- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 April 2015 18:15
- Hits: 1541
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"จับตาผลประชุมเฟด & กนง.สัปดาห์หน้า"
Top Picks-Fund Apr 2015 : Fundamental : BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF Dark Horse: GL, SYNTEC
Top Picks -Fund Today: AP
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, MK, SPALI, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : QH 22%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นลบ แต่มีลุ้นรีบาวด์ก่อนลงต่ำ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อตามค่าบวก 1550-1560 ค่าลบ
SET50 ซื้อตามค่าบวก 1030-1040 ค่าลบ
Top Picks-Tech Today : SAWAD, TTCL, SMT, TCC, BRR, CPALL, PTTGC, OFM
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PS (จากซื้อเป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยติดลบ 7.17 จุด ปิดที่ 1544.84 โดยสถาบันในประเทศขายสุทธิต่อและต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ
วันนี้ตลาดมีปัจจัยที่ Wait & See คือ ผลประชุมเฟดและกนง.ของไทยสัปดาห์หน้า รวมถึงความคืบหน้าในการเจรจาแผนปฎิรูปของกรีซเพื่อขอรับความช่วยเหลือจาก EU และ IMF รอบใหม่ (ความช่วยเหลือเดิมจะสิ้นสุดมิ.ย.58) ส่วนปัจจัยที่เข้ามากดดันเพิ่ม คือ ความเสี่ยงว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะเลื่อนออกไปอีก 2-3 ปีมีมากขึ้น หลังจากพรรคการเมืองประสานเสียงให้คสช.อยู่ยาวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ปัจจัยที่ติดตามเป็น รายงานผลประกอบการ 1Q58 ของบจ.ที่จะทยอยออกมามากขึ้นถึงกลางเดือนพ.ค. โดยภาพรวมเห็นว่าตลาดยังแกว่งและถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่จะมีการเก็งกำไรผลประกอบการเข้ามาช่วยพยุง ในระดับ Week ให้กรอบดัชนีให้ไว้ที่ 1520-1570 จุด
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่มีลุ้นรีบาวด์ก่อนลงต่ำ การซื้อใหม่ควรเน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1550-1560,1570 จุด ค่าลบควรชะลอ ลดพอร์ตตาม หรือ Stop Loss
สำหรับการ Scan หาหุ้นสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ BLA, TIPCO, EPCO ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ CBG, CENTEL, SIRI, CWT, S11, SCN, GLOBAL และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ TCC, BRR
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ยูโรโซน : PMI ภาคผลิต & บริการเม.ย.อ่อนลงต่อ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนเม.ย.ปรับตัวลงแตะ 53.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 54.0 ในเดือนมี.ค. สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนเม.ย.ลดลงเป็น 51.9 ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จาก 52.2 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 53.7 ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อเทียบกับระดับ 54.2 ในเดือนมี.ค.
- สหรัฐ : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นลดลงเป็น 54.2 ในเดือนเม.ย. จาก 55.7 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ที่ระดับ 55.5
-/ สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่งในเดือนมี.ค. จับตายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
จับตาการประชุมเฟด (28-29 เม.ย.) ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้น MoM เป็นเวลา 2 เดือนต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนมี.ค.-เม.ย.ก็ชะลอตัวลง ซึ่งในส่วนของ DBS Group Research ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง 4Q58
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี DJIA +20.42 จุด ดัชนี NASDAQ +20.89 จุด ดัชนี S&P500 +4.97 จุด ทั้งนี้ตลาด Wait & See รอดูผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้า
+ สัญญาน้ำมันดิบปรับขึ้น...วิตกปัญหาการเมืองในเยเมน โดย WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.74 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบมิ.ย.พุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุน คือ รายงานที่ว่าเครื่องบินรบของซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรยังคงเดินหน้าทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน และเกิดการสู้รบภาคพื้นดินระหว่างกลุ่มกบฏและกองกำลังที่จงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีของเยเมนที่ขณะนี้ได้ลี้ภัยไปยังซาอุดิอาระเบีย
