- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 April 2015 15:34
- Hits: 1050
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มปรับลงให้เป็นโอกาสซื้อ แต่เน้นทยอยตั้งรับดีกว่า...
กลยุทธ์ : SET ยังอยู่ในช่วงปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังจากยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังดูอ่อนแอ และผลประกอบการของ บจ.ต่างๆ ยังดูน่าเป็นห่วง ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้เลือกหุ้นซื้อเฉพาะช่วงตลาดเป็นลบเท่านั้นเช่นเดิม และยังเน้นเป็นการทยอยตั้งรับดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SAWAD, PCA, KCE(buy back)
แนวโน้ม : SET ยังปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุน ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของกลุ่มประเทศชั้นนำต่างๆ รวมทั้งความอ่อนแอของภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงกดดัน รวมทั้งการคาดการณ์เกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 1/58 ของ บจ.ต่างๆ ในบ้านเราที่ยังมีแนวโน้มที่จะดูไม่ดีนัก ทำให้แรงซื้อกลับเข้ามาหนุน SET ยังมีไม่มาก ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา SET รีบาวด์กลับขึ้นมาค่อนข้างแรงพอควรแล้วด้วย จึงทำให้ยังมีแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงออกมากดดันอยู่เป็นระยะ ส่วนเช้านี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะสามารถพลิกกลับมาปิดเป็นบวกได้ เนื่องจากมีแรงซื้อเก็งกำไรในช่วงท้ายเข้ามาหนุน หลังดัชนีดาวโจนส์ถูกกดดันให้ปรับลงในช่วงแรกจากข้อมูลจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด และความผันผวนของผลประกอบการบริษัทเอกชนที่กำลังทยอยประกาศ แต่กรอบบวกก็ยังค่อนข้างแคบ ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียแม้ว่าจะเปิดเป็นบวกแต่ก็มีกรอบบวกจำกัด ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีสิทธิที่จะรีบาวด์ได้ในกรอบจำกัดเช่นกัน และยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนหรือปรับตัวลงต่อได้อยู่
แนวรับ 1543-1540 , 1538-1535 จุด
แนวต้าน 1548-1552 , 1555-1560 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$737.3 ล้าน เกาหลีใต้ US$365.4 ล้าน เวียดนาม US$7.4 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$2.1 ล้าน ขณะที่ขายอินโดนีเซีย US$58.5 ล้าน และไทย US$56.7 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อและเบาบางเพื่อรอผลประชุม FOMC สัปดาห์หน้า
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) แรงขายของสถาบันอาจกดดันตลาดอีกระยะ หลัง Trigger Fund เริ่ม trigger ตั้งแต่ดัชนีระดับ 1,530 จุดขึ้นมา ประกอบกับกำไรของกลุ่มแบงก์ที่น่าผิดหวัง และมีประเด็นกรีซที่จะมีการประชุมของรมว.คลังและ ECB สุดสัปดาห์นี้แต่ตลาดก็คาดว่าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ กดดันให้สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ของกรีซแย่ลง
(+) LH เราคาดกำไรปกติ 1.45 พันล้านบาทใน 1Q15 -18.5% Q-Q, +0.1% Y-Y ตามทิศทางรายได้โอน เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา LH ซื้ออพาร์ทเมนท์ให้เช่าที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ อีก 1 แห่ง คาดรับรู้รายได้ประมาณ 100-120 ล้านบาท/ปี เพิ่มจากที่มีอยู่แล้ว 2 แห่งที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งทำรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท/ปี รวมแล้วคิดเป็น 1% ของรายได้รวมและมีโอกาสขายเข้า REIT ในอนาคต เราปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 11.40 บาทจากเดิม 12 บาทตามเป้าหมายของ QH และ HMPRO ที่ dilute เพราะจ่ายหุ้นปันผล ยังแนะนำซื้อ รับปันผลโดย LH จะจ่าย 0.40 บาท/หุ้น (yield 4%) XD 29 เม.ย.
