- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 April 2015 16:19
- Hits: 1011
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET แนวต้านถัดไปที่ 1,560 จุด
SET View
แนวโน้มวันนี้มองเป็นกลาง กรอบ SET เคลื่อนไหว 1,540 – 1,560 จุด
การปรับตัวขึ้นของ SET เมื่อวานนี้เกินกว่าที่เราประเมินไว้ โดยสามารถปรับขึ้นมายืนใกล้ 1,550 จุด จากมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นหลังจากซาอุฯประกาศขึ้นราคาน้ำมันค้าปลีกในประเทศหนุนราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน (PTT +5%) ประกอบกับมีเหตุไฟไหม้โรงงาน Dragon Aromatics ผลิตอะโรเมติกส์ในจีนได้รับความเสียหาย ส่งผลบวกทางจิตวิทยาลงทุนต่อกลุ่มปิโตรเคมี (TOP+4% PTTGC+5%) นอกจากนี้ยังมีการเก็งกำไรกลุ่มซีพี (CPALL+4% CPF+3%) หลังมีข่าวที่ CP Group จะเข้าซื้อกิจการของ Tesco Lotus ในไทย ทำให้ดัชนี้กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ค้าปลีก บวกขึ้นแรงและหนุนให้ SET บวก 13 จุด อย่างไรก็ดี เราประเมินว่าการเคลื่อนไหวของ SET ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์จะเริ่มมีกรอบจำกัดลงเพราะขาดปัจจัยบวกที่เข้ามาพร้อมๆกัน โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่จะเห็นการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบเริ่มจำกัดเนื่องจากมีทั้งตัวแปรบวกและลบผสมผสาน ได้แก่ 1) ลิเบียอาจกลับมาผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2) อิหร่านอาจจะเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากชาติตะวันตกตัดสินใจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร 3) ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่อาจลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน และ 4) โรงกลั่นน้ำมันทั่วโลกเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ส่วนกลุ่มธนาคารจะมีแรงกดดันของราคาเพิ่มขึ้นหลังขึ้นเครื่องหมาย XD แล้ว อีกทั้งเรามองว่านักลงทุนสถาบันจะเริ่มลดระดับการสะสมหุ้น หลังจากที่ได้คงสถานะซื้อสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน จนมียอดซื้อสุทธิเดือน เม.ย. 9.5 พันลบ. (1 – 7 เม.ย) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. และ มี.ค. ที่มีสถานะขายสุทธิ รวมถึงการลดสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนรายย่อยก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์
ในทางเทคนิค ประเมินว่าว่า SET จะแกว่งตัวทางขาขึ้น หลังจากที่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ที่ 1,515 จุด คาดว่าราคาจะอยู่ในกรอบ 1,540 – 1,560 จุด อาจมีการแกว่งตัวที่แนวต้าน 1,560 จุด
กลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่ชอบการเก็งกำไรตลาดขาขึ้น เราให้เก็งกำไรรายตัวหุ้นที่ได้ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดตาม Theme Play โดยให้ใช้จุดตัดขาดทุนถ้า SET ต่ำกว่า 1,545 จุด ส่วนนักลงทุนระยะกลางที่มีหุ้นอยู่ แนะนำให้ให้ถือหุ้นไปทยอยขายบริเวณแนวต้าน 1,560 จุด
Top Daily Pick : PS (มูลค่าเหมาะสม 38.80 บาท) แม้ว่ายอด Presales เดือนมี.ค.จะลดลงเพราะไม่มีโครงการเปิดใหม่แต่ยอดขายรวม 1Q58 เพิ่มขึ้น 56% YoY โดดเด่นกว่ากลุ่ม คาดกำไรไตรมาสแรกจะโตจากปีก่อน / WORK (มูลค่าเหมาะสม 50 บาท) จากข้อมูลล่าสุดของ Nielsen พบว่าช่อง WORKPOINT TV เป็นช่องใหม่ใน Digital TV ที่ได้รับรับความนิยมเพิ่มขึ้นจากในรอบ 1 ปีมากที่สุด โดยปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3
Technical Pick : SAWAD TUF BAY TTA EMC (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical โดยละเอียดก่อนลงทุน)
Theme Play : กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ (RS WORK MONO) ครบ 1 ปีหลังประมูลใบอนุญาติ Digital TV อันดับความนิยมของช่องใหม่ได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก / กลุ่มโรงแรม (MINT ERW) ได้รับปัจจัยบวกจากการยกเลิกกฎอัยการศึก ขณะที่ 1Q58 กำไรจะเติบโตสูงจากปีก่อน หลังยอดนักท่องเที่ยวเพิ่ม 22% YoY ทำให้รายได้ต่อห้องพักฟื้นตัวแรง / กลุ่มยานยนต์และเช่าซื้อรถยนต์ ยังไม่แนะนำเนื่องจากขาดปัจจัยบวกระยะสั้นหลังจากยอดขายรถในงานมอเตอร์โชว์ต่ำกว่าเป้าหมาย
Strategy Talk
แนวโน้มผลประกอบการ 1Q58 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ตามปกติการเติบโตของสินเชื่อจะล้อกับการเติบโตเศรษฐกิจภายในประเทศ หากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตสูง สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะเติบโตได้ 2 – 2.5 เท่าของการเติบโตเศรษฐกิจ (ค่าเฉลี่ยช่วงปี 2552 – 2556 อยู่ที่ 2.7 เท่า) หากเศรษฐกิจชะลอตัว สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะเติบโตได้ราว 1 – 1.5 เท่าของการเติบโตเศรษฐกิจ ดังนั้นหากเราใช้การคาดการณ์เศรษฐกิจของ ธปท. เป็นเกณฑ์ที่ 3.8% เราสามารถประเมินคร่าวๆได้ว่า การเติบโตของสินเชื่อรวมในปีนี้จะอยู่ที่ 4% ไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยที่ลดลงจะกดดันความสามารถในการทำกำไรและผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น
สรุปประเด็นสำคัญของผลประกอบการ 1Q58
•BBL (มูลค่าเหมาะสม 208 บาท) สินเชื่อหดตัวในไตรมาสแรกสวนทางกับเงินฝากที่เพิ่มขึ้นกดดัน NIM ให้ลดลงอีก 10 bps ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยและมีกำไรจากการลงทุนราว 1 พันล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายชะลอลงทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงเป็นประมาณ 40-42% ส่วนการตั้งสำรองยังอยู่ที่ประมาณ 2 – 2.5 พันล้านบาทต่อไตรมาสแม้ว่า NPL จะเพิ่มขึ้นบ่างแต่ไม่มีนัยยะสำคัญ
•KTB (มูลค่าเหมาะสม 16 บาท) กำไรของ KTB น่าจะอ่อนแอลงและต่ำกว่าที่ Consensus คาด เนื่องจาก สินเชื่อยังไม่โตสังเกตจากการชะลอระดมเงินฝากอีกทั้งยังมียอดการปฎิเสธการออกให้วงเงินกู้ใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่วน NIM ยังมีแนวโน้มลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ KTB ยังคงระดับการตั้งสำรองฯในระดับปกติแม้ว่าจะเห็นการเพิ่มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มในกลุ่ม SME และกลุ่มรายย่อย เพื่อไปชดเชยกับค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากโบนัสพนักงาน
•SCB (มูลค่าเหมาะสม 157 บาท) กำไรสุทธิไตรมาสแรกถูกกดดันจากรายการพิเศษ 2 รายการมูลค่าประมาณ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งสำรองฯบัญชีของ สถาบัน เทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบังและค่าเสียหายจากเหตุไฟไหม้สำนักงานใหญ่ในเดือน ก.พ. ส่วนธุรกิจปกติโดยเฉพาะในฝั่งสินเชื่อยังอ่อนแอเช่นเดียวกับธนาคารใหญ่อื่นๆเติบโตแค่ 2 – 3% YoY
•KBANK (มูลค่าเหมาะสม 202 บาท) สินเชื่อคาดเติบโต 1-2% YoY จากสินเชื่อลูกค้าบริษัทใหญ่ที่เพิ่มขึ้น 6% ชดเชยกับสินเชื่อ SME และรายย่อยที่ยังทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนการตั้งสำรองในไตรมาสแรกมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย ส่วนที่ดีขึ้นคือ NIM เนื่องจากต้นทุนเงินฝากที่ต่ำลงจากสัดส่วนของ CASA ที่มากกว่า
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.28
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.12
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.79
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.41
หุ้นใน Smart Port ที่จะจ่ายปันผลได้แก่
09/04/2015 MAJOR 0.55 Baht per share
10/04/2015 BANPU 0.70 Baht
17/04/2015 BBL 4.50 Baht per share
17/04/2015 BIGC 2.62 Baht per share
17/04/2015 MINT 0.25 Baht per share
27/04/2015 EFORL 0.01 Baht per share
27/04/2015 ROJNA 0.02 Baht per share
29/04/2015 SRICHA 1.55 Baht per share
30/04/2015 MODERN 0.30 Baht per share
07/05/2015 KAMART 0.06 Baht per share
08/05/2015 CK 0.35 Baht per share