18:33
- Hits: 1019
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
มุมมองตลาด
ดัชนี ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ขึ้นภายหลังจากการลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ 1494 จุด โดยปิดที่ 1506 จุด เพิ่มขึ้น 8.5 จุด หรือ 0.6% ปริมาณการซื้อขายทั้งสิ้น 3.2 หมื่นล้านบาท หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้แก่ กลุ่มธนาคาร อิเล็คทรอนิกส์และพาณิชย์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร เราได้แนะนำไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาในระดับ Oversold ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมากเกินไป ขณะที่ราคาเทียบกับมูลค่าหุ้น P/BV ของกลุ่มธนาคารก็ลงมาอยู่ในกรอบล่างที่ P/BV 1.5 เท่า กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ได้ประโยนช์จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง เมื่อค่าเงินไทยเทียบดอลล่าร์สหรัฐอ่อนตัวลงจะส่งผลให้มีบริษัทได้รับเงินบาทเพิ่มขึ้น กลุ่มพาณิชย์ฝ่ายวิเคราะหืเราคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/58 คาดรายงานการเติบโตกำไรที่แข็งแกร่ง
กลุ่มที่ต้องระมัดระวังในสัปดาห์นี้คือกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ปัจจุบันได้ปรับขึ้นมาถึงจุดที่มีความเสี่ยงเมื่อ RSI 70 หรือภาพ Overbought หุ้นในกลุ่มพลังงาน สถิติในอดีตซึ่งชี้ว่าราคาหุ้นปกติแล้วจะอ่อนตัวในช่วงเดือนพ.ค.-ส.ค. เนื่องจากปริมาณสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกและการเพิ่มกำลังการผลิตจำนวนมากยังเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ ช่วงนี้ประเด็นหลักที่นัลงทุนให้ความสนใจคือผลประกอบการจากกลุ่มปตท.จะออกมาเช่นไร หากผลประกอบการออกมาน่าผิดหวังก็จะส่งผลให้ราคาหุ้นถูกขายทำกำไรภายหลังจากการปรับตัวขึ้นสูงโดยเฉลี่ย 10% นับจากเดือนเม.ษ.
ปัจจัยต่างประเทศ การเจรจาระหว่างกรีซและกลุ่มยูโรโซน หากตกลงกันได้กรีซก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาด
สรุป: แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้คาดแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1490-1530 จุด เนื่องจากแรงซื้อกลับในกลุ่มธนาคาร แต่อาจมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มพลังงาน
ADVANC (BUY, TP270 บาท): กำไร 1Q15 ที่ 9,897 ล้านบาท (+4%YoY, +9%QoQ) กำไรหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากรายได้บริการที่เติบโตแข็งแกร่งโตขึ้นติดต่อกัน 3 ไตรมาส รายได้จากการขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทมีแผนจะเจาะตลาดลูกค้า Low end มากขึ้น ADVANC ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มไอซีที เนื่องจากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2558 ที่เติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงอัพไซด์ในอนาคตที่จะมาจากการชนะประมูลคลื่นความถี่ 4 จีของกสทช.ในช่วงไตรมาส 4/58 และเงินปันผลที่สูง
PTTGC (HOLD, TP66 บาท): กำไร 1Q15 ที่ 5,631 ล้านบาท (-11%YoY, แต่พลิกฟื้นจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/57) กำไรที่ปรับตัวลดลงเนื่อง 1.ปริมาณขายลดลง 2.ส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ลดลง 3.ค่าการกลั่นตลาดปรับตัวลง งบ 1Q15 คิดเป็น 25% ของประมาณการ เรามองว่ากำไรหลักไตรมาส 2/58 จะอ่อนตัว QoQ จากปริมาณขายโอเลฟินส์ที่ลดลง (จากการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน I4-1), ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลง (จากอุปสงค์ต่ำตามฤดูกาล) และค่าการกลั่นตลาดที่ต่ำลง (จากปัจจัยทางฤดูกาล)
