- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 April 2015 17:38
- Hits: 1161
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Slowdown
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX ปรับฐานหลุดแนว 1,520 จุด ลงไปต่ำสุดของวันที่ 1,513.42 จุด ด้วยแรงกดดันจากตลาดหุ้นกลุ่ม TIP นำโดย JCI ที่ลดลง 2.6% อีกทั้ง กนง.ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย RP1 วันลงอีก 25bps เป็น 1.50% สะท้อนความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ อย่างไรก็ตาม เกิด Technical Rebound แบบอ่อนๆ ในช่วงท้ายตลาด SET INDEX ฟื้นตัวปิดที่ 1,522.47 จุด ลบ 9.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,378 ล้านบาท
และต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในไทยทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน ขายสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 3 อีก 2,910 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 2,665 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 10,500 ล้านบาท เมื่อ กนง.ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง 17 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ผลการประชุมเฟดคืนวานนี้ ยังคงส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ต้องรอตลาดการจ้างงานและเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งมากกว่านี้
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนมี.ค. ธปท.จะรายงานในช่วงบ่ายวันนี้ จับตาตัวเลขนักท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาคการบริโภคภายในประเทศ
เวลา 11.00 น. วันนี้ ธปท.เตรียมแถลงนโยบายดูแลเงินทุนไหลออก เชื่อว่าจะไม่ใช่ Capital Control เหมือนเช่นในอดีต เพราะเป็นการแถลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย และธปท.เรียนรู้จากในอดีตมาแล้วถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
ติดตามการรายงานงบ PTTEP วันนี้ MBKET คาดกำไรสุทธิลดลง 124% qoq และ 52% yoy
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ประกาศงบ 1Q58 สัปดาห์หน้าที่สำคัญ ได้แก่ IRPC / THCOM / ADVANC / PTTGC / AAV
จับตากองทุน อาจเริ่มทยอยออกขาย IPO ทริกเกอร์ฟันด์รอบใหม่ หลังมีหลายกองทุนปิดกองทุนบริเวณ 1,570 จุด +/- หากมีการออก IPO ย่อมเป็นสัญญาณกลางถึงบวกต่อตลาดหุ้น
ติดตามการเจรจาระหว่างกรีซ และ อียู ในวันที่ 9 พ.ค. อาจได้ข้อสรุปก่อนการครบกำหนดชำระหนี้ให้แก่ IMF ในวันที่ 12 พ.ค.
การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษในวันที่ 8 พ.ค.
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 26 พร้อมความคาดหวังที่จะเห็นการเกิด Technical Rebound เล็กๆ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่ด่าน 1,530-1,535 จุด ยังไม่น่าจะผ่านได้ง่าย เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย อีกทั้งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเริ่มกังวลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ขณะที่เงินทุนต่างชาติยังคงเคลื่อนย้ายออกจากตลาด TIP ไปยังเอเชียเหนือต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมการลงทุนจึงยังเป็นไปอย่างเปราะบาง
ดังนั้นการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ของธปท. วันนี้ ถืออีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยว และภาคการบริโภคภายในประเทศจะขยายตัว mom ได้ต่อเนื่องหรือไม่ เพราะจะมีผลต่อ GDP ใน 1Q58 จะขยายตัว 3.0% yoy หรือไม่ ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. วานนี้ อาจทำให้การส่งออกไทยฟื้นตัวได้บ้างตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ เพื่อประคองภาพรวมให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3.0% ในความเห็นของเรา ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายของ สศค.ที่ปรับลดลงเป็น 3.7% จากเดิม 3.9% เพราะความล่าช้าของการใช้จ่ายภาครัฐ และความเปราะบางของภาคการส่งออก
ทั้งนี้ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับ ผลการดำเนินงานที่จะทยอยประกาศต่อเนื่องนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป วานนี้ SCC รายงานกำไรออกมาดีกว่าคาดถึง 10% หากหุ้นหลักอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / ICT ออกมาเท่ากับหรือดีกว่าคาด เชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ กองทุน กลับมาออกขาย IPO ทริกเกอร์ฟันด์กันอีกครั้งได้เช่นกัน และอาจทำให้ Sell in May and Go Away Effect อาจมีผลต่อตลาดหุ้นไทยจำกัด ด้วยปัจจัยดังกล่าว อีกทั้งต่างชาติขายสุทธิ YTD ไปแล้วทั้งสิ้น 6.5 พันล้านบาทแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนซื้อเก็งกำไรหุ้นเป้าหมายบางส่วนเพิ่มเติม" เพื่อรอขายทำกำไรเมื่อ SET INDEX ฟื้นตัวสู่ 1,550 จุด +/- ในด่านแรก
Portfolio
Top Pick in 2Q15: ITD / TASCO / TPIPL/ WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA/ THAI
Accumulative Buy: ADVANC/ ITD
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 7.60 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) ITD ประกาศวันที่ 11 พ.ค. เพื่อขึ้นเครื่องหมาย XW ใบแสดงสำคัญสิทธิ สัดส่วน 5 ต่อ 1 ราคาแปลงสภาพ 14.00 บาท อายุ 4 ปี
b) วันนี้ กฟผ.เตรียมประกาศผู้ชนะงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง ซึ่ง ITD มีแนวโน้มที่จะชนะงานนี้ในเฟสที่ 1 มูลค่างาน 2.5 หมื่นล้านบาท
c) ประเด็นบวกถัดไปคือ ความคืบหน้าในการเซ็นสัญญาโครงการทวาย รมช.กระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่าจะเซ็นได้ในช่วงปลายเดือน พ.ค. หรือต้นเดือนมิ.ย.
