- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 March 2015 15:58
- Hits: 1051
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Window Dressing
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX มีความพยายามที่จะเกิด Technical Rebound ขึ้นทดสอบ 1,500 จุด ผลักดันด้วยกับหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK / BBL / BAY เป็นต้น รวมถึงหุ้นหลักตัวอื่นๆ ช่วยประคองภาพ SET INDEX แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะเบาบางเพียง 33,356 ล้านบาท และปิดสิ้นวัน SET INDEX เท่ากับ 1,495.22 จุด ลบเล็กน้อย 1.19 จุด
ด้านนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,047 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,994 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ 3,555 ล้านบาท น่าจะเป็นการโยกเงินจากตลาดหุ้นเข้าตลาดตราสารหนี้เพื่อพักเงิน
ปัจจัยสำคัญวันนี้
เม็ดเงินจากการปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ คาดราว 2-3 พันล้านบาท
ตัวเลข GDP ใน 4Q57 ของสหรัฐฯ 2.2% qoq ต่ำกว่าคาดที่ 2.4% qoq
ติดตามแผนการปฎิรูปการคลังของกรีซที่จะเสนอต่ออียูในวันนี้
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 7 พร้อมประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,490-1,505 จุด และมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท เพียงแต่เข้าสู่โค้งสุดท้ายของ Window Dressing ทำให้หุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร / ICT มีแนวโน้มทรงตัวถึงขยับขึ้น
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX ปรับฐานลงหลุดแนว US$50/barrel อีกครั้ง จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด สถานการณ์ในเยเมนเป็นกลาง ทำให้กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันต่ำ อย่าง สายการบินที่น่าจะชดเชยกับความเสี่ยงของ ICAO กลุ่มโรงแรม / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จะได้ประโยชน์ทางอ้อม
นอกจากนี้เม็ดเงินใหม่จากการทยอยปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ราว 3-4 พันล้านบาทในช่วงนี้ เชื่อว่าจะสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกในหุ้นขนาดกลางได้มากขึ้น แต่เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยในปลายสัปดาห์นี้ต่อเนื่องไปอีก 2 สัปดาห์ ทำให้ปัจจัยดังกล่าว เป็นเพียงการเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว โดยเน้นหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 1Q58 จะเติบโตโดดเด่น น่าจะเป็นเป้าหมายของเม็ดเงินกองทุนทริกเกอร์ฟันด์รอบนี้
ตลาด Nikkei (7.24 น.) เปิดลบเล็กน้อย หลังตัวเลขผลผลิตภาคอุตฯ เดือนก.พ.ของญี่ปุ่นหดตัวแรงกว่าคาด ขณะที่ Kospi เปิดบวกเล็กน้อย
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่เก็งกำไรหุ้นรายตัว อาจใช้เกณฑ์ผลตอบแทนจากการลงทุนราว 5-10% เป็นการตัดสินใจขายทำกำไรเช่นเดิม ขณะที่หุ้นเป้าหมายปรับฐานลงแรง ก็กลายเป็นจังหวะของการเข้าสะสมเก็งกำไรรอบสั้นเช่นกัน" หรือ "ขึ้นแรงขาย / ลงแรงซื้อ" เช่นเดิม
Portfolio
Top Pick in 2Q15: ITD / TASCO / TPIPL/ WHA
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: SAMART / TASCO
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TASCO : ราคาปิด 100.50 บาท ราคาเหมาะสม 120.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Catalyst รออยู่ เนื่องจากจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติแตกพาร์จาก 10.00 บาท เป็น 1.00 บาท ในวันที่ 7 เม.ย.