(0) PTTGC จะพลิกเป็นกำไรสุทธิ 5.67 พันล้านบาทใน 1Q15 จากไตรมาสก่อนที่ขาดทุนหนัก 4.93 พันล้านบาทเพราะขาดทุนจากสต็อก เพราะคาดว่าใน 1Q15 ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจะมีเพียงเล็กน้อย ขณะที่ค่าการกลั่นดีขึ้น 20% Q-Q และ 32% Y-Y เป็น US$5.9/บาร์เรล ประกอบกับธุรกิจอะโรเมติกส์จะกลับมาเป็นกำไรจากต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง ชดเชยธุรกิจโอเลฟินส์ที่กำไรชะลอเล็กน้อยได้ ราคาหุ้นปรับขึ้นมาสะท้อนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและผลประกอบการใน 1Q15 แล้ว ขณะที่การฟื้นตัวของทั้งปีนี้ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าอดีตมาก แนะนำเพียงถือ ราคาเป้าหมาย 63.50 บาท
(-) DELTA เราคาดกำไรสุทธิ 1Q15 +28% Q-Q, +3% Y-Y เป็น 1.4 พันล้านบาทและคิดเป็น 21% ของประมาณการกำไรทั้งปี การเติบโตดังกล่าวถือเป็นอัตราค่อนข้างดีจากประสิทธิภาพในการคุมรายจ่าย แต่แนวโน้ม 2Q15 จะชะลอจากฐานสูงในไตรมาสนี้ สำหรับกำไรปกติทั้งปีที่เราคาดโต 15.7% Y-Y จะมาจากการคุมค่าใช้จ่ายเป็นหลัก และเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่า KCE และ HANA ราคาหุ้นปัจจุบันของ DELTA คิดเป็น PE 16.5 เท่า แพงกว่า KCE และ HANA จึงยังคงแนะนำขาย ราคาเป้าหมาย 67 บาท
(0) SAMTEL กำไรในปีนี้จะฟื้นตัวจากฐานต่ำในปีก่อนที่ถูกกระทบจากการเมือง ปัจจุบันมี Backlog อยู่ 6.9 พันล้านบาท รับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 3 พันล้านบาท บวกกับงานประมูลใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้เราคาดรายได้น่าจะโตถึง 35% Y-Y และกำไรปกติโต 26% Y-Y แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนมี PE 17.7 เท่า และใกล้เต็มมูลค่าที่เราประเมินที่ 26 บาท จึงแนะนำเพียงถือ
(0) HEMRAJ จะถูกนำออกจากดัชนี SET50 และ SET100 ตั้งแต่ 28 เม.ย. นี้เพราะมี Free float เหลือเพียง 7.12% (WHA ซื้อหุ้นไป 92.88%) ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 20% และเอา THCOM เข้าคำนวณใน SET50 และ IFEC เข้าคำนวณใน SET100 แทน…เป็นลบกับราคาหุ้น HEMRAJ ซึ่งเราแนะนำขายอยู่แล้ว แต่เป็นบวกกับราคา THCOM และ IFEC
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา DJIA ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อย ขณะที่ Nasdaq ปิดสูงสุดใสรอบ 15 ปี โดยนักลงทุนตอบรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในทางบวก
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ยังปิดแดนลบต่อเนื่องหลังตัวเลข PMI เบื้องต้นทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนออกมาอ่อนแอกว่าคาด
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นโดยได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.38-32.47 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ 57.74 เหรียญ/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเป็นระดับที่สูงสุดในปีนี้หลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับมารุนแรงอีกครั้งโดยซาอุฯและพันธมิตรเปิดฉากโจมตีทางอากาศรอบใหม่ต่อกลุ่มกบฏในเยเมน
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดที่ 1,194.30 ดอลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.40 เหรียญ/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นจากตัวเลขยอดขายบ้านที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้คาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 เม.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (มี.ค.)
- สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มี.ค.)
- กรีซ:การเจรจาระหว่างกรีซและ EUต้องได้ข้อสรุป
27 เม.ย. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มี.ค.), ดุลการค้า (มี.ค.)
28 เม.ย. - สหรัฐ:S&P/CaseShiller Index (ก.พ.), ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
29-30 เม.ย. - สหรัฐ:FOMCประชุม
29 เม.ย. - ไทย:กนง.ประชุม
- สหรัฐ: 1Q15 GDP (คาดครั้งแรก), Pending home sales (มี.ค.)
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
30 เม.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มี.ค.
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
- ไต้หวัน: 1Q15 GDP
-ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
- สหรัฐ: Personal Income, Personal Spending (มี.ค.)
1 ต.ค. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
- จีน: Manufacturing PMI (เม.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research