WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Time To Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แม้ว่าจะมีความพยายามในการฟื้นตัวสอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย จะเห็นได้จากหุ้นหลักอย่าง SCC / PTT / AOT ขยับขึ้นเด่น แต่หุ้นขนาดกลางที่ติดบัญชีแคชบาลานซ์ อย่าง IFEC / ITD / TPIPL ที่ปรับตัวลงแรง กลายเป็นปัจจัยกดดันจิตวิทยาการลงทุนโดยรวม ส่งผลให้ SET INDEX ย่อตัวลงมาปิดลบอีก 9.95 จุด มาอยู่ที่ 1,520.01 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 35,768 ล้านบาท
ขณะที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 442 ล้านบาท ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 3,243 ล้านบาท ด้าน SET50 Index Futures คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 1,187 สัญญา เพราะ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เพียง 1.93 จุดเท่านั้น

ปัจจัยสำคัญวันนี้
รัฐบาลเตรียมเลื่อนขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หลังภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้ากว่าคาด
ติดตามการประชุม ครม.สัญจรที่หัวหิน วันนี้
การเจรจาระหว่างกรีซ และ เยอรมัน ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ภาพรวมเป็นไปอย่างประนีประนอม

มุมมองต่อตลาด
     เราคงมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันที่ 3 ทั้งนี้เราให้นักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดกลางที่เป็น High Beta อย่าง ITD / TPIPL ร่วมกับการเคลื่อนไหวของ Derivatives Warrant ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงดังกล่าว เพราะหากราคาหุ้นขนาดกลางเริ่มทรงตัวได้ เหมือนเช่นหุ้นขนาดใหญ่ อย่าง PTT / AOT / KBANK / ADVANC ย่อมทำให้ภาพการลงทุนในวันนี้แกว่งในกรอบแคบมากยิ่งขึ้น แนวรับ 1,510/15 - 1,530/35 จุด
     อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ไม่ถึง 5.0 หมื่นล้านบาท/วัน ย่อมเป็นสัญญาณถึงความเปราะบางของจิตวิทยาการลงทุน และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งนำไปสู่ความผันผวนของภาพรวม SET INDEX แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นกลาง รวมถึงปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัวที่มีความผันผวนสูง
     ขณะที่ กระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในไทยกลับเป็นกลาง แม้ว่า SET INDEX ณ ปัจจุบันจะไม่ถูก ไม่แพง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 1Yr Forward PER ของตลาดหุ้นไทย ด้วยกรอบ 1SD +/- แต่ความน่าสนใจของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้เลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่าจะมองภาพรวมของตลาดหุ้นไทย ทำให้ยอดซื้อสุทธิไม่โดดเด่น แต่แรงกดดันจากการลดน้ำหนักของนักลงทุนกลุ่มนี้ก็เป็นไปอย่างจำกัดแล้วเช่นกัน ยอดขายสุทธิสะสมนับตั้งแต่ปี 2556 ถึงวานนี้ สูงถึง 2.37 แสนล้านบาท
ตลาด Nikkei - Kospi (7.31 น.) เปิดบวก - ลบ เพียงเล็กน้อย สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ที่ปิดลบเล็กน้อยเช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจพิจารณาถือพอร์ตเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อรอขายทำกำไรในช่วงที่เริ่มทำ Window Dressing หรือใช้ผลตอบแทนจากการลงทุนรอบสั้นราว 5-10% เป็นตัวกำหนดกลยุทธ์การลงทุน"

Portfolio
Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: IFEC / ITD

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. IFEC : ราคาปิด 11.90 บาท ราคาเหมาะสม 18.00 บาท
a) ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลง -15% มีความผันผวนสูง เนื่องจากติด Cash Balance และปัจจัยลบทางเทคนิคส่งผลให้นักลงทุนลดความเสี่ยง และชะลอการลงทุนลง
b) อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เกิดจากปัจจัยลบทางด้านปัจจัยพื้นฐาน หลังได้ Conference Call กับผู้บริหารระดับสูงของ IFEC เผยว่าแผนการพัฒนาโครงการต่างๆ และการเข้าซื้อกิจการยังเป็นไปตามปกติ
c) โครงการโรงไฟฟ้าพลังลมแห่งแรกจำนวน 10 MW ที่ปากพนัง จะเริ่ม COD ในเดือน พ.ค. และ MBKET เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตลาดต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมของ IFEC
d) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีความพร้อมต่อการลงทุน โดยมีเงินสดและกระแสเงินสดสูงถึง 3.5 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +528% yoy เป็น 459 ล้านบาท และต่อเนื่อง +282% yoy เป็น 1,753 ล้านบาท ในปี 2559
e) การปรับตัวลงของราคาหุ้นส่งผลให้ Valuation มีความตึงตัวลดลง โดยซื้อขายที่ระดับ PER 2558 ที่ 50.3 เท่า และลดลงเหลือเพียง 13.2 เท่า ในปี 2559 คงคำแนะนำซื้อ และให้เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน
2. ITD : ราคาปิด 6.80 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -11.1% วานนี้ และลดลง -24.4% หลังติด Trading Alert ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.ทีผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นมีความผันผวนสูงกว่าปกติ
b) MBKET เชื่อว่าราคาหุ้นตอบรับเชิงลบมากเกินไป และซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ 8.50 บาทแล้ว
c) ปัจจัยบวกระยะสั้น คือการลงนามเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ในวันที่ 3 เม.ย. โดย ITD เป็นผู้ชนะสัญญาที่ 1 ซึ่งมีขนาดสัญญาใหญ่สุด มูลค่า 1.52 หมื่นล้านบาท
d) คาดใบประทานบัตรเหมืองแร่โปรแตซที่อุดรธานีจะมีความคืบหน้าใน 2Q58 และเป็น Catalyst ที่มีนัยสำคัญต่อราคาหุ้น
e) มี Upside ถึง 76% จากราคาเหมาะสมของเราที่ 12.00 บาท โดยวิธี Sum of the part ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 8.50 บาท, นิคมอุตสาหกรรมทวาย 1.50 บาท และเหมืองโปรแตซ 2.00 บาท

