WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)

 

Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1490 แนวต้าน 1515
  ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1496.41 จุด ลดลง 16.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,124 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญ 1500 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง จึงทำให้การปรับตัวลดลงต่อเนื่องน่าจะอยู่ในกรอบแคบจำกัด และมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น
  Weekly : ปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงต่อเนื่องลงไปทดสอบแนวรับสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวรายสัปดาห์ที่บริเวณ 1480-1500 จุด ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงของ SET Index ในระยะสั้นน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1515 และ 1525-1530 จุด ถ้ามีการดีดกลับเกิดขึ้นที่บริเวณ 1500 จุดขึ้นไป โครงสร้างในระยะยาวยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
  กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูงมาก ทำให้แนวโน้มในระยะสั้น สามารถคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1500 จุดได้ และมีแนวต้านสำคัญการฟื้นตัวที่ 1515 และ 1525-1530 จุดเป็นแนวต้านสำคัญ ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะเป็นสัญญาณสิ้นสุดการปรับฐาน

Asia Fund Flow : 26 มีนาคม 2558
  ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 92 ล้านเหรียญ (27 มี.ค.)
  ตลาดหุ้นไต้หวัน ขายสุทธิ 349 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 25 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิ 35 ล้านเหรียญ
  ตลาดหุ้นไทย ขายสุทธิ 37 ล้านเหรียญ

Most Active Value : แนวรับ แนวต้าน
JAS แนวรับสำคัญ 5.50 เป็นจังหวะซื้อเก็งกำไร แนวต้าน 6.00-6.10 5.60 / 5.50 5.80 / 6.00
PTT แนวรับ 325 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 335 และ 340 325 / 324 330 / 334
PTTEP สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 115 และ 120 111 / 110 114 / 115
BBL แนวรับ 177-178 แนวต้าน 185 178 / 177 182 / 184
TRUE แนวรับ 12.00 แนวต้าน 12.40 12.00 / 11.80 12.40 / 12.50
ADVANC ซื้อที่แนวรับสำคัญ 235 และ 230 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 250 236 / 235 238 / 240
KBANK ซื้อที่แนวรับ 224 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 230 และ 235 224 / 222 227 / 228
SCC ซื้อที่แนวรับ 516 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 530 และ 540 516 / 514 520 / 524
IRPC แนวต้าน 4.30 และ 4.40 แนวรับ 4.00 4.08 / 4.00 4.24 / 4.30
PLAT ซื้อที่แนวรับ 5.80-5.90 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 6.20 5.90 / 5.80 6.00 / 6.15

The Siam Cement (SCC TB; THB 516.00) - ซื้อ
  แนวต้าน : 530 และ 540
  แนวรับ : 516 และ 514
  ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงลงไปทดสอบแนวรับสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม ซึ่งเราคาดว่า ราคาหุ้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50
  แนะนำซื้อ SCC โดยมีแนวรับที่ 516 และ 514 และมีแนวต้านที่ 530 และ 540 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 510 ลงไป

Bangkok Airways (BA TB; THB 19.90) - ซื้อ
  แนวต้าน : 21.00 และ 21.40
  แนวรับ : 19.80 และ 19.60
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
  แนะนำซื้อ BA โดยมีแนวรับที่ 19.80 และ 19.60 และมีแนวต้านที่ 21.00 และ 21.40 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 19.30 ลงไป

Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]

บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)

