- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 March 2015 16:38
- Hits: 1392
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Time To Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดปรับฐานลงทดสอบแนว 1,500 จุด กดดันด้วยกลุ่มธนาคาร ได้แก่ KBANK / SCB รวมถึง ADVANC / SCC แม้ว่าจะมีความพยายามของการเกิด Technical Rebound ในหุ้นขนาดกลาง ITD / TPIPL / IRPC ช่วยภาพรวมของตลาดได้อย่างจำกัด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,514.45 จุด ลบ 5.56 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 46,645 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 390 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 4,536 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 1,400 ล้านบาท สะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางต่อการลงทุนในไทยต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญวันนี้
การเปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของ UOBAM วงเงิน 3.0 พันล้านบาท ระหว่างวันที่ 25-27 มี.ค. ส่วนของ บลจ.ธนชาติ ปิดการขาย IPO วานนี้ ด้วยวงเงิน 1.0 พันล้านบาท
ADB ลดเป้าหมาย GDP ไทยปีนี้ลงเหลือ 3.6% จากเดิม 3.9% เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกช้ากว่าคาด รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ ธปท.ก่อนหน้า จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อภาพการลงทุน
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 4 หลังหุ้น High Beta อย่าง IFEC / ITD / TPIPL เริ่มเห็นการฟื้นตัว หลังจากปรับฐานลงแรงกว่า 10% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นดังกล่าวยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาทำให้เกิด Upside gain ที่กว้างมากขึ้น อีกทั้งผู้ที่ลงทุนผ่าน Put Options ใน DW ของหุ้นเหล่านี้ จะต้องรีบขายทำกำไร หากกลับมาลงทุน/ เก็งกำไรในด้าน Call Options ย่อมเป็นตัวเร่งต่อการฟื้นตัวของหุ้นอ้างอิงได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่ำกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท/วัน บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่เป็นกลาง ย่อมทำให้การฟื้นตัวของ SET INDEX ยังเป็นไปอย่างจำกัด อีกทั้งปัจจัยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขาดความชัดเจน
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ในช่วงนี้ไว้คงเดิมระหว่าง 1,500/10 - 1,540/50 จุด การลงทุนจึงยังต้องเน้นเป็นรายตัวมากกว่าภาพรวมของ SET INDEX
ทั้งนี้ จับตาหุ้น High Beta ที่ปรับตัวลงมาแรง อาจกลายเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ทยอยปิดการขาย IPO วานนี้ และสุดสัปดาห์นี้ เราเชื่อว่า หากหุ้น High Beta ทั้งหลายเริ่มฟื้นตัว เช่น IFEC/ IRPC / ITD / TPIPL / TRUE อาจเป็นตัวช่วยให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมกลับมาเป็นกลางถึงบวกได้ ส่งผลบวกต่อมูลค่าการซื้อขายให้ฟื้นตัวในที่สุด
ตลาด Nikkei - Kospi (7.15 น.) เปิดบวก เล็กน้อย แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดลบกว่า 100 จุดก็ตาม แต่ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กลับมาแข็งค่า เป็นบวกต่อภาคการส่งออกในเอเชีย
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจพิจารณาถือพอร์ตเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อรอขายทำกำไรในช่วงที่เริ่มทำ Window Dressing หรือใช้ผลตอบแทนจากการลงทุนรอบสั้นราว 5-10% เป็นตัวกำหนดกลยุทธ์การลงทุน"
Portfolio
Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: IFEC / ITD
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. IFEC : ราคาปิด 12.10 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 บาท
a) IFEC จะมา Roadshow กับ MBKET ในวันพรุ่งนี้ และคาดว่านักลงทุนจะตอบรับเชิงบวกหลังได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทต่อพัฒนาการในทุกส่วนธุรกิจ
b) โครงการโรงไฟฟ้าพลังลมแห่งแรกจำนวน 10 MW ที่ปากพนัง จะเริ่ม COD ในเดือน พ.ค. และเชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตลาดต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมของ IFEC
c) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีความพร้อมต่อการลงทุน โดยมีเงินสดและกระแสเงินสดสูงถึง 3.5 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +528% yoy เป็น 459 ล้านบาท และต่อเนื่อง +282% yoy เป็น 1,753 ล้านบาท ในปี 2559
d) การปรับตัวลงของราคาหุ้นส่งผลให้ Valuation มีความตึงตัวลดลง โดยซื้อขายที่ระดับ PER 2558 ที่ 50.4 เท่า และลดลงเหลือเพียง 13.4 เท่า ในปี 2559 คงคำแนะนำซื้อ และให้เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน
2. ITD : ราคาปิด 7.10 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET เชื่อว่าราคาหุ้น ITD ที่ปรับตัวลง -21.1% ตั้งแต่ติด Trading Alert ในวันที่ 13 มี.ค. มีโอกาสที่จะเป็นเป้าหมายในการเข้าลงทุนของ Trigger Fund ที่อยู่ระหว่างเปิดขายหน่วยลงทุนในสัปดาห์นี้รวมราว 3-4 พันล้านบาท เนื่องจากเป็นหุ้นลักษณะ High Beta
b) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ 8.50 บาท จึงมี Downside Risk ที่ค่อนข้างจำกัด
c) ปัจจัยบวกระยะสั้น คือการลงนามเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ในวันที่ 3 เม.ย. โดย ITD เป็นผู้ชนะสัญญาที่ 1 ซึ่งมีขนาดสัญญาใหญ่สุด มูลค่า 1.52 หมื่นล้านบาท
d) คาดใบประทานบัตรเหมืองแร่โปรแตซที่อุดรธานีจะมีความคืบหน้าใน 2Q58 และเป็น Catalyst ที่มีนัยสำคัญต่อราคาหุ้น
e) มี Upside ถึง 69% จากราคาเหมาะสมที่ 12.00 บาท โดยวิธี Sum of the part ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 8.50 บาท, นิคมอุตสาหกรรมทวาย 1.50 บาท และเหมืองโปรแตซ 2.00 บาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ US$35 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$175 ล้าน ทั้งนี้เป็นการขายสุทธิทุกตลาด ยกเว้น KOSPI ที่ซื้อสุทธิตลาดเดียว
Foreign Investors Action วานนี้
การลงทุนของต่างชาติเป็นกลาง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 390 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 6,009 ล้านบาท
แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 4,536 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 3,272 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมดและกลับมาถือสถานะ Long อีกเล็กน้อย เมื่อ S50M15 ปิดหลุดแนว 1,000 จุด และ Discount จาก SET50 Index เท่ากับ 8.32 จุด กว้างมากพอที่จะเปิด Long สุทธิ
และคงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 1,400 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 5,606 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยทรงตัว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเพียง 0.05bps ปิดที่ 2.733%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 662 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 606 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิ 171 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการ่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,990 ล้านบาท เป็นการปรับน้ำหนักการลงทุนระหว่างกลุ่มหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารที่ถูกลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 155 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 472 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทธิ 95 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 241 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 204 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 43 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 201 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ประธานเฟดสาขา San Francisco คาดการหารือเรื่องดอกเบี้ยจะเป็นช่วงกลางปี: ถึงแม้ว่านาย John Willams จะปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้ลง เหลือ 2.5% จากประมาณการเดิมที่คาดต่ำกว่า 3.0% เพราะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะช่วยผลักให้ค่าแรงและราคาขยับขึ้น รวมถึงเงินเฟ้อให้กลับไปสู่เป้าหมายที่ 2.0% ดังนั้น การหารือเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดในส่วนของยอดขายบ้านใหม่
อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 0.2% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด และฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.7% mom ทั้งนี้ราคาพลังงานเพิ่มขึ้น 1.0% mom หลังจากที่หดตัวลงแรง 9.7% mom ในเดือนม.ค.