SAT (BUY, TP19.6 บาท): กำไร 1Q15 ที่ 194 ล้านบาท (+15%YoY, -8%QoQ) กำไรหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากยอดขาย +15% บริษัทได้รับยอดสั่งซื้อใหม่จากโตโยต้า เรามองว่ากำไรหลักไตรมาส 2/58 จะดีขึ้น เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นและการปรับปรุงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น SAT ปรับปรุงสายการผลิตใหม่สำหรับผลิตชิ้นส่วนรถบรรทุกขนาดใหญ่และคำสั่งซื้อใหม่สำหรับโตโยต้า, คูโบต้า และมิตซูบิชิ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 ดังนั้น กำลังการผลิตปี 2558 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นไปทิศทางเดียวกับการขยายตัวของยอดขายที่เพิ่มขึ้น
News: ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 5.1% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ปรับเพิ่มขนาดของช่วงการลอยตัว (floating band) ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ขึ้นเป็น 1.5 เท่า จากเดิม 1.3 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่าจีนกำลังเดินหน้าการเปิดเสรีกลไกอัตราดอกเบี้ย MS มองว่า จีนส่งสัญญาณชัดเจนเรื่องการลด Funding cost และคาดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต ทำให้ภาพเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น
พรรคอนุรักษ์นิยมของนายเดวิด คาเมรอน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ MS คาดจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ ช่วยขจัดความไม่นอนทางการเมืองในอังกฤษและความมีเสถียรภาพในยุโรป โดยนายคาเมรอนแสดงจุดยืนที่ต้องการให้อังกฤษยังคงอยู่ใน EU ต่อไป
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด
ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย
ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีก 0.25% เหลือ 5.1% ซึ่งนับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่สามในรอบ 6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังตัวเลขภาคการส่งออก การบริโภคภายในประเทศ และอัตราเงินเฟ้อไตรมาสแรกแย่ โดยนักวิเคราะห์คาดจะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตัวเลขภาคการผลิต การลงทุน และการบริโภคในประเทศดีขึ้น (Reuters)
'อีโคคาร์'ปาดเหงื่อส่อไม่ถึงฝั่ง 5ปีทำไม่ได้ตามเงื่อนไข'บีโอไอ'
วงการรถยนต์มองนโยบายผลักดันรถอีโคคาร์ส่อแววไปไม่ถึงฝั่ง หลังค่ายรถทำได้ไม่ตามเป้า ไล่ตั้งแต่เฟส 1 ที่ปีนี้ เดินการผลิตครบ 5 ปี เงื่อนไขบีโอไอกำหนดให้แต่ละค่ายต้องผลิตได้ค่ายละ 1 แสนคัน ส่งออกและขายในประเทศสัดส่วนละ 50% ยังทำไม่ได้ หลังเจอพิษศก.ในประเทศทำตลาดอืด วงในลั่นเดินหน้าอีโคคาร์เฟส 2 ต้องเหนื่อยแน่ ด้านบีโอไอบอกผลิตได้น้อยก็ต้องหักสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับน้อยลง (หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ)
ส่งออกดี๊ด๊าบาทอ่อนออร์เดอร์ใหม่ทะลัก
ส่งออกยิ้มรับ อานิสงส์บาทอ่อนค่ามากสุดรอบ 5 ปี ช่วยเพิ่มขีดแข่งขัน ข้าว-ยางพารา-มันสำปะหลัง-ไก่-อัญมณีการ์เมนต์ มั่นใจซื้อง่ายขายคล่องขึ้น เห็นผลชัดไตรมาส 3 สมาคมส่งออกข้าวระบุส่งผลราคาข้าวไทยปรับลดลงได้ทันทีอีก 10 ดอลล์/ตัน แข่งข้าวเวียดนาม-อินเดียได้ดีขึ้น มันสำปะหลังบ่นเสียดาย ไม่มีของขาย ด้านรถยนต์ลุ้นปรับเป้าส่งออกใหม่หลังผ่านครึ่งปี เชียร์กนง.ลดดอกเบี้ยลงอีกรอบ (หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ)
ไทยพาณิชย์ศึกษานาโนไฟแนนซ์ ร่วม บสย.จับลูกค้าที่อยู่รอบ 1,200 สาขาทั่วประเทศ
นายณนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ ร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. เพื่อให้การบริการสินเชื่อของธนาคารครบวงจร และเป็นไปตามที่กฎหมายเปิดให้ดำเนินการได้ ทั้งนี้ หากจะเปิดให้บริการนาโนไฟแนนซ์ ก็จะขึ้นอยู่กับพันธมิตรอย่าง บสย. ว่าจะดำเนินการร่วมกันหรือไม่ (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
แบงก์คุมหนี้เก่าฟื้น-ตั้งสำรองเพิ่มหลังศก.ส่อชะลอ
นายแบงก์มองเศรษฐกิจซึม-ปลุกไม่ขึ้น หวังภาครัฐระดมกำลังดึงความเชื่อมั่น-ลงทุน ชี้โจทย์ปีนี้ต้องบริหารหนี้เร็ว-เข้มปล่อยสินเชื่อรัดกุม ด้าน "วรภัค" เชื่อทั้งโลกเผชิญปัญหาเดียวกัน พร้อมตั้งสำรองเพิ่ม-คุมหนี้เก่าไหลกลับขณะที่ "สุภัค" ยอมรับธุรกิจฝืด-เพิ่มความระมัดระวังแม้มีภูมิต้านทานแกร่ง "ปรีดี" เร่งออกมาตรการช่วยเหลือก่อนจะเสีย (หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ)
