- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 April 2015 17:00
- Hits: 1470
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1560 แนวต้าน 1580
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1560.32 จุด ลดลง 6.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,877 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรลงไปทดสอบแนวรับที่ 1560 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1600 จุด
Daily : ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากแรงขายทำกำไร และแรงกดดันจากทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง แต่เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายที่ลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายทากำไรที่ไม่สูงมาก ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1600 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 1560 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด แต่เนื่องจากการปรับตัวลดลงมีมูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก จึงทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1600 จุด
Asia Fund Flow : 20 เมษายน 2558
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 21 ล้านเหรียญ (21 เม.ย.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ขายสุทธิ 6 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ซื้อสุทธิ 1,173 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 16 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 1 ล้านเหรียญ
Most Active Value : แนวรับ แนวต้าน
PTT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 365 แนวรับ 350-352 352 / 350 357 / 360
KBANK แนวต้านสำคัญ 235 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 240 และ 248 232 / 230 234 / 235
SCB สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 167-168 แนวต้าน 174 170 / 168 172 / 174
BBL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 195 เป็นจังหวะขายทำกำไร 188 / 186 190 / 192
TMB แนวโน้มลงทดสอบ 2.70-2.74 เป็นจังหวะซื้อเก็งกำไร 2.74 / 2.70 2.84 / 2.88
KTB แนวโน้มขึ้นทดสอบ 24.00-24.50 แนวรับ 23.00-23.20 23.40 / 23.20 23.60 / 23.80
PTTGC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 65.00 และ 66.00 61.00 / 60.50 62.50 / 63.00
ADVANC แนวรับ 240 และ 235 แนวต้าน 245 และ 250 240 / 237 244 / 245
IFEC แนวโน้มลงทดสอบ 11.40 และ 10.50 11.80 / 11.40 12.40 / 12.80
PTTEP แนวโน้มขึ้นทดสอบ 125 แนวรับ 120 120 / 118 122 / 124
Thai File Industries (TFI TB; THB 1.63) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.70 และ 1.76
แนวรับ : 1.62 และ 1.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยมาทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TFI โดยมีแนวรับที่ 1.62 และ 1.60 และมีแนวต้านที่ 1.70 และ 1.76 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.54 ลงไป
Asian Phytoceuticals (APCO TB; THB 3.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.14 และ 3.20
แนวรับ : 3.00 และ 2.94
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาหุ้นเคลื่อนไหวออกด้านข้างมาอย่างต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ APCO โดยมีแนวรับที่ 3.00 และ 2.94 และมีแนวต้านที่ 3.14 และ 3.20 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.86 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์ : ดัชนี SET ในวันนี้คาดจะแกว่งตัวในแดนบวก ตามการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อวานนี้ จากแรงหนุนการประกาศเพิ่ม RRR ของจีน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังได้รับแรงกดดันช่วงสั้นจากการรอดูผลการเจรจาปัญหาในกรีซ ในวันที่ 24 เม.ย. และ ความกังวลว่าจะมีมาตรการคุมมาร์จินในจีน โดย SET Index วันนี้มีแนวต้านที่ 1570-1575 จุด ส่วนแนวรับที่ 1550-1545 จุด
Themes play :
KCE : เราคาดว่า KCE จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 24.5% CAGR ในปี FY15-17 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 13-20% ขณะเดียวกัน คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะเห็นพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญภายใน 1H16 เมื่อเฟส 2 ของโรงงานใหม่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น นอกจากนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มสูงขึ้นตามรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้น เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากเห็นแนวโน้ม upside จาก 1) ยอดสั่งซื้อที่คาดจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี FY15-17 และมีโอกาศสูงกว่าสมมติฐานของเรา 2) อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นหลังทองแดงมีราคาลดลงและผลผลิตต่อแรงงานเพิ่มสูงขึ้นตามประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานใหม่ ราคาเป้าหมาย 55 บาท
ประเด็นในสัปดาห์
21 เม.ย. : คาดการณ์ประกาศงบไตรมาส 1/15 ของ BAY BBL KTB
22 เม.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Existing Home Sales เดือนมี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 4.88 ล้านยูนิต
23 เม.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Markit U.S. Manufacturing PMI เดือนเม.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 55.7
23 เม.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข New Home Sales เดือนมี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 539,000 ยูนิต
