- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 20 March 2015 17:41
- Hits: 1588
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ FTSE Rebalance
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ แม้ว่าจะเปิดบวกเด่นขึ้นทดสอบแนว 1,544 จุด +/- ผลักดันโดยหุ้นหลักอย่าง PTT / KBANK / AOT แต่ก็เกิดแรงขายทำกำไรมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงบ่าย กดดันให้บรรยากาศโดยรวมกลับมาอ่อนแออีกครั้ง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเพียง 0.63 จุด มาอยู่ที่ 1,532.13 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 38,593 ล้านบาท
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัว ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเพียง 791 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีก 460 สัญญา แต่กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง เพียง 340 ล้านบาท สะท้อนภาพรวมของกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นไปอย่างเบาบาง
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ผลของการปรับน้ำหนักดัชนี FTSE ณ ราคาปิด วันนี้ ทุกๆ การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น BAY 1 บาท จะมีผลต่อ SET INDEX ราว 0.78 จุด
ติดตามการปรับประมาณการเป้าหมายเศรษฐกิจปีนี้ของ ธปท. ปัจจุบัน คาดเติบโต 4.0% มีแนวโน้มปรับลงสู่ 3.5% ในความเห็นของเรา จากการปรับประมาณการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการเจรจาระหว่างกรีซ และ เจ้าหนี้ Troika ในช่วงสุดสัปดาห์ ต่อแนวทางการปฎิรูปการคลัง / เศรษฐกิจของกรีซ เพื่อนำไปสู่แผนช่วยเหลือทางการเงินชุดใหม่
ติดตามตารางการลงนามโครงการทวาย เฟส แรก อาจมีการนำเสนอต่อการประชุม ครม. วันอังคารหน้า
Window Dressing เริ่มขึ้น
มุมมองต่อตลาด
เราปรับลดมุมมองการลงทุนเป็น "กลาง" วันแรกในรอบ 4 วันทำการ พร้อมคาด SET INDEX/ SET50 Index จะถูกกดดันจากการปรับน้ำหนักของดัชนี FTSE โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถอดหุ้น BAY ออกจากการคำนวณดัชนีฯ ซึ่งน่าจะมีผลในช่วงท้ายตลาดอยู่ไม่น้อย บวกกับกลุ่มน้ำมันถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับต่ำ เราคาดว่าต่างชาติจะเร่งปิด Short ใน SET50 Index Futures ที่คงเหลือ YTD ราว 2.1 หมื่นสัญญา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาหุ้นเป็นรายตัวมากกว่าดูภาพรวมของ SET INDEX / SET50 Index โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง อย่างกลุ่มสายการบิน และกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากกรณีดังกล่าว อย่างกลุ่มโรงแรม / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
สำหรับปัจจัยในสัปดาห์หน้า เราเชื่อว่าหลังจาก SET INDEX ผ่านการปรับฐานตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นการสร้างฐานที่แข็งแกร่ง เพียงแต่ภาพของการฟื้นตัวของ SET INDEX ที่แข็งแกร่ง จะต้องมีมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นราว 5.0-6.0 หมื่นล้านบาท/วัน มาช่วยสนับสนุน และเป็นการสะท้อนถึงระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งนี้ประเด็นของกรีซ อาจกลายเป็น Noise ที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกได้ในช่วงที่เหลือของเดือนมี.ค. แต่จะถูกชดเชยกับการทำ Window Dressing ของกองทุนในประเทศ แต่แน่นอนว่า Upside gain ของ SET INDEX ยังเป็นไปอย่างจำกัด
ตลาด Nikkei - Kospi (7.25 น.) เปิดลบ 0.20% สอดคล้องกับภาพรวม DJIA ในคืนวานนี้ที่ถูกกดดันจากกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง
กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนที่ขายทำกำไรไปในช่วง 2 วันที่ผ่านมา อาจพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการทำ Window Dressing ในช่วงที่เหลือของเดือนมี.ค. "
Portfolio
Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: TASCO
Speculative Buy: TRUE
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TASCO : ราคาปิด 100.50 บาท ราคาเหมาะสม 120.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้น TASCO จะ Outperform ตลาดในวันนี้ จากอานิสงค์ของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ทรงตัวในระดับต่ำ และเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ US$45.00/barrel
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ลดง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตยางมะตอย ขณะที่ราคาขายยางมะตอยปรับตัวลงในอัตราที่ช้ากว่าต้นทุนที่ลดลง จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2558 ให้เร่งตัวขึ้น
c) ผลักดันให้ผลประกอบการปี 2558 เติบโต +24.8% yoy เป็น 1,500 ล้านบาท และเติบโต +11.9% yoy เป็น 1,679 ล้านบาท
d) Valuation ยังถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 10.2 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 15.0 เท่า และจะเสนอผุ้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติแตกพาร์จาก 10.00 บาท เหลือ 1.00 บาทในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 7 เม.ย.
