- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 April 2015 15:44
- Hits: 1538
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ต่ำกว่า 1500 มีแนวรับ 1480,1460"
Top Picks-Fund
April 2015 : Fundamental : BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF Dark Horse: GL, SYNTEC
Top Picks -Fund Today: -
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, BTS, DCC, DELTA, DTAC, MK, SPALI, AP, MODERN, TCAP, TISCO, TMT, BTSGIF, CPNRF, TRUEIF
Shot Sell-Prev : GLOW 50%, KTIS 15%, BIGC 15%, TTW 15%, VGI 13%
Technical View ภาพระยะสั้นเป็นบวกเล็กๆ แต่ไม่ทิ้งการลงต่ำต่อ
Support Resistance Stop loss
SET 1480,1460 1510-1520 หลุด 1500
SET50 980-970 1010,1020 ค่าลบ
Top Picks-Tech Today : BBL, TPIPL, AP, PTG, IVL, CPALL, MAJOR, BLA
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดปรับตัวดีขึ้นในการซื้อขายวันสุดท้ายของไตรมาส 1/58 ผนวกกับรับข่าวการทูลเกล้าฯยกเลิกกฎอัยการศึก แล้วหันมาใช้มาตรา 44 แทน ซึ่งนายกฯเริ่มใช้กับการแก้ปมปัญหา ICAO ปิดตลาดดัชนีบวก 9.43 จุด ปิดที่ 1505.94 กลุ่มธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์, อาหาร, ขนส่ง (ไม่รวมสายการบิน), รับเหมาก่อสร้าง ปรับขึ้นดี นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ โดยนักลงทุนบางกลุ่มหาโอกาสปรับพอร์ตในช่วงตลาดรีบาวด์อยู่แล้ว สิ่งที่ต้องจับตา คือ ตลาดหุ้นจะยังบวกต่อได้หรือไม่หลังจบ Window Dressing
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นเรามองว่าตลาดยังเปลี่ยนเป็นขาขึ้นค่อนข้างยาก เพราะ 1) สถานการณ์ในยูโรโซนกลับเข้ามากดดัน โดยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาแผนปฎิรูประหว่างกรีซ, EU, IMF ที่สิ้นสุดเมื่อวานนี้ และต้องเจรจาต่อในสัปดาห์หน้า ซึ่งประเด็นนี้ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงราว 1%, 2) รายงานของธปท.บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวไม่มาก ยกเว้นภาคท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้น และ 3) ยังมีความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจสายการบิน แม้ว่าทางกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นจะผ่อนคลายในช่วงเม.ย.-มิ.ย.58 แต่มีทีท่าว่าเกาหลีใต้, จีน และสหรัฐจะเข้มงวดขึ้น โดยรวมเดือนเม.ย.58 เน้นน้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้น Defensive โดย Top Picks เดือนนี้เป็น BTS, INTUCH, KBANK, RATCH, TRUEIF และ Dark Horse คือ GL, SYNTEC
สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ภาพตลาดโดยรวมพลิกเป็นบวกเล็กๆ แต่ยังไม่ทิ้งแกว่งและลงต่ำต่อ ให้กรอบแนวต้านไว้ที่ 1510-1520 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1480, 1460 จุด การอ่อนตัวหลุด 1500 บ่งชี้โอกาสที่จะอ่อนตัวลงมาที่แนวรับ หุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high ที่ยังอยู่ใน List คือ TTCL, BEAUTY, DELTA, MALEE, BLA ส่วนหุ้นเข้ามาใหม่ เป็น AP, PTG, TPIPL, MAJOR และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ CPALL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- กรีซ : ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการเจรจาเกี่ยวกับแผนปฏิรูปเศรษฐกิจระหว่างกรีซ, สหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวาน และอาจมีการเจรจากันต่อที่กรุงเอเธนส์วันพุธหน้า
+/ จีน : ดัชนี PMI ภาคผลิตแตะระดับ 50 (เดือนมี.ค.เท่ากับ 50.1 จาก 49.9 ในเดือนก.พ.) ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการอ่อนลงเป็น 53.7 จาก 53.9 ในเดือนก่อนหน้า
สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาในเกณฑ์ดี โดยดัชนีราคาบ้านทั่วสหรัฐขยับขึ้น 4.5%YoY ในเดือนม.ค. หลังเพิ่มขึ้น 4.6%YoY ในเดือนธ.ค. ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกประจำเดือนมี.ค.เพิ่มเป็น 46.3 จากระดับ 45.8 ในเดือนก.พ.
- สหรัฐ : กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกดดันตลาดอีกรอบ หลังนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าเขาคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ อาจทำให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เร็วขึ้น
สหรัฐ : จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.58 ที่จะออกมาศุกร์นี้ ซึ่งผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่าตัวเลขจ้างงานอาจจะเพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 295,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.5% ในเดือนมี.ค.
- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลง โดยดัชนี DJIA ร่วง 200.19 จุด หรือ -1.11% ดัชนี NASDAQ ลดลง 46.56 จุด หรือ -0.94% ดัชนี S&P500 อ่อนลง 18.35 จุด หรือ -0.88%
- ปริมาณผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นกดดันราคาน้ำมันดิบและหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ลดลง 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 481,000 บาร์เรล เป็น 31.029 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ส.ค.56 นอกจากนั้นนักวิเคราะห์คาดว่าอิหร่านอาจจะเพิ่มปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากชาติตะวันตกตัดสินใจยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบมิ.ย.ร่วงลง 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,183.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+/- กลุ่มสายการบิน : ญี่ปุ่นผ่อนคลายแต่ยังห่วงเกาหลี, จีน และสหรัฐที่จะเข้มขึ้น กรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นจะผ่อนคลายการยกเลิกเที่ยวบินที่ขอเพิ่มการเช่าเหมาลำ เพิ่มเที่ยวบิน เพิ่มเส้นทางและเปลี่ยนขนาดเครื่องบินในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. แต่ทางบพ.ต้องตรวจรับรองสายการบินที่ได้รับอนุญาตไปญี่ปุ่นใหม่ทั้งหมด & รายงานความคืบหน้าเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นห่วงสายการบินที่ไปเกาหลีใต้ จีน และสหรัฐที่มีทีท่าว่าจะตรวจสอบสายการบินของไทยเข้มข้นขึ้น และมีข่าวใน VOA ว่าสำนักงานการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) จะตรวจสอบมาตรฐานการบินของไทยด้วยตนเอง
/- เศรษฐกิจไทยเดือนก.พ.ฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
# รายได้ภาคเกษตรยังอ่อนแอ เดือนก.พ.ลดลง 6.2%YoY แต่สิ่งที่ดีขึ้น คือ ราคาที่ฟื้นตัว โดยเหลือ -2.5%YoY จาก -11.0%YoY ในเดือนม.ค.58 สิ่งที่ต้องจับตา คือ ปัญหาภัยแล้งในปีนี้ว่าจะรุนแรงหรือไม่
# การผลิตในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ปิโตรเลียม ยานยนต์และชิ้นส่วนดีขึ้น แต่การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยางชะลอตัวลง ดัชนี MPI พลิกกลับเป็นเติบโตได้ 3.6%YoY อัตราการใช้กำลังการผลิตก.พ. 62.7% (SA) โดยกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และฮาร์ดดิสไดรท์ ใช้กำลังการผลิตต่ำกว่า 60% ส่วนกลุ่มที่ใช้กำลังการผลิตสูงกว่า 70% เป็นปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ยานยนต์&ชิ้นส่วน และเครื่องใช้ไฟฟ้า
# จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติก.พ.เพิ่มขึ้น 29.6%YoY เป็น 2.69 ล้านคน (เติบโต YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5) อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ย 71.9% นับเป็นกลุ่มที่เห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากที่สุด
# การบริโภคยังซบเซา โดยผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย โดยการซื้อสินค้าคงทนยังหดตัว (ดัชนี -3.8%YoY) แต่ดัชนีสินค้าที่มีอายุใช้งาน 1-3 ปีเพิมขึ้นเป็น +4.7%YoY การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพิ่ม 37%YoY ซึ่งมาจากฐานที่ต่ำมากในปีก่อนผนวกกับการฟื้นตัวดีในปีนี้ (เดือนม.ค. +20.4%YoY)
# การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว แต่เห็นสัญญาณบวกบ้างจากการนำเข้าสินค้าทุนที่กลับมาเติบโต 11.6%YoY
# ส่งออกติดลบ 6%YoY นำโดยสินค้าเกษตร ประมง ปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ (หดตัวราว 20-25%YoY) ซึ่งเป็นผลจากราคาส่งออกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สินค้าส่งออกที่ยังเติบโตได้เล็กน้อย คือ เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า โลหะและเหล็ก แต่เกินดุลการค้าและเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจากนำเข้าลดลงมากและรายได้จากบริการอยุ่ในเกณฑ์ดี (ราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือนในช่วงม.ค.-ก.พ.58
# เสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี เงินฟ้อทั่วไปต่ำ (-0.52%) เงินเฟ้อพื้นฐานปกติ (+1.45%YoY) อัตราการว่างงาน 0.8% มีสำรองเงินตราต่างประเทศเป็น 2.9 เท่าของหนี้ระยะสั้น
+ ราคาไก่เริ่มขยับขึ้น ล่าสุดราคาไก่หน้าฟาร์มปรับขึ้นเป็น 37-38 บาท/กก. จากเดือนก่อนหน้าที่ 35-36 บาท/กก. และคาดว่าจะทรงตัวในระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง สำหรับราคาส่งออกกระเตื้องขึ้นจากปลายปีก่อนที่ถูกต่อรองราคาจากยุโรปมาก โดยราคาปรับขึ้นมาราว 5-7% (+300 เหรียญต่อตัน) แต่ปริมาณส่งออกใน 1Q58 จะลดลง QoQ ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล
ความเห็น Retail Research : เป็นข่าวบวกในระยะสั้นกับธุรกิจไก่ส่งออก ทั้งนี้เราคาดว่าราคาไก่ในช่วง 2Q58 จะยังแกว่งตัว โดยราคาไก่หลังสงกรานต์อาจจะอ่อนลงแต่ไม่น่าจะลงไปต่ำกว่า 35 บาท/กก. เรียกได้ว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไประดับ 41-42 บาท/กก.ในช่วง 2H58 เพราะราคาไก่ในประเทศที่ลดลงช่วง 1H58 ทำให้มีการเลี้ยงไก่น้อยลง ขณะที่สหฟาร์มไม่ได้ผลิตเพิ่ม โดยคงอยู่ที่ 4 แสนตัว/วัน ประกอบการไตรมาส 3 เป็น High Season ของการส่งออก หุ้นเด่นในกลุ่มเป็น GFPT ให้ราคาพื้นฐาน 14 บาท และ CPF ราคาพื้นฐาน 27 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]