- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 March 2015 15:54
- Hits: 1661
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังผันผวน แต่คาดมีลุ้นแกว่งบวกต่อได้…
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังย้อนลงอีก แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนพอควร ทำให้คาดว่ายังมีลุ้นโอกาสแกว่งบวก เพื่อขึ้นไปแกว่งตัวในกรอบ 1560-1580 จุดได้ตามคาดอยู่ ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นเข้าซื้อแล้ว แนะนำให้เน้นถือเพื่อรอรอบรีบาวด์ในช่วงถัดไปก่อน ค่อยพิจารณาทำกำไรตามรอบสำหรับเทรดดิ้ง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TUF, AAV, BJCHI(short)
แนวโน้ม : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(20 มี.ค.) SET ยังปรับตัวลงต่อเนื่องอีกครั้ง แต่หลังจากไหลลงไปแล้วยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุน ทำให้ดัชนีพลิกกลับขึ้นมาปิดลบไม่มาก ขณะที่เช้านี้ยังมีแรงหนุนจากการปิดบวกได้ดีพอควรของตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ขานรับผลประชุมเฟดที่ระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือน เม.ย. นอกจากนี้ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นบวกในเช้าวันนี้ แม้ว่าแบงก์กลางจีนเปิดเผยในที่ประชุม China Development Forum ว่านโยบายการเงินของจีนจะยังคงเป็นลักษณะรัดกุมก็ตาม ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็ยังมีลุ้นโอกาสแกว่งบวกต่อเนื่องได้ หลังช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว และช่วงนี้ก็พอที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนตลาดได้ดีพอควรด้วย และแม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะมียอดซื้อ-ขายสลับกันอยู่ แต่ดูเหมือนว่าแรงขายจะเริ่มเบาบางลง ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอจังหวะทำกำไรในช่วงบวกได้เช่นเดิม
แนวรับ 1528-1525 , 1522-1517 จุด
แนวต้าน 1534-1536 , 1540-1545 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านกลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาค US$1,630 ล้าน จากที่ไหลออก US$1,037 ล้านในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนศุกร์ที่ผ่านยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ในปริมาณเบาบาง โดยต่างชาติซื้อสุทธิ เกาหลีใต้ US$261.8 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$13 ล้าน เวียดนาม US$9.9 ล้าน และไต้หวัน US$7.7 ล้าน ขณะที่ขายอินโดนีเซีย US$48.8 ล้าน และไทย US$12 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ธปท.ลด GDP ปีนี้ลงเหลือ 3.8% จาก 4% ที่ประมาณการเมื่อ ธ.ค. 2014 ปรับลง 0.2% เท่ากับก.คลังที่ปรับลงวันก่อน (จาก 4.1% เหลือ 3.9%) แม้เป็นการปรับลงเพียง 0.2% แต่ก็ปรับลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 โดยปรับการบริโภคภาคเอกชนลงเหลือ 2.4% (จาก 3.1%) การลงทุนภาคเอกชนเหลือ 3.1% (จาก 7.2%) การลงทุนภาครัฐเหลือ 8% (จาก 11%) ส่งออกเหลือ 0.8% (จาก 1%)
(-) งบลงทุน (17.5% ของวงเงินงบประมาณ) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ในช่วง 5 เดือนเศษของงบประมาณปี 2015 มีการเบิกจ่ายไปเพียง 18.6% ของงบประมาณทั้งหมด 4.49 แสนล้านบาท เราหวังว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ปลาย 2Q15 เพราะเริ่มมีความคืบหน้าในโครงการต่างๆ เช่นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือที่ ITD, STEC, UNIQ ชนะประมูลตั้งแต่ปลายปีก่อน จะเซ็นสัญญา 3 เม.ย. นี้ ส่วนรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-แก่งคอย วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทจะเปิดประมูลกลาง มิ.ย. เมื่อมีสัญญาณที่ดีจากการลงทุนภาครัฐ จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา และส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นในที่สุด
(0) FSS คาด EPS Growth ของตลาดปีนี้โต 32% Y-Y เป็น 102 บาท/หุ้น ปรับลง 5% จาก 108 บาท/หุ้น บนสมมติฐาน GDP ปีนี้โต 3.5% ตลาดปัจจุบันมี PE 15 เท่า เรายังเชื่อว่าเป้าดัชนี 1,650 จุด (PE 16 เท่า) ยังมีความเป็นไปได้ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ใน 1H15 ทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นช้าและความกังวล Fed ขึ้นดอกเบี้ยยังเป็นแรงกดดันสำคัญ กลุ่มน่าสนใจยังเป็นรับเหมา แบงก์ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และ ICT กลุ่มไม่น่าสนใจคือกลุ่มเกษตร ค้าปลีก พลังงานและปิโตรเคมี
(-) DTAC ยังไม่ฟื้น เราคาดกำไรปกติ 1Q15 จะยังลดลง 2% Q-Q และ 47% Y-Y จากรายได้ค่าบริการที่ยังไม่ฟื้นตัว แม้จำนวนลูกค้าจะเพิ่มขึ้นจากการทำโปรโมชั่นโดยลดราคาขายเครื่องโทรศัพท์มือถือ แต่คาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเครื่องติดลบสูงถึง 10% ขณะที่ค่าเสื่อมราคายังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการลงทุนพัฒนาคุณภาพโครงข่าย แนวโน้มกำไรใน 2Q15 จะยังลดลงจากปีก่อน เรายังคงคาดกำไรทั้งปีลดลง 4% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 84 บาท และยังคงแนะนำขาย เรายังคงชอบ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 300 บาท) มากที่สุดในกลุ่ม
(+) AAV แม้ราคาหุ้น AAV จะปรับขึ้น 33% YTD สวนทางสายการบินอื่นในตลาดฯ แต่ราคาหุ้นยังมี upside 20% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 6.90 บาท จึงคิดว่ายังน่าสนใจซื้อ นอกจากกำไรปีนี้ที่จะ turnaround แล้ว แนวโน้มระยะสั้นยังเป็นบวกต่อบริษัทเนื่องจาก 1Q เป็น peak season ของฤดูท่องเที่ยว ชาวจีนซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ AAV ยังคงเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น บริษัทได้เพิ่มเส้นทางบินและขยายกองบิน และราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ สำหรับประเด็นที่บพ.ไทย อาจถูกลดระดับมาตรฐานโดย ICAO ไม่กระทบบริษัทเพราะจีนได้สุ่มตรวจเมื่อต้นปีและไม่พบปัญหาใดกับมาตรฐานของ AAV
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างดีจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยตลาดยังตอบรับในเชิงบวกจากถ้อยคำแถลงของ FED ที่จะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน โดย FTSE ปรับตัวขึ้นทำ Record High
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส
ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแรงอีกครั้ง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.52-32.68 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 45.72 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1,184.60 ดอลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 15.60 เหรียญ/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหลัง FED ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16-25 มี.ค. - ไทย: ธนาคารพาณิชย์ประกาศยอดสินเชื่อเดือน ก.พ.
23 มี.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
24 มี.ค. - ไทย: PLAT เริ่มเทรด (ราคา IPO 7.40 บาท)
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (มี.ค.)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.), ยอดขายบ้านใหม่ (ก.พ.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
26 มี.ค. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
27 มี.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.พ.)
- สหรัฐ: 4Q14GDP (final) (ตลาดคาด 2.4% ดีขึ้นจากครั้งก่อนที่ 2.2%)
30 มี.ค. - สหรัฐ Pending home sales (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
31 มี.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ
- สหรัฐ: S&P/CaseShiller 20-City Index (ม.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research