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง US$175 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$31 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
การลงทุนของต่างชาติเป็นกลาง
      นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 442 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเป็น 5,619 ล้านบาท
คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,187 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 3,272 สัญญา เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 13,626 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 8,925 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง เมื่อ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เหลือเพียง 1.93 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 3.57 จุด ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิ 25,161 สัญญา
และคงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 3,243 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,206 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้นเล็กน้อย ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 0.65bps ปิดที่ 2.7335%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเล็กน้อย เป็น 606 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 618 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 เพียงเล็กน้อย
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิลดลงเหลือเพียง 32 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,491 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,990 ล้านบาท โดยกลับมาขายสุทธิกลุ่มธนาคารหนาแน่นอีกครั้ง สรุปผลภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารกลับมาถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 472 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,270 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 114 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 204 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 201 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 129 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 88 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
   รองประธานเฟดประเมินขึ้นดอกเบี้ยปลายปีนี้: นาย Fisher รองประธานเฟด กล่าวถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับใกล้ 0.0% อาจเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีนี้ และการทยอยปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อๆ ไปอาจไม่สามารถประมาณการได้ล่วงหน้า ขณะที่นาย Fisher กลับไม่กังวลถึงการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะการแข็งค่าสะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง และธนาคารกลางได้เข้าไปซื้อพันธบัตรในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ยุโรป
     ราคาพันธบัตรโปรตุเกสขยับขึ้นเด่น: หลัง ECB เริ่มโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. ส่งผลให้ราคาพันธบัตรโปรตุเกสขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรโปรตุเกสอายุ 10 ปี และเยอรมัน มีแนวโน้มแคบลงเหลือ 120bps ภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ ตามผลการสำรวจของ Bloomberg ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่โปรตุเกสจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนก.ย.หรือ ต.ค.
การเจรจาระหว่างกรีซ และ เยอรมัน เป็นไปอย่างประนีประนอม: ยืนยันที่ปัญหาของกรีซ ไม่ควรเปิดให้ต่างประเทศเข้ามาร่วมรับผิดชอบในปัญหา พร้อมกับยืนยันที่จะมีการปฎิรูปโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อแก้ไขปัญหาความล้มเหลวของระบบภาษีและคอรัปชั่น แต่กลับไม่มีการยืนยันถึงแนวทางการรัดเข็มขัดทางการคลัง

จีน
ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
     อัตราเงินเฟ้อในสิงคโปร์ลดลงเป็นเดือนที่ 4: เท่ากับ 0.3% yoy ในเดือนก.พ. เป็นการชะลอตัวต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ 2H52 ทั้งนี้ทางการสิงคโปร์คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในไต้หวันชะลอตัวลง: เพิ่มขึ้น 3.32% yoy ในเดือน ก.พ. ลดลงจากเดือน ม.ค.ที่ขยายตัว 7.58% yoy เป็นผลจากช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ยังดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +1.65% yoy ทั้งนี้ผลผลิตอาหารเพิ่มขึ้น 8.94% yoy ขณะที่ปิโตรเคมีหดตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อีก 4.54% yoy

ไทย
      รมว.คลัง ลั่นไม่ถึงเวลาขึ้น VAT เดินหน้าเก็บภาษีบ้านรวมที่ดิน รมว.คลัง ระบุส่วนตัวเห็นว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาพิจารณาปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% หรือไม่ แต่ระหว่างนี้จะพิจารณาการอุดรูรั่วในการจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลัง ว่าทำได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน หากมีประสิทธิภาพเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องขึ้น VAT ส่วนการเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 58 ยอมรับอาจต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แม้ว่าตั้งเป้าหมายค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว แต่ไม่รู้สึกกังวล เพราะมั่นใจว่าจะมีการดึงเงินปันผลของรัฐวิสาหกิจเข้ามาเสริมได้ และยืนยันแนวคิดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากนโยบายการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำให้ได้ผลดีนั้น ต้องจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะจะเก็บรายได้ภาษีจากคนรวยที่มีทรัพย์สินมาใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าภาษีการรับมรดก โดยยังยึดหลักการจัดเก็บภาษี ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ดิน พร้อมที่อยู่อาศัย และที่ดินเพื่อการเกษตร จะได้รับการยกเว้นและดูแลอย่างมาก

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!