- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 29 April 2015 18:41
- Hits: 1182
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"อ่อนตัวเป็นจังหวะทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดี"
Top Picks-Fund Apr 2015 : Fundamental : BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF Dark Horse: GL, SYNTEC
Top Picks -Fund Today: -
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, MK, SPALI, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : TICON 56%, QH 32%, ROBINS 22%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นลบ แต่การลงเร็วจึงอาจมีรีบาวด์ทางเทคนิคได้
Support Resistance Stop loss
SET 1520,1500 1540-1550,1560 ค่าลบ
SET50 1000-990 1020-1030,1040 ค่าลบ
Top Picks-Tech Today : KTB, TGCI, SCC, SAMTEL, MAJOR, THRE, MCS, KKC
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยร่วงแรง โดยปิดลดลง 17.30 จุดที่ 1531.53 แรงขายหลักยังอยู่ในกลุ่มธ.พ. (ซึ่งกังวลกับปัญหา NPL & การตั้งสำรองเพิ่ม) และกลุ่มที่อิงอุปสงค์ในประเทศ (ที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อตกต่ำ และการลงทุนชะลอตัว) แต่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว ค่อนข้างทรงตัวถึงอ่อนลงไม่มาก เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/58 จะฟื้นตัวดีขึ้น นักลงทุนต่างชาติ พอร์ตบล. และสถาบันในประเทศขายสุทธิเป็นหลัก 1-2 พันกว่าล้านบาทต่อกลุ่ม ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ 6.7 พันล้านบาท
การประชุมกนง.วันนี้คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ก่อน
ส่วนผลประชุมเฟดคืนนี้ ตลาดประเมินว่าสัญญาณจะออกมาลักษณะว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว โดยกระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่ขณะนี้มองว่าจะเริ่มขึ้นเดือนก.ย.58 เป็นต้นไป เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงในเดือนมี.ค.-เม.ย.รวมถึงเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง ด้านผลประกอบการบจ.ที่จะทยอยออกมา ประเมินว่ากลุ่มที่โดดเด่นในไตรมาส 1/58 จะเป็นพลังงาน & ปิโตรเคมี ซึ่งจะมีค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นและขาดทุนในสต็อกจำกัด และท่องเที่ยว & โรงแรม & สายการบิน ซึ่งได้กรับผลดีจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และราคาน้ำมันลดลง รวมถึงคาดว่า THAI จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมากจากค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร (บริษัทมีหนี้สินที่อยู่ในรูปยูโรสูง) อย่างไรก็ดี เราแนะนำเพียงซื้อเก็งกำไรใน THAI เพราะยังกังวลกับผลกระทบจาก ICAO และการปรับโครงสร้างองค์กร
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่ก็มีสิทธิรีบาวด์จากภาวะขายมากเกินไปในกราฟรายนาที กรอบแนวต้านอยู่ที่ 1540-1550, 1560 จุด แนวรับ 1520, 1500 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบเอา Gap สั้นๆ สำหรับการ Scan หาหุ้นสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TRC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ CBG, BH, TGCI และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ SAMTEL สำหรับหุ้นที่หลุด List ได้แก่ CENTEL, SIRI, GLOBAL, BLA, IRPC, ESSO
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ราคาบ้านปรับขึ้น ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่าดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 5%YoY ในเดือนก.พ. ดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้น 4.5%YoY ในเดือนม.ค.
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเม.ย.อ่อนลดลง ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงสู่ระดับ 95.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.57 หลังพุ่งแตะระดับ 101.4 ในเดือนมี.ค.
+/ หุ้นสหรัฐส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 72.17 จุด หรือ +0.40% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 5.84 จุด หรือ +0.28% แต่ดัชนี NASDAQ ลดลง 4.83 จุด หรือ -0.10% โดยเป็นการขานรับข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้น และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน แต่หุ้น
สหรัฐ : ปัจจัยจับตา คือ 1) ผลประชุมเฟดที่จะสิ้นสุดวันนี้ (คืนนี้ตามเวลาไทย) ซึ่งขณะนี้ตลาดประเมินว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยน้ำหนักคาดการณ์ส่วนใหญ่ระบุว่าดอกเบี้ยจะเริ่มปรับขึ้นในเดือนก.ย.58, 2) ประมาณการ GDP ไตรมาส 1/58 ครั้งแรก และ 3) ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนมี.ค.