ดัชนีราคาบ้าน เดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.5% mom และเดือนก่อนหน้าที่ 0.7% mom โดย 6 เขตรายงานราคาเพิ่มขึ้น และ 3 เขตรายงานราคาลดลง
ดัชนี Flash PMI ภาคการผลิต เดือนมี.ค. เท่ากับ 55.3 จุด สูงกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 54.7 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 54.3 จุด ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
ยอดขายบ้านใหม่ เดือนก.พ. เท่ากับ 5.39 แสนหลัง ดีกว่าที่ Bloomberg consensus คาดที่ 4.62 แสนหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 5.00 แสนหลัง
ยุโรป
ดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการของฝรั่งเศสยังไม่ฟื้นตัว: ดัชนีเบื้องต้นเดือนมี.ค. เท่ากับ 51.7 จุด ลดลงจากเดือนก.พ.ที่ 52.2 จุด ส่วน PMI ภาคการผลิตเท่ากับ 48.2 จุด จากเดือนก.พ. 47.6 จุด ภาคบริการลดลงเป็น 52.8 จุด จาก 53.4 จุด ขณะที่ภาคการผลิตอยู่ในระดับต่ำกว่า 50.0 จุด ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฝรั่งเศสเป็นไปอย่างล่าช้า
อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษทำระดับต่ำสุดใหม่: เท่ากับ 0.1% yoy ในเดือนก.พ. ลดลงจากเดือนม.ค.ที่ 0.3% yoy
ECB จำกัดธนาคารพาณิชย์กรีซในการถือครองพันธบัตรกรีซ: โดยห้ามไม่ให้ธนาคารพาณิชย์กรีซเพิ่มสัดส่วนการถือพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาล เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นำเงินช่วยเหลือจากทาง ECB เข้าช่วยเหลือรัฐบาลกรีซทางอ้อม สร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลกรีซในการเสนอแผนปฎิรูปเศรษฐกิจ และเงื่อนไขการเข้ารับความช่วยเหลือจาก Troika ซึ่งรัฐบาลกรีซจะเสนอแผนในวันจันทร์ที่ 30 มี.ค.
Moody's ลดอันดับความน่าเชื่อถือของยูเครนลงอีก: อันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ Ca พร้อมคงแนวโน้ม "ลบ" ต่อเนื่อง เนื่องจากภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะต้องรับผิดชอบความเสียหายอย่างมาก จากการปรับโครงสร้างของรัฐบาล
จีน
จีนเตรียมปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ในปักกิ่ง: ปักกิ่งเตรียมปิดโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาดใหญ่ 4 แห่งในปี 2559 กำลังการผลิตรวม 845 เมกกะวัตต์ ทั้งนี้กำลังการผลิตที่หายไปจะถูกชดเชยด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 โรง กำลังการผลิต 2.6 เท่าของกำลังการผลิตด้วยถ่านหิน
ดัชนี HSBC PMI ภาคการผลิตลดลงเป็นเดือนที่ 11: เดือนมี.ค. เท่ากับ 49.2 จุด จากเดือนก.พ.ที่ 50.7 จุด และต่ำกว่า Reuters Consensus คาดที่ 50.6 จุด ทั้งนี้คำสั่งซื้อใหม่ยังคงไม่ฟื้นตัว เท่ากับ 49.3 จุด เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่งซื้อใหม่ของภาคการส่งออกที่หดตัว 2 เดือนติดต่อกัน
เอเชียแปซิฟิก
เศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโตต่ำกว่าที่ประเมินเบื้องต้น: ขยายตัว 0.3% qoq ใน 4Q57 เทียบกับตัวเลขการประเมินครั้งที่แล้วเติบโต 0.4% qoq ทั้งนี้การใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 0.2% qoq, การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.5% qoq ขณะที่การก่อสร้างหดตัว 7.8% qoq ทำให้ในปี 2557 เศรษฐกิจของสิงคโปร์เติบโต 3.3% เร่งตัวจากในปี 2556 ที่ 2.9%
ไทย
ADB หั่นเป้า GDP ไทยจาก 3.9% เป็น 3.6%: ADB ได้ปรับประมาณการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลดลงอยู่ที่3.6% จากเดิมที่ 3.9% ถือเป็นระดับเกือบต่ำที่สุดในอาเซียน เนื่องจากการส่งออกและการใช้จ่ายภายในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ADB ประเมินว่า จะมาจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก รองลงมาคือการท่องเที่ยว ส่วนการส่งออกสินค้าปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 1-2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ส่วนการบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวในระดับต่ำ เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.2%ส่วนอัตราเงินเฟ้อแต่ละเดือนคาดว่าจะยังคงติดลบต่อเนื่องไปอีก 2-3 เดือน จากราคาน้ำมันลดลงเป็นสำคัญ
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530