- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 April 2015 17:40
- Hits: 1700
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"กรีซยังถ่วง เก็งกำไรรายตัว"
Top Picks-Fund Apr 2015 : Fundamental : BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF Dark Horse: GL, SYNTEC
Top Picks -Fund Today: BBL
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, AP, MK, SPALI, MODERN, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : THAI 36%, GLOBAL 19%, KTIS 19%
Technical View ภาพระยะสั้นกลับมาเป็นบวกเล็กๆ มีลุ้นรีบาวด์ แต่อาจลงต่ำตามมาได้ จึงเน้นซื้อตามค่าบวก
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อตามค่าบวก 1580-1590 หลุด 1555
SET50 ซื้อตามค่าบวก 1050-1060 หลุด 1030
Top Picks-Tech Today : MTLS,TPOLY,SIRI,GLOW,CWT,CSS,PTTGC,APCO
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : VGI (จาก Fully Value เป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยดีดขึ้นตามภูมิภาค (ปิดตลาด +0.58%) โดยหุ้น Big Cap ที่ปรับขึ้นโดดเด่นเป็น BBL, SCB, SCC, TASCO, CK, STEC, ADVANC, INTUCH, SAMART, PTTGC, AP, PS เป็นต้น โดยแรงหนุนมาจากการที่จีนปรับลด RRR เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q58 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2.3 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิกลุ่มละ 500-600 กว่าล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ
ในระยะสั้น ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดคือ ผลประกอบการไตรมาส 1/58 ช่วงนี้ยังเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ตัวที่ประกาศกำไรออกมาเด่นคือ SCB และล่าสุดคือ BBL แต่ที่น่าผิดหวังคือ KTB ส่วนปัจจัยจับตาเป็นเรื่องการชำระหนี้ครบกำหนดของกรีซในเดือนพ.ค. และการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจมีสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเพิ่มเติม ทั้งเรื่องกรีซและการขึ้นดอกเบี้ยของ FOMC จึงยังเป็นปัจจัยถ่วงตลาดอยู่ เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านมีทั้งปรับขึ้นและลดลงเล็กน้อย ตามดาวโจนส์ที่ปรับลงเล็กน้อย ราคาน้ำมันที่กลับมาแกว่งลง ทำให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาบ้าง จากก่อนหน้าที่มีการเก็งกำไร ส่วนการแถลงร่างรัฐธรรมนูญในสภาฯ ยังราบรื่น และไม่มีความปั่นป่วน คาดว่าระยะสั้นจะเป็นการเก็งกำไรรายตัวที่มีข่าวดี แนวต้านถัดไปจะเป็น 1580-1590 แต่อาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา เพราะไม่มีปัจจัยใหม่ๆอะไรที่เด่นชัดเข้ามาในตลาดฯ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณกลับมาเป็นบวกเล็กๆ มีโอกาสลุ้นรีบาวด์ต่อเนื่อง แต่การซื้อใหม่ควรเน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1580-1590 จุด ค่าลบควรชะลอการลงทุน ดัชนีอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ที่ 1555 จุด ควรลดพอร์ตตาม หรือ Stop Loss
สำหรับการ Scan หาหุ้นสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ SIRI, CWT, BRR ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TCC, PLANB, CBG, CENTEL และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ CSS, PPP, STPI
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- กรีซ : ECB เตรียมยื่นข้อเสนอให้ปรับเพิ่มค่าค้ำประกันที่เรียกเก็บจากธนาคารของกรีซในกรณีที่มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนฉุกเฉิน ซึ่งประเด็นนี้กดดันให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง และก่อให้เกิดความกังวลว่ากรีซอาจประสบภาวะขาดสภาพคล่อง และอาจผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลให้ต้องออกจากยูโรโซนในที่สุด
- กรีซ: นักลงทุนจับตาดูใกล้ชิด นักลงทุนจับตาดูการเจรจาปัญหาหนี้กรีซอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีซเปิดเผยว่า นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เตรียมพบปะหารือกับนางอังเกรา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ในวันพฤหัสบดีนี้ นอกรอบการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (EU) ที่กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งนับเป็นการพบปะกันครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ของกรีซและตัวแทนของกลุ่มประเทศเจ้าหนี้กำลังเจรจากันที่กรุงปารีส
