- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 June 2014 15:30
- Hits: 2663
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET ยังลุ้นพักตัวลงต่อเนื่องได้ ดังนั้นยังแนะทยอยซื้อช่วงลบอยู่...
กลยุทธ์ : เรายังคาดว่า SET มีสิทธิแกว่งพักตัวลงอีกสักพัก ก่อนที่จะกลับไปเป็นขาขึ้นรอบใหม่ต่อไป ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นจังหวะในการเลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อช่วงลบได้ โดยใช้วิธีทยอยตั้งรับ แต่หลังจากซื้อแล้วให้เน้นเป็นถือลงทุน หรือเทรดดิ้งกรอบกว้าง ขณะที่เทรดดิ้งช่วงสั้นแนะนำให้รอดูจังหวะเข้ารับแถว 1440 จุดหรือใกล้เคียงจะปลอดภัยกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SIRI, AKR, BLA(short)
แนวโน้ม : เมื่อวันศุกร์ SET ยังมีแรงขายกดดันให้ซึมลงมาปิดเป็นลบเล็กน้อย หลังจากช่วงต้นชั่วโมงพยายามดีดบวกขึ้นไปได้บ้าง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังไม่สดใสนัก ถึงแม้ว่าเมื่อค่ำวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐจะสามารถรีบาวด์กลับเป็นบวกได้ แต่ก็เป็นการปิดลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ในอิรักที่ทวีความรุนแรงขึ้นสร้างความวิตกเพิ่มขึ้นจากที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าหุ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว โดยตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังเคลื่อนไหวเป็นลบอยู่ ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสแกว่งพักตัวลงต่ออีกสักพักตามคาดเดิม
อย่างไรก็ตาม การประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วทั้งประเทศในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะช่วยหนุนความมั่นใจเกี่ยวกับการเมืองไทยได้อีก ซึ่งอาจช่วยให้โอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจบ้านเราเป็นไปตามคาดหรือลุ้นดีกว่าได้ ดังนั้นช่วงตลาดอ่อนตัวลงเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อได้เช่นเดิม เพราะสุดท้ายแล้วเรายังคาดว่า SET จะยังสามารถแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องได้อีก
แนวรับ 1454-1450 , 1447-1442 จุด แนวต้าน 1460-1463 , 1466-1470 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมายังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค US$767 ล้าน ลดลงเล็กน้อยจาก US$817 ล้านในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนศุกร์ที่ผ่านมากลับมาไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคหลังไหลเข้า 9 วันติดต่อกัน นักลงทุนต่างชาติขายในตลาดเกาหลีใต้ US$272 ล้าน ไทย US$31 ล้าน และเวียดนาม US$0.2 ล้าน ขณะที่ซื้อตลาดอินโดนีเซีย US$59 ล้าน ไต้หวัน US$44 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$12 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะไหลเข้า
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) คาดกนง.คงดอกเบี้ยและ Fed ลด QE ต่อ เราคาดกนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2% ในการประชุมพุธนี้และคงอัตรานี้ไปถึงสิ้นปี เพราะมุมมองเศรษฐกิจดีขึ้นหลังการเมืองนิ่ง ความเชื่อมั่นภาคเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อมีโอกาสสูงขึ้นในอนาคตแม้ราคาพลังงานบางส่วนจะถูกตรึงไว้ก็ตาม ส่วนการประชุม FOMC 17-18 มิ.ย. คาดลดขนาดการซื้อสินทรัพย์อีก US$1 หมื่นล้าน/เดือน เหลือ US$3.5 หมื่นล้าน/เดือน และสิ้นสุด QE ก.ย.-ต.ค. นี้ การขึ้นดอกเบี้ยยังทำได้ไม่เร็วจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นเต็มที่