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ลดง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตยางมะตอย ขณะที่ราคาขายยางมะตอยปรับตัวลงในอัตราที่ช้ากว่าต้นทุนที่ลดลง จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2558 ให้เร่งตัวขึ้น
c) ประเมินเบื้องต้น คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q58 จะเติบโต qoq เป็น 550 - 600 ล้านบาท และเป็นระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสของบริษัทอีกครั้งต่อเนื่องจาก 4Q57 ที่ผ่านมา
d) Valuation น่าสนใจ เนื่องจากซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 10.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 15.3 เท่า และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +24.8% yoy เป็น 1,500 ล้านบาท
2. SAMART : ราคาปิด 30.00 บาท ราคาเหมาะสม 43.00 บาท
a) ราคาหุ้นเคลื่อนไหว Underperform ตลาดมากใน 1Q58 โดยราคาหุ้น SAMART -23.5% QTD เทียบกับ SET ICT -4.2% และ SET INDEX -0.2%
b) ดังนั้น จึงคาดว่าจะได้ประโยชน์จากแรงประคองของ Window Dressing เนื่องจากกองทุนในประเทศถือครองหุ้น SAMART ในสัดส่วนสูง
c) คาดกำไรสุทธิขยายตัวโดดเด่นใน 2H58 จากการเริ่มรับรู้รายได้โครงการ APPS ของ SAMTETL ตั้งแต่ 3Q58 เป็นต้นไป และคาดาว่าจะผลักดันให้กำไรสุทธิของ SAMART ทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
d) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัว +20.3% yoy เป็น 1,783 ล้านบาท และมี Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการคือโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในกัมพูชาที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 2H58
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$701 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิUS$158 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติโยกเงินจากตลาดหุ้น เข้าพักในตลาดตราสารหนี้
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,047 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 3,942 ล้านบาท และทำให้ YTD ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 9,560 ล้านบาท
กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1,994 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 6,325 สัญญา และเทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 3,272 สัญญา น่าจะปิดสภานะ Long ส่วนที่เปิดถือสถานะบางส่วนก่อนหน้า แม้ว่า S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็น 11.53 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างเท่ากับ 14.32 จุด
ขณะที่นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง 3,555 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการโยกเงินจากตลาดหุ้นเป็นตลาดตราสารหนี้ เพื่อรอความชัดเจน แม้ว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 5 โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีก 0.54bps ปิดที่ 2.6944%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 493 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 764 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีกเล็กน้อย แต่เป็นการกลับมาสะสมกลุ่มธนาคารหนาแน่นอีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเหลือเพียง 92 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 2,520 ล้านบาท โดยเป็นการกลับมาสะสมหุ้นกลุ่มธนาคารหนาแน่นอีกครั้ง อาจเป็นผลของ Window Dressin อีกครั้ง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารกลับถูกซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 382 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 887 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 246 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 168 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 54 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 404 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 191 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 112 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด
GDP ใน 4Q57 เติบโต 2.2% qoq ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.4% qoq เท่ากับรอบก่อนหน้าที่ 2.2% qoq โดยการปรับตัวเลขสต็อกสินค้าปรับลงเป็น -0.10% qoq จากเดิมที่คาด 0.12% qoq
ดัชนี Consumer Sentiment เดือนมี.ค. เท่ากับ 93.0 จุด สูงกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 92.1 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 91.2 จุด เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกทั้งสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มอนาคต
ประธานเฟดยืนยันอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นในปีนี้: พร้อมให้ภาพความระมัดระวัง หากเกิดผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปใน 2-3 ปีข้างหน้าก็ได้ ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง
ยุโรป
ยอดค้าปลีกในอังกฤษเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด: ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% mom ในเดือนก.พ. สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom และถือเป็นเดือนที่ 5 ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น
ธนาคารกลางจีนเตือนเศรษฐกิจเติบโตต่ำ อาจต้องมีมาตรการเพิ่ม: ประธานธนาคารกลางจีน ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องกำหนดขอบเขตการรับมือ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง จนอาจเกิดภาวะเงินฝืดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จีนมีช่องว่างมากพอที่จะเพิ่มมาตรการ ทั้งด้านดอกเบี้ยและมาตรการทางปริมาณ (Quantitative)
จีน
อังกฤษ และ สวิสฯ สนับสนุนการตั้งธนาคารเอเชีย: อังกฤษ และ สวิสเซอร์แลนด์ สนับสนุนการเป็นสมาชิกก่อสร้างธนาคาร Asian Infrastructure Investment bank (AIIB) หลัง บราซิล รับในการเชิญ 1 วัน นอกจากนี้ ออสเตรียเตรียมที่จะเข้าร่วมในคำเชิญดังกล่าวเช่นกัน
เอเชียแปซิฟิก
ผลผลิตภาคอุตฯ ของญี่ปุ่นออกมาต่ำกว่าคาด: เดือนก.พ. ลดลง 3.4% yoy จากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.7% yoy และหดตัวลงแรงกว่าที่ Bloomberg consensus คาดที่ -1.9% yoy
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530