สัญญาน้ำมันดิบแกว่งในกรอบแคบ โดย WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ ปิดที่ 57.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ลดลง 19 เซนต์ ปิดที่ 64.64 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรอบสัปดาห์สิ้นสุด 17 เม.ย. พุ่งขึ้น 5.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 489 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบอย่างน้อย 80 ปี จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบมิ.ย.พุ่งขึ้น 10.7 ดอลลาร์ หรือ +0.89% ปิดที่ระดับ 1,213.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนลงในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.58
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
ครม.อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณปี 59 ที่ 2.72 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบประมาณขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท ทั้งนี้เป็นรายจ่ายประจำ 77.2% ของบประมาณใช้จ่ายทั้งหมด หรือราว 2.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6%YoY
จับตาการประชุมผู้ถือหุ้น NMG วันนี้ ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมคือกลุ่มนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น กับกลุ่มใหม่ คือ NEWS (เดิมคือ SLC) จะออกมาในรูปแบบปรองดองหรือแตกหัก ทั้งนี้ปัจจุบัน NEWS กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ NMG ที่ 12.21% และนายสุทธิชัยถืออันดับ 2 ที่ 10.01%
+ กลุ่มที่พักอาศัย : ธุรกิจยังไปได้ดี ยอดขาย Presales ไตรมาส 1/58 เติบโต 55%YoY และ 15%QoQ เนื่องจากฐานที่ต่ำในปีก่อน ด้านจำนวนยูนิตที่เปิดขายใหม่ลดลง 17%YoY แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 26%YoY บ่งชี้ว่ายูนิตที่เปิดขายใหม่มีราคาเฉลี่ยสูงขึ้น (จากการวิเคราะห์ของ DBS พบว่า +51%YoY และ +36%QoQ เป็น 4.26 ล้านบาท/ยูนิต) บริษัทที่มียอดขาย Presales ไตรมาส 1/58 เติบโตแกร่งทั้ง YoY และ QoQ คือ ANAN, SC, PS, PRIN
สำหรับ แนวโน้มไตรมาส 2/58 คาดว่าจำนวนยูนิตที่เปิดขายจะเพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาจากแผนงานของผู้ประกอบการที่เราวิเคราะห์ 12 แห่ง โดย AP จะเปิดขายโครงการใหม่มากสุด (6 คอนโด และ 3 แนวราบ) ด้าน SIRI และ LH จะไปเปิดขายโครงการมากใน 2H58
ในด้านกำไรของกลุ่มที่พักอาศัยคาดว่าจะเติบโต 8% ในปี 58 และ 10% ในปี 59 โดยบริษัทที่มีการเติบโต Outperform ในปี 58 คือ LPN, AP, QH, PF และปี 59 เป็น LH, PS, QH, PRIN
ส่วน Valuation ยังจูงใจ โดยบริษัทที่มี P/E ต่ำกว่า 10 เท่า ได้แก่ RML (6 เท่า), SPALI (7 เท่า), AP & LALIN (8 เท่า), LPN & PS & QH & SIRI & SC (9 เท่า) หุ้น Top Picks เป็น AP (ราคาพื้นฐาน 8.8 บาท) และ LPN (ราคาพื้นฐาน 23.40 บาท)
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ธปท.มั่นใจว่าปัญหา NPL ของสถาบันการเงินไทยอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ เนื่องจากเป็นการปรับขึ้นไม่รุนแรง ธนาคารกันสำรองค่าเผื่อฯเอาไว้สูง ขณะเดียวกันธนาคารก็เข้าไปช่วยเหลือดูแลสภาพคล่อง & ปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้า ส่วนธปท.ก็เข้าไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกกดันจากความวิตกกังวลเรื่อง NPL และการกันสำรองค่าเผื่อฯที่คาดว่าจะสูงในไตรมาส 2/58 มา 7-8 วันทำการต่อเนื่อง ในเชิงกลยุทธ์ เรามองว่าหุ้นกลุ่มแบงค์ของไทยยังน่าสนใจ จากการที่ธุรกิจมั่นคง มี Coverage Ratio สูง และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงแข็งแกร่ง รวมถึงพร้อมที่จะเติบโตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว จึงแนะนำทยอยซื้อลงทุนจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ KBANK, BBL, TMB
Price (Bt) BVS-15F(Bt) P/V ROE
BBL 183 182.44 1.00 11.1
KBANK 210 124.33 1.69 18.1
KTB 19.9 18.02 1.10 13.2
SCB 162.5 94.21 1.72 18.1
TCAP 34.25 42.78 0.80 9.9
TISCO 44.5 35.66 1.25 16.3
TMB 2.58 1.79 1.44 14.7
ที่มา : DBS Vickers
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]