(-) จำนวนนักท่องเที่ยว พ.ค. หดตัวแรง 11% Y-Y จากการชุมนุมและรัฐประหารที่เกิดขึ้นช่วงปลายเดือน และลดลง 14% M-M ตามฤดูกาล รวม 5 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 10.4 ล้านคน ลดลง 6% Y-Y แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน มิ.ย. จะหดตัวแรงขึ้น Y-Y จากการใช้กฎอัยการศึกและเคอร์ฟิว ทำให้ผลประกอบการ 2Q14 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี หลังจากนั้นจะค่อยๆดีขึ้นหลังยกเลิกเคอร์ฟิวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เรายังคาดจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ 26 ล้านคน ลด 2.8% Y-Y ราคาหุ้น CENTEL (ราคาเป้าหมาย 35 บาท) และ ERW (เป้าหมาย 4.30 บาท) สะท้อนปัจจัยบวกและเต็มมูลค่าปีนี้แล้ว เหลือ MINT (เป้าหมาย 31 บาท) และ AOT (เป้าหมาย 230 บาท) ที่ยังซื้อได้
(0) VIBHA ซื้อหุ้น SKR เพิ่ม 4 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 59 บาท คิดเป็น PE 39.3 เท่า แพงกว่ากลุ่มที่มีค่าเฉลี่ย 24-25 เท่า สัดส่วนการถือหุ้น SKR เพิ่มขึ้นเป็น 9.8% ทำให้ได้เงินปันผลเพิ่มขึ้น 4-5 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 0.7% ของกำไรของ VIBHA นอกจากนี้ ยังซื้อที่ดินข้างโรงพยาบาลเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 84.7 ตร.วา มูลค่า 271 ล้านบาทเพื่อขยายกิจการในอนาคต แต่เราเชื่อว่าจะยังไม่เร่งพัฒนาเพราะเพิ่งสร้างตึกใหม่เสร็จเมื่อ มี.ค. 2013 ซึ่งช่วยเพิ่ม Capacity ประมาณ 30% ราคาหุ้นปรับขึ้นมาถึง 66% YTD สะท้อนการเติบโตที่โดดเด่นของปีนี้และเต็มมูลค่าที่ 14.50 บาทแล้ว ปรับคำแนะนำจากถือ เป็นขาย
(0) KK สินเชื่อเดือน พ.ค. ลดลง 0.8% M-M ยังถูกกระทบจากการชะลอตัวในสินเชื่อเช่าซื้อ แต่รวมงวด 5 เดือนแรกเพิ่ม 1.93% YTD จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธุรกิจที่เกิดขึ้นในเดือนมี.ค. แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q14 มีโอกาสฟื้นตัว 27% Q-Q เป็น 890 ล้านบาท เรายังคงราคาเป้าหมาย 48 บาท (PBV 1.1 เท่า) คงคำแนะนำถือ
(0) DTAC เราคาดกำไรปกติ 2Q14 -1% Q-Q, +26% Y-Y ส่วนกำไรสุทธิ คาด -2.4% Q-Q, +10% Y-Y กำไรที่ลดลง Q-Q มาจากค่าใช้จ่ายการขายและการตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรที่เพิ่ม Y-Y มาจากค่าสัมปทานที่ลดลง เราคงประมาณการกำไรปกติปีนี้เพิ่ใ 16% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 115 บาท คาดจ่ายปันผล 1.29 บาทใน 2Q14 ยังคงแนะนำถือ
(0) LPN เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2014 เป็น 16 บาท จาก 17 บาท (PE 10 เท่า) เป็นผลจากการปรับลดกำไรปกติปีนี้ลงเพราะโครงการรังสิตคลอลง 1 ไมผ่าน EIA รอบ 2 แต่ถ้าพิจารณาแนวโน้มการเติบโตกำไรปี 2015 ที่สูงถึง 31% Y-Y และราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 24.50 บาท (เพิ่ม PE เป็น 12 เท่า) ที่ราคานี้จึงยัง “ถือ” ลงทุนได้สำหรับนักลงทุนระยะกลาง แต่ระยะสั้น ราคาหุ้นตอบรับข่าวดีของการขายโครงการใหม่ไปแล้ว
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 41.55 จุด หลังจากที่ลดลงมา 2 วันติดต่อกันจากประเด็นความรุนแรงในอิรักซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทานของน้ำมัน
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากประเด็นความรุนแรงในอิรักซึ่งส่งผลต่อราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นและกดดันหุ้นในกลุ่มสายการบิน รวมถึงมีกระแสที่ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวลดลงจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงเป็นลบจากสถานการณ์ตึงเครียดในอิรัก
ค่าเงินบาทยังขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.34-32.42 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. พุ่งขึ้น 0.38 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 106.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดทำระดับสูงสุดตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. 13 จากสถานการณ์ความรุนแรงในอิรักซึ่งส่งผลต่ออุปทานของน้ำมัน
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,274.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับตัวขึ้นต่อหลังจากที่พุ่งแรงในวันก่อนหน้าโดยตลาดยังจับตาดูสถานการณ์ความรุนแรงในอิรัก