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
หุ้น: HMPRO คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 8.20
ผู้บริหารมองว่าการจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าโฮมโปรโดยเฉพาะในต่างจังหวัดยังคงอ่อนตัว และคาดจะไม่ฟื้นตัวในเร็วๆนี้
เราปรับลดเป้าอัตราการเติบโตยอดขายสาขาเดิมลงจาก 0.5% เป็นทรงตัว 0%
HMPRO ตัดสินใจที่จะลดแผนการขยายสาขาโฮมโปรลงเป็น 5 สาขาในปี 2558
เราปรับลดคาดการณ์กำไรช่วงปี 2558-2560 ลง 3% ส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลงเป็น 8.20 บาท
นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: PTTGC คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย (บาท): 66.00
PTTGC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 เท่ากับ 5,631 ล้านบาท ลดลง 11% YoY แต่พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/57
เราคาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 2/58 จะลดลง QoQ เนื่องจากปริมาณขาย olefins ลดลง, ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีและค่าการกลั่นอ่อนตัวลงเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น
กำไรหลักในช่วงสามเดือนแรกของปี 58 คิดเป็น 25% ของการประมาณกำไรในปี 2558 ของเราที่ 26,780 ล้านบาท เรายังคงประมาณการไว้ตามเดิม
นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: MAKRO คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 40.00
MAKRO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY และ 4% QoQ
ยอดขายเติบโต 12% YoY เป็น 38.8 พันล้านบาท ยอดขายสาขาเดิมเติบโต 2.8% YoY ในไตรมาส 1/58
เราคาดแนวโน้มการเติบโตจะยังแข็งแกร่งไปจนถึงไตรมาส 2/58
เรายังคงคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งหลังเข้าประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 14 พ.ค.
เราปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ
นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: SAT คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 19.60
SAT รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/58 ที่ 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY แต่ลดลง 8% QoQ ตรงตามคาดการณ์ของเราแต่สูงกว่าคาดการณ์ตลาด 7.7%
ยอดขายเพิ่ม 15% YoY และ 16% QoQ เป็น 2.4 พันล้านบาท
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/58 จะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ
เรายังคงประมาณการกำไรไม่เปลี่ยนแปลงที่ 870 ล้านบาทสำหรับปี 2558 และ 980 ล้านบาทสำหรับปี 2559
เรามองว่าผลประกอบการของ SAT จะดีขึ้น YoY ในแต่ละไตรมาสของปีนี้เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังค่อยๆฟื้นตัวโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี
นักวิเคราะห์: ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: ADVANC คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 270.00
ADVANC รายงานกำไรสุทธิ 9.89 พันล้านบาทในไตรมาส 1/58 เพิ่มขึ้น 4% YoY และ 9% QoQ
บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงจาก 5.2 พันคนเป็น 8 หมื่นคนในปีแรก
เราเชื่อว่าบริษัทจะผลักดันเครื่องโทรศัพท์มือถือรองรับระบบสามจีและสมาร์ทโฟนราคาต่ำเข้าสู่ตลาดระดับล่าง
นักวิเคราะห์: ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: SAMART คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 40.00
SIM: คาดกำไรหลักไตรมาส 1/58 ที่ 94 ล้านบาท ลดลง 52% YoY แต่เพิ่มขึ้น 28% QoQ
SAMTEL: คาดกำไรหลักไตรมาส 1/58 ที่ 127 ล้านบาทลดลง 37% YoY และ 23% QoQ
OTO: คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 ที่ 12 ล้านบาท ลดลง 51% YoY แต่พลิกจากขาดทุน 2 ล้านบาทในไตรมาส 4/57
นักวิเคราะห์: ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม