- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 April 2015 15:59
- Hits: 1322
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET ค่อยๆแกว่งตัวขึ้นต่อได้
SET View
แนวโน้มวันนี้เป็นกลาง มองกรอบเคลื่อนไหว 1,525 – 1,540 จุด
วันนี้ เรามองแนวโน้ม SET จะยังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยจะมีการเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวโดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก ทำให้มูลค่าการซื้อขายจะยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ยังคงถูกหลีกเลี่ยง เพราะยังปัจจัยกดดัน ทั้งราคาน้ำมันดิบ และ ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะยังไม่เติบโต นอกจากนี้ปัจจัยทั้งในและต่างประเทศยังไม่เป็นบวกมากนัก แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปรับบวกขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้ แต่ เรายังมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ประกาศทั้งยอดจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือน มี.ค. มีจำนวนเพียง 126,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 245,000 ตำแหน่งและยังเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ตัวเลข ISM ยังออกต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน ทำให้โอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้ๆนี้เป็นไปได้ยากมากขึ้น
ดังนั้น สภาพคล่องส่วนเกินยังมีโอกาสที่จะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆในช่วงนี้ ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยอาจจะยังได้ผลบวกจากสภาพคล่องบ้างหลังจากรัฐบาลจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกและใช้มาตรา 44 อาจจะทำให้การท่องเที่ยวของไทยค่อยๆปรับตัวดีขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยทดแทนการส่งออกที่ติดลบได้ อย่างไรก็ดีเรามองว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักกับตัวแปรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอื่นๆที่ยังคงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ทำให้โอกาสที่จะหนุนกลุ่มใหญ่ อย่าง รับเหมาก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก ยังเป็นไปได้ยาก
ในทางเทคนิค SET ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น ยืนบนเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ ขณะที่โอกาสที่จะปรับขึ้นทะลุไปเกินกว่าระดับ 1,545 ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ยังมีความเป็นไปได้น้อย
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน หาก SET ยังปิดไม่ต่ำกว่า 1,525 จุด เรายังแนะนำอ่อนตัวซื้อเก็งกำไรหุ้นได้แต่ไม่แนะนำให้ไล่ราคา
Top Daily Pick : PTTGC (มูลค่าเหมาะสม 62 บาท) เหตุไฟฟ้าดับที่โรงงานระยองเมื่อวานนี้ไม่กระทบต่อการผลิต ขณะที่ปัจจัยบวกจากกำไร 1Q58 คาดว่าจะฟื้นตัวสูง QoQ และยังมีความได้เปรียบในการผลิตหลังจากที่ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น / BBL (มูลค่าเหมาะสม 208 บาท) เป็นหุ้นกลุ่มธนาคารที่ยังราคาถูก โดยซื้อขายเพียง P/BV 1 เท่า จะขึ้น XD เพื่อจ่ายเงินปันผล 4.50 บาท/หุ้นในวันที่ 17 เม.ย.คิดเป็นให้ผลตอบแทนปันผล 2.5%
Technical Pick : JAS BAY PE PAE AJD (โปรดอ่านบทวิเคราะห์ Technical โดยละเอียดก่อนลงทุน)
Theme Play : กลุ่ม Laggard Play (PTT PTTEP PTTGC TUF CPF CPALL CPN DTAC) / กลุ่มสื่อสาร ได้ประโยชน์จากความชัดเจนของการประมูล 4G (ADVANC INTUCH) / กลุ่มรับเหมา (ITD CK STEC SEAFCO) ครม.เห็นชอบแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยพ.ศ. 2558-2565 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท โดยยังมีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนปี 58 วงเงิน 8.5 แสนล้านบาท / กลุ่มนาโนไฟแนนซ์ (SAWAD) รมว.คลังลงนามใบอนุญาตประกอบธุรกิจสัปดาห์นี้
Strategy Talk
กลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์ (7 – 10 เม.ย.)