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบมิ.ย.เพิ่มขึ้น 7.4 ดอลลาร์ หรือ +0.62% ปิดที่ระดับ 1,194.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยปัญหาการเมืองในตะวันออกกลางและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงหนุนให้มีแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นในทองคำ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
จับตาการประชุมกนง.สัปดาห์หน้า (29 เม.ย.) โดยหลายฝ่ายมองว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยน่าจะลดลงได้อีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และกดค่าเงินบาทให้อ่อนลงเพื่อผลดีด้านการส่งออก ทางด้านธปท.ได้นำเสนอข้อมูลว่าค่าเงินมีผลต่อการส่งออกในปีนี้น้อยมาก เพราะแม้แต่ประเทศที่มีค่าเงินอ่อนกว่าไทยในภูมิภาคเอเชีย มูลค่าส่งออกก็หดตัวลงเช่นกัน เพราะกำลังซื้อของประเทศคู่ค้ามีน้ำหนักมากกว่า ส่วนการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศก็ให้อานิสงค์ทางบวกไม่มาก เนื่องจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค & ภาคธุรกิจที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยอาจจะช่วยให้เรื่อง Sentiment โดยเงินเฟ้อที่ต่ำเป็นปัจจัยที่เปิดช่องให้อัตราดอกเบี้ยลดลงได้
- กลุ่มส่งออกอาหารทะเล: กลุ่มเอ็นจีโอสหรัฐกดดันให้รัฐบาลสหรัฐดำเนินการคว่ำบาตรสินค้าประมงจากไทย โดยอ้างถึงการพบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมประมงของไทยทั้งในเรือประมง, ในกระบวนการแปรรูปสินค้า และโรงงานบรรจุหีบห่อ ฯลฯ ซึ่งขณะนี้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐจัดอันดันการค้ามนุษย์ของไทยไว้ใน Tier-3 แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการยกเลิกนำเข้าสินค้าประมงจากไทย
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ข่าวนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ แต่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นกดดัน Sentiment การลงทุนในกลุ่มอาหารทะเลส่งออกของไทย (CPF, CFRESH, TUF) อีกระลอก โดยก่อนหน้าก็มีเรื่องการถูกใบเหลืองจากยุโรปเกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมายและให้เวลาแก้ไข 6 เดือนเพื่อดูว่าจะกลับไปเป็นใบเขียว (สอบผ่านและให้นำเข้าจากไทยได้ปกติ) หรือใบแดง (ถูกยกเลิกการนำเข้า) เราเห็นว่าประเด็นที่สหรัฐและยุโรปยกขึ้นมาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อรองในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับไทย ดังนั้นไทยจึงต้องเร่งแก้ไขเพื่อปิดช่องโหว่ ไม่ให้สูญเสียอำนาจต่อรอง
/- การเมือง : ความเสี่ยงว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะเลื่อนออกไปอีก 2-3 ปีมีมากขึ้น หลังจากพรรคการเมืองประสานเสียงให้คสช.อยู่ยาวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีหลายประเด็นร้อนที่เกี่ยวกับสถาบันการเมือง เช่น มาตรา 111 ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งที่มีหนึ่งข้อกำหนดว่า ต้องไม่เคยถูกถอดถอนหรือถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือการดำรงตำแหน่งอื่นๆ มาก่อน, การเปิดทางให้พรรคการเมืองขนาดเล็กมีอำนาจต่อรองมากขึ้น, การมีส.ส.บัญชีรายชื่อและลดส.ส.เขต, ที่มาของส.ว.ส่วนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง, เปิดช่องให้นายกรัฐมนตรีมาจากบุคคลที่ไม่เป็นส.ส. เป็นต้น
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : การเลื่อนเลือกตั้งเป็นปัจจัยกดดันตลาด เพราะการเมืองที่ยังไม่ชัดเจนทำให้การค้าการลงทุนของภาคธุรกิจ การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ฯลฯ ต้องเลื่อนออกไป รวมถึงทำให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศบางแห่งยังไม่สามารถเข้ามาลงทุนในไทยได้ เพราะติดที่ข้อจำกัดเรื่องการไม่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจส่วนใหญ่ก็ให้ความเห็นในเชิงยอมรับการเลื่อนเลือกตั้งได้ ถ้าหากจะทำให้ประเด็นความแตกแยกทางการเมืองยุติลงได้อย่างแท้จริง
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]