d) สำหรับโครงการเหมืองแร่โปรแตซ อยู่ระหว่างการรอผลประชาพิจารณ์ของตำบลสุดท้าย ก่อนที่จะสรุปเรื่องและเสนอกลับไปยัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในช่วงกลางปี
e) การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. วานนี้จะเป็นบวกต่อต้นทุนทางการเงินของ ITD ที่มีระดับ DE Ratio เท่ากับ 1.93x ณ สิ้นปี 2557 แม้ว่าจะลดลงเป็น 1.64x ณ สิ้นปี 2558 ก็ยังได้รับอานิสงค์เชิงบวกดังกล่าวเช่นกัน
f) รวมถึงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากมีงานประมูลขนาดใหญ่รออยู่ เช่นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ใน 2Q58 ต่อด้วยสายสีแดงอ่อน และสายสีแดงเข้มใน 2H58
g) ราคาเหมาะสมที่ 12.00 บาท โดยวิธี Sum of the part ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 8.50 บาท, นิคมอุตสาหกรรมทวาย 1.50 บาท และเหมืองโปรแตซ 2.00 บาท
2. ADVANC: ราคาปิด 239 บาท ราคาเหมาะสม 320 บาท
a) เราประเมิน ADVANC จะรายงานกำไรสุทธิใน 1Q58 เติบโต 7% qoq และ 3% yoy เป็น 9,735 ล้านบาท จากรายได้ที่เติบโต บวกกับการควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เข้มงวดต่อเนื่อง ทำให้ภาพโดยรวมของ ADVANC ฟื้นตัว สวนทางกับ DTAC ที่ประกาศงบมาก่อนหน้านี้
b) เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ ADVANC จะเติบโต qoq และ yoy ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี จากฐานผลการดำเนินงานที่ต่ำในปีที่แล้ว บวกกับ ค่าใช้จ่ายด้าน Regulatory ที่จะทยอยลดลงในไตรมาสที่เหลือ จากการย้ายลูกค้าไปยังคลื่นใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 4Q58 ที่จะหมดอายุสัมปทาน จะทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลดลงต่ำกว่า 10% ของรายได้จากการให้บริการ
c) ADVANC ถือเป็นหุ้นหลักที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง สำหรับงวดปี 2558 เราคาดเงินปันผล 14.11 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 5.90% ขณะที่ กนง.ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงวานนี้ ย่อมเป็นบวกต่อหุ้นปันผลเด่น อย่าง ADVANC ในแง่ความน่าสนใจของปันผล
d) และเรายังเชื่อว่า ADVANC มีความพร้อมมากที่สุดในการเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ที่จะเปิดการประมูลในช่วงปลายปีนี้ ทั้งคลื่น 1800MHz และ 900MHz
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัวโดยตลาดหุ้นเอเชียขายสุทธิ US$63 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$69 พันล้าน
แต่ซื้อสุทธิหนาแน่นในตลาดหุ้นไต้หวันต่อเนื่อง
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 2,910 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 7,199 ล้านบาท และทำให้ MTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเหลือ 1,991 ล้านบาท และ YTD ขายสุทธิขยับเป็น 6,466 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures วานนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 2,665 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 11,721 สัญญา และหากย้อนไปช่วงก่อนหน้าที่ต่างชาติ Long สุทธิตลอด 11 วันทำการก่อนหน้าที่จะกลับมา Long / Short จนถึงวานนี้ เหลือ Long สุทธิ 41,347 สัญญา และ YTD เป็น Long สุทธิเหลือ 18,712 สัญญา เราคาดว่านักลงทุนต่างชาติเร่งการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50M15 กลับมาปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1.92 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.57 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ มากถึง 10,500 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 6,892 ล้านบาท แม้ว่า กนง.จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ราคาพันธบัตรไทยได้ขยับขึ้นเด่นในสัปดาห์ก่อนหน้า เพื่อสะท้อนโอกาสดังกล่าว ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยวานนี้ ทรงตัว ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 0.74bps ปิดที่ 2.555%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นเป็น 1,180 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 683 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 16 กลับมาสะสมเด่นในกลุ่มพลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 609 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 432 ล้านบาท รวม 16 วันทำการซื้อสุทธิเท่ากับ 25,879 ล้านบาท โดย NVDR เน้นสะสมกลุ่มพลังงานอย่างโดดเด่น ขณะที่แรงขายกลุ่มธนาคารใน NVDR ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงานกลับมาถูกซื้อสุทธิสูงสุด 528 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 425 ล้านบาท ตามาด้วยกลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 142 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 98 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 64 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่ง ถูกขายสุทธิสูงสุด 141 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 81 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มท่องเที่ยว ขายสุทธิ 54 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด
GDP ใน 1Q58 ขยายตัวเพียง 0.2% qoq ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดขยายตัว 1.0% qoq ชะลอตัวจาก 4Q57 ที่เติบโต 2.2% qoq ทั้งนี้การบริโภคภายในประเทศเติบโต 1.9% qoq ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เล็กน้อย
ยอดขายบ้านรอปิดการขาย เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.1% mom สูงกว่า Bloomberg consensus คาดการณ์เล็กน้อยที่ 1.0% mom แต่ชะลอตัวจากเดือนก่นหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.6% mom โดยยอดขายบ้านในภาคใต้เพิ่มขึ้นเด่นที่สุด 4.0% yoy ส่วนตะวันตก เพิ่มขึ้น 1.7% yoy เทียบกับยอดขายรวมที่ขยายตัว 11.1% yoy
การประชุมเฟดประเมินเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงฤดูหนาวเป็นผลของฤดูกาล
เศรษฐกิจที่เติบโตลดลงในช่วงฤดูหนาว เป็นผลจากการเปลี่ยนถ่ายส่วนหนึ่ง
ตลาดแรงงานยังคงเติบโตในระดับปานกลาง แต่การว่าจ้างงานในตลาดแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เฟดยังคงคาดการณ์ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2549 เมื่อเศรษฐกิจใกล้จ้างงานเต็มที่ และอัตราเงินเฟ้อจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 2.0%
ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อในช่วงสั้นนี้จะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป แต่คณะกรรมการฯ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงเป้าหมายที่ 2.0% ในระยะกลาง
มุมมองของตลาด Bloomberg survey ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 73% เชื่อว่าเฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. เลื่อนออกไปจากการสำรวจเดือนมี.ค.ที่คาดว่าจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือมมิ.ย.หรือก.ค.
ยุโรป
สถานะการของกรีซ ณ ปัจจุบัน
ธนาคารพาณิชย์กรีซ ได้รับเงินช่วยเหลือผ่านโครงการ ELA ของ ECB เพิ่มอีก 1.4 พันล้านยูโร เป็นยอดรวมล่าสุดที่ 7.69 หมื่นล้านยูโร หลังสัปดาห์ก่อน ECB ได้ขยายวงเงินส่วนนี้ให้ไปแล้ว 1.5 พันล้านยูโร
ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน: ราคาบ้านในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.0% mom จากเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% mom เป็น GBP193,048/หลัง เป็นการเพิ่มขึ้นของราคาบ้านสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2557 แนวโน้มราคาบ้านจะยังเป็นบวกจากปริมาณบ้านที่เหลือในตลาดลดลง
ยอดสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในอียูเพิ่มขึ้นครั้งแรกในเกือบ 3 ปี: ยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้น 0.1% yoy เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2555 และเป็นการเติบโต 0.2% mom ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจอียู หลัง ECB ตัดสินใจเริ่มโครงการ QE ในวันที่ 9 มี.ค. 2558
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นหดตัวน้อยกว่าคาด: หดตัว 1.2% yoy ในเดือน มี.ค. จากเดือนก่อนที่หดตัว 3.1% yoy และดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดว่าจะหดตัวแรง 3.4% yoy นอกจากนี้เป็นการหดตัว 0.3% mom หดตัวน้อยกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด 2.3% mom
ไทย
กนง.มีมติ 5 ต่อ 2 ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 29 เม.ย.58 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ 1.50% หลังประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวต่ำกว่าคาด แม้ว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐจะทำได้เพิ่มขึ้นและท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีขึ้น แต่ไม่เพียงพอที่จะชดเชยการส่งออกและการบริโภคที่อ่อนแรงในไตรมาส 1/58 อีกทั้งในระยะข้างหน้ามองว่าการส่งออกยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และโครงสร้างการค้าโลก
สศค.ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลงเหลือ 3.7%: สศค.ปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยปี 58 ลงเหลือ 3.7% จากเดิม 3.9% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน และแนวโน้มของการปรับลดลงของราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตร สำหรับจีดีพี 1Q58 คาดขยายตัวได้ 3.2% ทั้งนี้ปรับลดประมาณการส่งออกลงเหลือ 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.4% ด้านการนำเข้าคาดว่าจะติดลบ 0.2% จากเดิมที่ 4% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ปรับลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยมาอยู่ที่ 0.2% ตามแนวโน้มการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530