SET...หลุด 1,500 จุด เปิดโอกาสเข้าซื้อใหม่อีกครั้ง
  หลังจากที่ดัชนีสามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุด มาได้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ดัชนีก็ปิดปรับตัวลงไปต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญที่ 1,500 จุด โดยปิดลดลง 16.39 จุดหรือ -1.08% ปิดที่ 1,496.41 จุด (เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน) ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ยังคงเบาบาง 35,124 ล้านบาท โดยตั้งแต่เปิดตลาดดัชนีอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพลังงาน +0.72% และกลุ่มปิโตรเคมี +0.19% ตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นแรงแต่ก็ไม่สามารถพยุงดัชนีให้ยืนเหนือ 1,500 จุดได้เนื่องจากมีแรงขายออกมามากในหุ้นกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร -1.16% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -3.36% กลุ่มอสังหา -1.46% และกลุ่ม ICT -1.78% ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนผิดหวังตัวเลขการส่งออกเดือนก.พ. ที่ออกมา -6.1% แย่กว่าที่ตลาดคาดที่ -3.2% และต่ำกว่าเดือนม.ค. ที่ -3.46% จากที่ก่อนหน้านี้ก็ผิดหวังผลประกอบการไตรมาส 4/57 และมีการปรับประมาณการผลกำไรของตลาดและดัชนีเป้าหมายลงมากันก่อนหน้านี้แล้ว โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างประเทศเป็นฝ่ายขายสุทธิไป 1,193 ล้านบาท (เป็นการขายติดต่อกัน 3 วันรวม 2,890 ล้านบาท) แต่นับจากต้นเดือนยังซื้อสุทธิอยู่ 2,685 ล้านบาท
  เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งตลาดสหรัฐและยุโรปยังคงปรับตัวลดลงแต่ไม่มากนักหลังวันก่อนปรับตัวลงแรง โดยได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ได้เปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธฮูตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน และกาตาร์ ที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะร่วมมือในปฏิบัติการปกป้องเยเมนจากกลุ่มกบฏฮูตี อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 21 มี.ค. ปรับตัวลง 9,000 ราย แตะ 282,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 290,000 ราย นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ด้านมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 58.6 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 57.1 ในเดือนก.พ.
  การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีอาจเป็นสัญญาณเตือนในอนาคตว่าตลาดอาจกลับมากังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. นี้ได้อีกครั้ง โดยในคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP Annualized ของสหรัฐ โดยตลาดคาด +2.4% จากกาประเมินครั้งก่อนหน้าที่ +2.2% หาก GDP ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดก็น่าจะเปิดโอกาสให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วกกว่าคาดได้ (หลังจากที่ผลการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดในวันที่ 17-18 มี.ค. นักลงทุนส่วนใหญ่ตีความว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แต่จะไปปรับขึ้นในเดือนก.ย. แทน)
  ในขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงและค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี แต่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กลับมีราคาปรับขึ้นคึกคักสวนทางตลาดหุ้นจากประเด็นความกังวลสถานการณ์ความรุนแรงในเยเมน ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและน้ำมัน โดยราคาทองคำเมื่อคืนนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์/ออนซ์หรือ +0.65% ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +4.5% มาปิดที่ 51.43 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสถานการณ์ตึงเครียดในเยเมนที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางลำเลียงน้ำมันดิบ เนื่องจากเยเมนมีชายแดนติดกับซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มโอเปกด้วยกำลังการผลิต ณ เดือนก.พ. ที่ 9.85 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็นประมาณ 11% ของกำลังการผลิตรวมของโลก
  จากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นติดต่อกันกว่า 14% ในรอบ 8 วัน ทำให้เราประเมินว่าหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่าง PTT PTTEP TOP PTTGC BANPU IVL BCP IRPC SGP จะมีการรีบาวน์ขึ้นต่อเนื่องได้ในวันนี้ โดยเมื่อวานนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีก็มีการปรับขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้วนำโดย PTTEP +5.2% SGP +2.6% PTTGC +1.4% โดยหากพิจารณาหุ้นในกลุ่มที่ปรับขึ้นจากน้อยไปหามากในช่วง 8 วันที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดที่ 43.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ประกอบไปด้วย TOP (-2.4%), BCP (-1.5%) PTTGC (+0.9%) SGP (+1.7%) PTT (+2.2%) BANPU (+2.7%) IRPC (+7.2%) PTTEP (+8.3%) และ IVL (+9.1%) ในขณะที่กลุ่มพลังงานปรับขึ้น +2.4% ดังนั้นวันนี้เราคาดว่าจะเห็นแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ราคายังคง laggard ราคาน้ำมันดิบและกลุ่มพลังงานอยู่มากอย่าง TOP BCP PTTGC และ SGP
  กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้เรายังคงเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (โดยเน้นหุ้นที่ยัง laggard อยู่อย่าง TOP BCP PTTGC SGP) จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันต่อเนื่องกว่า 14% ใน 1 สัปดาห์และกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานไตรมาส 1/57 ออกมาดีตามอัตราการเข้าพักปีนี้ที่คาดว่าจะแตะ 80% เทียบปีก่อนที่ 60-65% จากแรงหนุนของนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นมากและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น 14% เป็น 28 ล้านคนจากปีก่อนที่ 24.7 ล้านคน นอกจากนั้นเรายังคงแนะนำ short หุ้นที่เสียประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบอย่าง AAV BA NOK THAI SCC TASCO ITD CK STEC วันนี้เราให้แนวรับที่ 1480-1490 และแนวต้านที่ 1500-1510 จุด

Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected] 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!