23 เม.ย. : จีนประกาศตัวเลข HSBC China Manufacturing PMI เดือนเม.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 49.6
23 เม.ย. : ยุโรปประกาศตัวเลข Markit Eurozone Manufacturing เดือนเม.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 52.2
24 เม.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Durable Goods orders เดือนมี.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ -1.4%
Fundamental Stock :
SCB : Results Note - กำไรตามคาด (แนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 182บาท)
KBANK : Results Note - มีความอนุรักษ์นิยมบนงบดุล (แนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 255 บาท)
TCAP : Results Note - ไม่มีอะไรที่สร้างความประหลาดใจ และอัพไซด์จำกัด (แนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 33 บาท)
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index มีแนวรับในระยะสั้นที่ 1560 จุด และแนวต้าน 1580 และ 1600 จุด
Thai File Industries (TFI TB; THB 1.63) - ซื้อ
Asian Phytoceuticals (APCO TB; THB 3.00) - ซื้อ
SET Index : แนวรับ 1560 แนวต้าน 1580
Retail Research Team
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...รีบาวน์
การปรับตัวลงของดัชนี SET ในช่วงต้นสัปดาห์ยังมาจากการปรับตัวลงของดัชนีต่างประเทศ ซึ่งเรามองว่าจะไม่ค่อยส่งผลมากนักกับตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ เพราะเม็ดเงินต่าชาติที่ไหลเข้าและออก มีน้อย โดยตลาดให้ความสำคัญกับตัวเลขเศรษฐกิจภายในและผลดำเนินงาน Q1/15 มากกว่าผลที่จะเกิดจากภายนอก โดยปัจจัยภายนอกที่จะส่งผลต่อตลาด หากมีคือ ผลดำเนินงาน Q1 ของตลาดหุ้นสหรัฐและปัญหาในกรีซ ซึ่งทางรัฐบาลกรีซจะเจรจากับเจ้าหนี้อีกครั้งในวันที่ 24 เม.ย. หากไม่สำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งต้องดูว่ามีขนาดเท่าไร
ส่วนผลกระทบจากผลการดำเนินงานในสหรัฐ ปรากฎว่าตลาดเริ่มตอบสนองในเชิงลบ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่จะมากหรือน้อย ยังคงตอบได้ยาก แต่หากพิจารณาดูข้อมูลในอดีด พบว่าจะมีไม่มาก แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังกังวลกับดัชนีในเดือน พ.ค. ที่ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงมากกว่าขึ้น โดยใช้ประเด็นที่ผลการดำเนินงานออกมาแย่ แล้วทำให้นักลงทุนขายหุ้นออก (เนื่องจากหลายตลาดต่างขึ้นมาสร้างสถิติสูงสุด)เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ เรามองว่าหากผลดำเนินงานออกมาแย่ แล้วทำให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง +/-5% ถือว่าไม่น่ากังวล เนื่องจากอยู่ในกรอบไม่อันตรายแต่หากต่ำกว่านี้ คาดดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐจะพุ่งขึ้นรอบใหม่
ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนตอบรับข่าวการประกาศลดอัตราการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ของจีน ลงอีก 1% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะชะลอตัว ซึ่งนับเป็นการปรับลดอัตราส่วน RRR เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดไปแล้ว 0.5% เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยจีนมีเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินในภาคส่วนที่เฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดเล็ก ภาคการเกษตร และโครงการน้ำขนาดใหญ่
ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ปิดที่ 56.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจาก มีการรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่ปรับตัวลดลง 34 แท่น มาอยู่ที่ 954 แท่น ซึ่งทำให้แนวโน้มราคาน้ำมัน มีการปรับตัวขึ้นได้
ทางด้านปัจจัยในประเทศ ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาดแต่ไม่มาก ซึ่งราคาหุ้นได้สะท้อนไปบางส่วนแล้ว ตอนนี้ตลาดกำลังลุ้นผลดำเนินงานของกลุ่มพลังงานใหญ่ที่คาดว่าน่าจะออกมาดีกว่า Q4/14 โดยแม้ผลดำเนินงานจะออกมาดีแต่ราคาหุ้นคงขึ้นได้ในกรอบจำกัด กลุ่มที่จะเป็นตัวตัดสินว่าดัชนีจะไปได้ต่อหรือไม่คงเป็นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์(สร้างบ้าน รับเหมา) สื่อสาร ค้าปลีกและวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้ โยงกับแรงซื้อในประเทศเป็นหลัก โดยมีปัจจัยหนุน การลดดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทิศทางดัชนีในสัปดาห์นี้คาดจะผันผวนบ้างในช่วงต้นแต่ดัชนียังขึ้นได้ต่อ จนกว่าตลาดเห็นชัดเจนเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจและการประชุม กนง โดยกรอบที่จะขึ้นไปได้ในสัปดาห์นี้ คือ 1580-1590 จุดหรือขึ้นไปแตะที่บริเวณ 1600 จุด แล้วหลังจากนั้นน่าจะเริ่มเห็นแรงขายสลับออกมา โดยรวมๆดัชนีในอาทิตย์นี้จะแปรผันกับการประกาศงบ Q1/15 ของบริษัทในกลุ่มพลังงานและราคาน้ำมัน ดังนั้นหุ้นในกลุ่มนี้ คาดจะยังมีแรงซื้อและขายที่โดดเด่นต่อไปนอกเหนือจากกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มที่เรามองว่าจะเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาทั้งเก็งเรื่องงบและทิศทางดอกเบี้ย คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นาโน ไฟแนนซ์ วัสดุก่อสร้างและค้าปลีก
ดัชนี SET ในวันนี้คาดจะแกว่งตัวในแดนบวก ตามการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อวานนี้ จากแรงหนุนการประกาศเพิ่ม RRR ของจีน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยังได้รับแรงกดดันช่วงสั้นจากการรอดูผลการเจรจาปัญหาในกรีซ ในวันที่ 24 เม.ย. และ ความกังวลว่าจะมีมาตรการคุมมาร์จินในจีน โดย SET Index วันนี้มีแนวต้านที่ 1570-1575 จุด ส่วนแนวรับที่ 1550-1545 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]