- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 April 2015 17:40
- Hits: 1333
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ซื้อค่าบวก...ค่าลบ Wait & See หลุด 1520 Stop Loss
Top Picks-Fund Jan-12 : Fundamental : BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF Dark Horse: GL, SYNTEC
Top Picks -Fund Today: MINT
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, MK, SPALI, AP, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : ROBINS 35%, THCOM 16%, DELTA 13%
Technical View ภาพรวมพลิกกลับเป็นลบ แต่มีสิทธิรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1550-1560 หลุด 1520
SET50 ซื้อค่าบวก 1030-1040 หลุด 1010
Top Picks-Tech Today : PLAT, HANA, KTB, SENA, TIPCO, MINT, MCS, CBG
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบระหว่าง 1544-1556 จุด ปิดตลาดในระดับเกือบต่ำสุดของวันที่ 1544.86 แม้ว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์, สนามบิน, อาหารจะปรับขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยกับแรงขายทำกำไรในกลุ่มพลังงานและกลุ่มอื่นๆ ได้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2.25 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 800 กว่าล้านบาท สถาบันในประเทศพลิกเป็นขายสุทธิ 1.3 พันล้านบาท ส่วนรายย่อยยังคงขายสุทธิต่อ 1.8 พันล้านบาท
ในระยะสั้นมากหุ้นกลุ่มพลังงานกลับมากดดันตลาดซึ่งเป็นไปอย่างที่เราประเมินไว้ โดยเกิดจากการที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงเพราะอุปทานสูง (EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง 10.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ Record High) และซาอุฯผลิตน้ำมันดิบเพิ่มในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (เช่น TASCO, VNG ฯลฯ) กลุ่มเดินเรือประจำเส้นทาง (RCL) และกลุ่มสายการบินจะได้รับปัจจัยจิตวิทยาทางบวกจากราคาน้ำมันลดลง แต่หุ้นกลุ่มสายการบินอาจได้ผลดีไม่เต็มที่เพราะยังกังวลกับปมปัญหา ICAO ที่ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาอีกหลายเดือน การลงทุนกลุ่มนี้ เน้นซื้ออ่อนตัวใน AAV ซึ่งคาดว่าถูกกระทบน้อยกว่าสายการบินอื่นๆ สำหรับเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ เห็นว่าผ่อนคลายลงในช่วงสั้น แต่ถ้ามีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด ก็จะกลับมากดดันได้อีก สำหรับกลุ่มอาหาร สถานการณ์ดีขึ้น ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศขยับขึ้นก่อนสงกรานต์ ยอดขายอาหารประเภทจานด่วนมีแนวโน้มดีขึ้น ระยะสั้นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เป็น CENTEL, MINT โดยภาพรวมของกลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นเน้นเล่นรอบ การถือลงทุนระยะกลาง-ยาวควรเป็นหุ้นต้นทุนต่ำ เพราะต้องบริหารความเสี่ยงในช่วงที่ไทยจะมีวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ด้วย
สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดเปลี่ยนเป็นลบเล็กๆ โดยอาจมีรีบาวด์สั้นก่อนลงต่ำต่อได้ การซื้อเก็งกำไรใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก SET และราคาหุ้น แนวต้านระยะสั้น 1550-1560, 1570 การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1520 ดูไม่ดี ควรลดพอร์ตตาม หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคเด่นวันนี้เป็น PLAT, HANA, KTB, SENA, TIPCO, MINT, MCS, CBG
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : ไม่มีสัญญาณเรื่องระยะเวลาปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ความกังวลเรื่องเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยผ่อนคลายลงหลังในรายงานระบุว่าความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับระยะเวลาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในการประชุม FOMC เดือนมี.ค.แตกต่างกันมาก (มีทั้งเห็นว่าควรขึ้นตั้งแต่มิ.ย.58, ไตรมาส4/58 และปี 59)
ตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าความวิตกเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะผ่อนคลายลง แต่หุ้นกลุ่มพลังงานก็ถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่กลับมาอ่อนตัว ปิดตลาดดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 27.09 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 40.59 จุด หรือ +0.83% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 5.57 จุด หรือ +0.27%
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง เพราะสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด โดยสัญญา WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 3.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.42 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ร่วงลง 3.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อนพุ่งขึ้นถึง 10.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ Record High ที่ 482.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.4 ล้านบาร์เรล รวมทั้งมีข่าวว่าซาอุฯ ผลิตน้ำมันในเดือนมี.ค.58 มากถึง 10.3 ล้านบาร์เรล/วัน
-/+ กลุ่มที่เสียประโยชน์ & ได้ประโยชน์จากน้ำมันลง หุ้นกลุ่มพลังงานมีสิทธิอ่อนตัวลงในระยะสั้น โดยเป็นผลจากการดิ่งลงของราคาน้ำมันดิบ แต่ก็มีหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากน้ำมันลง เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TASCO - Not Rated), VNG - แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 9.40 บาท ฯลฯ) กลุ่มเดินเรือประจำเส้นทาง (RCL - Not Rated) และกลุ่มสายการบิน (AAV, BA, NOK, THAI) แต่เนื่องจากกลุ่มสายการบินยังคงมีปัญหามาตรฐานการตรวจสอบและกำกับดูแลสายการบินที่อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนในการแก้ไข จึงอาจได้อานิสงค์ทางบวกไม่เต็มที่
- สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 7.5 ดอลลาร์ หรือ -0.62% ปิดที่ 1,203.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้น และยังไม่มีสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากรายงานการประชุมเฟด
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/- คาดส่งออกไทยใน 1Q58 ติดลบ 4% และทั้งปี 58 เติบโต 0-1% ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการปรับเป้าหมายส่งออกใหม่ในวันที่ 20 เม.ย.นี้
ความเห็น Retail Research : การส่งออกที่ซบเซาในปีนี้เป็นเรื่องที่เราและตลาดประเมินไว้อยู่แล้ว ถ้ามีการปรับลดตัวเลขเป้าหมายลงมาที่ 0-1% ก็ไม่ได้ Surprise แต่สิ่งที่จับตา คือ การเร่งกระตุ้นกำลังซื้อและการลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐและเอกชนว่าจะเห็นเม็ดเงินจะเข้ามามากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อไร
ไทย-รัสเซีย : ลงนามร่วมมือภาครัฐ 5 ฉบับ เร่งผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างประเทศให้เพิ่มจาก 5 เป็น 10 พันล้านUS$ ภายในปี 59 โดยในส่วนสินค้าเกษตรที่จะให้รัสเซียนำเข้าเพิ่มได้แก่ ยางพารา ข้าว เนื้อหมูแช่แข็ง สินค้าประมง ผักและผลไม้สด เป็นต้น นอกจากนั้นยังจะเน้นเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันด้วย
เร่งใช้ม.44 แก้พ.ร.บ.การเดินอากาศ โดยหวังว่าจะแล้วเสร็จและกระกาศใช้พ.ร.บ.ใหม่ได้ภายในสิ้นพ.ค.58 ซึ่งจะนำไปสู่การปลดล็อกข้อบกพร่องในการกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนของไทยจาก ICAO ได้ภายในกลางปี 58
ITD : ผู้บริหารกล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่าบริษัทจะเซ็นสัญญารับสิทธิพัฒนาโครงการทวายเพิ่มเป็น 45 ตร.กม. (จาก 27 ตร.กม.) ปลายเม.ย.หรือต้นพ.ค.58 โดยพื้นที่โครงการจะมีทั้งหมด 24,000 ไร่ แบ่งไปทำสาธารณูปโภค 6,000 ไร่ เหลือทำนิคมฯ 18,000 ไร่ โดยขณะนี้มีลูกค้ารายใหญ่ 1 รายแสดงเจตจำนงซื้อที่ดินแล้ว 10,000 ไร่ ทาง ITD จะสามารถพัฒนาสาธารูปโภค (ท่าเรือขนาดเล็ก, ระบบน้ำ ไฟฟ้า และที่อยู่อาศัย) และขายที่ดินได้หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว (บริษัทจะแบ่งส่วนแบ่งกำไรให้ทางการเมียนมาร์ 7% แลกกับคืนเงินที่บริษัทได้ลงทุนซึ่งบันทึกด้อยค่าไปแล้ว 6,031 ล้านบาท)
สำหรับโครงการเหมืองโปแตช ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ขั้นสุดท้าย โครงการมีพื้นที่ 26,334 ไร่ กำลังการผลิตรวม 4 ล้านตัน แบ่งเป็น 2 เฟสๆ ละ 2 ล้านตัน ใช้เงินลงทุนเฟสแรก 1 พันล้านUS$ คาด IRR โครงการ 17% ปัจจุบัน ITD ถือหุ้น 90% และพันธมิตร 4 รายที่ขอซื้อหุ้น คาดจะสรุปได้ใน 2Q58 ส่วนสัมปทานงานก่อสร้างรถไฟและท่าเรือน้ำลึกในโมซัมบิกมูลค่า 4 พันล้านUS$ บริษัทถือหุ้น 60% แต่จะแบ่งขายออกไป 30% โครงการมี IRR 15-18% จะได้ข้อสรุปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ด้านงานในประเทศจะเน้นโครงการรัฐ โดยคาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาปีนี้ 1.5 แสนล้านบาท จากที่ประมูลไป 5 แสนล้านบาท (รถไฟฟ้สายสีส้ม, สีชมพู, สีเหลือง โครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้น โครงการมอเตอร์เวย์ และโครงการรถไฟไทย-จีน)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เป็นข่าวบวกของ ITD ที่โครงการทวายมีความคืบหน้า และเรามีมุมมองที่ดีกับแนวโน้มระยะยาวของบริษัท โดยเห็นว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภายในประเทศและโครงการทวายจะช่วยหนุนรายได้และผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามโครงการทวายไม่ได้เป็นเรื่องใหม่และสะท้อนอยู่ในราคาหุ้น ITD ไปบ้างแล้ว ขณะที่การรับรู้รายได้อย่างเป็นรูปธรรมคาดว่าจะเห็นในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า ขณะที่โครงการเหมืองโปแตชยังต้องรอความชัดเจนในเรื่องประทานบัตรเหมือง โครงการโมซัมบิครอเรื่องการร่วมทุนของพันธมิตร ดังนั้นในระยะสั้นควรระวังการแกว่งตัวของราคาหุ้นหลังปรับขึ้นมาหลายวันต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]