- ดาวโจนส์: ปรับตัวลง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,949.59 จุด ลดลง 85.34 จุด หรือ -0.47% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,014.10 จุด เพิ่มขึ้น 19.50 จุด หรือ +0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.29 จุด ลดลง 3.11 จุด หรือ -0.15% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทดูปองท์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจากปัญหาหนี้กรีซอย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสความวิตกกังวลเกิดขึ้นในตลาดว่า กรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้
- น้ำมัน: ราคาร่วงลง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.08 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในคืนวันพุธตามเวลาไทย
+ ทองคำ: เพิ่มขึ้น สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 9.4 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ระดับ 1,203.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้ ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/- กระทรวงพาณิชย์จะปรับเป้าหมายส่งออกปี 58 ใหม่ โดยคาดว่าจะลดลงเป็น 1%+ (จากเดิม 4%)...เราคาดว่าเป็นประเด็นที่ไม่ได้ Surprise ตลาดเพราะหลายสำนักวิจัยฯ รวมถึงธปท.ได้ปรับลดประมาณการไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยประมาณการมูลค่าส่งออกของไทยปีนี้เติบโต 0-1% ทั้งนี้แม้ว่าส่งออกใน 1Q58 จะติดลบประมาณ 4% เรายังมีความหวังว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจีน, ยุโรป, ญี่ปุ่น และเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย จะช่วยให้มูลค่าส่งออกของไทยกระเตื้องและเติบโตได้ใน 2H58
/- กลุ่มอาหารทะเลส่งออก : สหภาพยุโรป (EU) จะระงับการนำเข้าอาหารทะเลจากไทย หากไทยไม่สามารถปราบปรามการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยให้เวลาไทย 6 เดือนในการแก้ปัญหาในอุตสาหกรรมการประมง หากไทยไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ ทาง EU จะจัดให้ไทยอยู่ในรายชื่อบัญชีดำเช่นเดียวกับประเทศกัมพูชา
ธุรกิจวัสดุก่อสร้างใน 1Q58 ยังซบเซา...คาดกระเตื้องขึ้นใน 2H58 โดยยอดขายปูนซีเมนต์ในประเทศคาดว่าจะลดลงประมาณ 2-3%YoY ใน 1Q58 ส่วนยอดขายวัสดุก่อสร้างอื่นๆ หดตัวราว 5-10%YoY เพราะงานก่อสร้างในประเทศชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัดที่มีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ขณะที่โครงการลงทุนภาครัฐช่วง 1Q58 ยังคืบหน้าไม่มาก
สำหรับ ภาคส่วนที่ยังไปได้ดี คืออุปสงค์เพื่อการก่อสร้างในพื้นที่เศรษฐกิจขอบชายแดนไทยกับประเทศกลุ่ม CLMV และการส่งออกวัสุดก่อสร้างไปในประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวซึ่งภาคก่อสร้างกำลังขยายตัวแข็งแกร่ง ด้านอัตรากำไร (Margin) อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวถึงอ่อนลงเล็กน้อย ทั้งนี้แม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนพลังงานและค่าขนส่งที่ลดลง แต่ราคาขายก็ถูกกดดันจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ โดยรวมคาดว่าผลประกอบการ 1Q58 ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะอ่อนลงเมื่อเทียบ YoY แต่บางบริษัทอาจเพิ่มขึ้น QoQ จากฐานกำไรที่ต่ำมากใน 4Q57
แนวโน้มของไตรมาสที่เหลือคาดว่าจะดีขึ้น โดยคาดว่าโครงการภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของโครงการทรัพยากรน้ำและระบบถนน ทำให้กำไรในช่วง 2H58 จะไม่ได้ลดลงจาก 1H58 เหมือนกับช่วงปีก่อนๆ
(ทั้งนี้ในช่วงปีปกติ ไตรมาส 1 จะเป็นช่วง High season ของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และไตรมาส 3 เป็นช่วง Low season เนื่องจากเป็นฤดูฝน) กลยุทธ์การลงทุนเป็น Selective Play โดยแนะนำซื้อ TRC (ราคาพื้นฐาน 13.20 บาท), VNG (ราคาพื้นฐาน 9.40 บาท) ส่วน SCC, TASCO, DCC แนะนำถือ
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835 [email protected]