แนวโน้ม ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบทางเทคนิคราว 1,525 – 1,550 จุด เรามองว่าการฟื้นตัวของ SET ในสัปดาห์ที่แล้ว จนสามารถยืนเหนือเส้นเฉลี่ย 10 วันได้ แต่ยังไม่แข็งแรงพอ เพราะ หุ้นที่ปรับขึ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดเล็กที่ราคาลดลงมาก่อนหน้านี้ รวมถึงการซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันที่มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เราคาดว่า ปริมาณการซื้อขายในสัปดาห์นี้จะยิ่งเบาบางลง เพราะเข้าใกล้เทศกาลวันหยุดยาว อีกทั้งยังขาดปัจจัยใหม่ทั้งในและต่างประเทศมาสนับสนุน โดยในสัปดาห์นี้ยังคงเป็นช่วงเทศกาลของการคาดการณ์กำไรไตรมาสแรกของกลุ่มธนาคาร แม้ว่าพอจะเห็นทิศทางได้ลางๆว่ากำไรใน 1Q58 ของธนาคารจะออกมาอย่างดีที่สุดจะแค่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือทรงตัวจาก 4Q57 เท่านั้น
ประเด็นสำคัญ (1) กลุ่มธนาคารจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ 1Q58 ปลายสัปดาห์นี้ จากข้อมูลของ Bloomberg Consensus ประเมินว่าหุ้นกลุ่ม ธนาคาร 7 แห่งจะมีกำไรเติบโตเมื่อเทียบกับ 4Q57 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจลดลง เราประเมินว่าหากผลประกอบการออกมาใกล้เคียงกับที่ Consensus คาด จะมีแรงขายกดดันน้อยลง แต่หากว่ากำไรออกมาแย่กว่าคาดไว้ อาจจะทำให้นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรลงได้อีก โดยเฉพาะการเติบโตของสินเชื่อในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งถูกกดดันด้วยเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ การส่งออกที่ต่ำกว่าเป้า และ หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ยังทรงตัวสูงมาก (2) กลุ่มขนส่งและการบิน เรายังคงต้องระมัดระวังการเก็งกำไรแม้ว่าสายการบินไทยจะได้รับการผ่อนผันจากกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นให้ดำเนินการได้ตามปกติจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. แต่ไทยยังมีความเสี่ยงหากกรมการบินพลเรือนของสหรัฐฯและยุโรปเข้ามาตรวจสอบเพิ่ม ซึ่งหากว่าพบความไม่พร้อมเพิ่มเติม อาจจะทำให้เที่ยวบินใหม่ๆไม่สามารถเพิ่มได้ (3) ราคาน้ำมันดิบ Brent เริ่มทรงตัวได้ที่ 55-57 USD ต่อบาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบ Brent ในช่วง 1Q58 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 54.10 USD ต่อบาร์เรล (4) ภาคการผลิตของสหรัฐที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า ขณะที่ภาคการจ้างงานที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้าเริ่มส่งสัญญาณชะลอลง มีความเป็นไปได้ที่ FED อาจพิจารณาการปรับขึ้ นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย.
กลยุทธ์การลงทุนระยะสัปดาห์ หากเป็นนักลงทุนระยะสั้นที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นรายตัวและ สามารถรับความเสี่ยงได้ เราเน้นให้เป็นการเก็งกำไรตามกรอบ SET 1,525 – 1,550 จุด สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ต้องการซื้อสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐาน เราแนะนำให้หาจังหวะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในหุ้นขนาดใหญ่
• กลุ่มธนาคาร แนะนำ BBL (กลุ่มธนาคารจะทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD - วันที่ 9 เม.ย. KBANK 3.50 บาท/หุ้น และ TCAP 1 บาท/หุ้น ส่วนวันที่ 10 เมย. SCB 4.50 บาท/หุ้น และ วันที่ 17 เม.ย. BBL 4.50 บาท/หุ้น)
• กลุ่มสื่อสาร แนะนำ DTAC (จะประกาศผลประกอบการในวันที่ 24 เม.ย.)
• กลุ่มพลังงาน แนะนำ BANPU PTTGC BCP TOP
• กลุ่มอสังหา แนะนำ AP SPALI
Smart Port Note
Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.28
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.12
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.79
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.41
หุ้นใน Smart Port ที่จะจ่ายปันผลได้แก่
09/04/2015 MAJOR 0.55 Baht per share
10/04/2015 BANPU 0.70 Baht
17/04/2015 BBL 4.50 Baht per share
17/04/2015 BIGC 2.62 Baht per share
27/04/2015 EFORL 0.01 Baht per share
29/04/2015 SRICHA 1.55 Baht per share
30/04/2015 M 1.00 Baht per share
30/04/2015 MODERN 0.30 Baht per share
30/04/2015 IVL 0.19 Baht per share
07/05/2015 KAMART 0.06 Baht per share
08/05/2015 NBC 0.02 Baht per share