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. TRUE : ราคาปิด 13.00 บาท ราคาเหมาะสม 14.60 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้น TRUE จะได้อานิสงค์บวกจากการถูกปรับเพิ่มเข้าสู่ดัชนี FTSE Large Cap จากเดิมที่อยู่ในดัชนี FTSE Mid Cap และส่งผลให้เงินทุนต่างชาติจากการปรับน้ำหนักดัชนี FTSE ในวันนี้
b) คาดผลประกอบการ 1Q58 จะโดดเด่น จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน TRUEIF มูลค่า 13,100 ล้านบาท และคาดว่า TRUE จะบันทึกกำไรพิเศษได้ราว 1.5- 2 พันล้านบาท
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการ 2558 ที่จะได้ประโยชน์เต็มปี จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง, ฐานลูกค้า 3G ใหญ่ขึ้น และเสร็จสิ้นการตัดจำหน่ายโครงข่าย 2G ผลักดันให้พลิกกลับเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติ 12,999 ล้านบาท
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก US$716 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$295 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยเล็กน้อย
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 791 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิ 5,671 ล้านบาท
แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีกเล็กน้อย 460 สัญญา รวม 5 วันทำการ Long สุทธิ 13,626 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 8,925 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ short ใน SET50 Index Futures ทั้งหมดที่เปิดไว้ก่อนหน้า อาจรวมถึงการทยอยปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ โดย YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเหลือ 21,889 สัญญา กดให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เหลือ 7.38 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 8.49 จุด
แต่กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง 340 ล้านบาทเท่านั้น น่าจะเป็นการโยกเงินจากตลาดตราสารหนี้เข้าตลาดหุ้นไทย หลังทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะยังไม่ขึ้นไปอีกในช่วง 2Q58 ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 1.52bps ปิดที่ 2.732%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เท่ากับ 764 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 454 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เน้นสะสมกลุ่ม ICT และกลุ่มอสังหาฯ ที่ Valuation ยังถูก
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 973 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 21 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 1,467 ล้านบาท ทั้งนี้แรงขายรายกลุ่มกลับชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด สรุปภาพรวม NVDR ดังนี้
1. กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 551 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 157 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 137 ล้านบาท
2. ขณะที่กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 72 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก ขายสุทธิ 32 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ประธานเฟดสาขาชิคาโก ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป: นาย Evans กล่าวไว้ในบทวิเคราะห์ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรจะคงอยู่ในระดับต่ำนานขึ้น เพราะความไม่แน่นอนทั้งอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงาน ทำให้ความเสี่ยงที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน สิ้นสุดสัปดาห์ก่อน เท่ากับ 2.91 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.93 แสนตำแหน่ง แต่ใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.90 แสนตำแหน่ง
ดุลบัญชีเดินสะพัด 4Q57 ขาดดุล US$1.135 แสนล้าน ขาดดุลสูงกว่า Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$1.05 แสนล้าน และไตรมาสก่อนหน้าขาดดุล US$9.89 หมื่นล้าน
ดัชนี Philadelphia Fed Business Outlook เดือนมี.ค. เท่ากับ 5.0 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 7.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 5.2 จุด ทั้งนี้ คำสั่งซื้อใหม่ หดตัว 13.8 จุด สวนทางกับเดือนก.พ.ที่ 7.3 จุด
ยุโรป
ผู้นำอียูเรียกร้องให้กรีซประนีประนอม เพราะเหลือเวลาไม่มาก: ทั้งนี้นายกฯ กรีซ จะเข้าหารือกับ นายกฯ เยอรมัน ประธานาธิบดี ฝรั่งเศส และ ECB ในวันพฤหัสบดีที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ เจ้าหนี้ ยังคงให้เงินช่วยเหลือกับกรีซ ขณะที่ผู้นำเยอรมันและฝรั่งเศส ยืนยันไม่มีแผนที่จะให้กรีซออกจากอียู
จีน
จีนเริ่มซื้อขายพันธบัตรอายุ 10 ปีล่วงหน้า: จีนจะเปิดให้มีการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลจีน อายุ 10 ปี ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ หลังจากที่อนุญาตให้ซื้อขายพันธบัตรอายุ 5 ปีในเดือนก.ย. 2556
จีนอนุมัติเงินกู้ให้เวเนซูเอล่า US$1.0 หมื่นล้าน: ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ แบ่งเป็น US$5.0 พันล้านจะเป็นการลงทุนร่วมกันด้วยการจัดตั้งกองทุน Chinese - Venezuelan Fund เพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ ในเวเนซูเอล่า ระยะเวลาการชำระเงิน 5 ปี จากเดิม 3 ปี ส่วนอีก US$5.0 พันล้าน จะเป็นการจ้างบริษัทจีนในการเพิ่มกำลังการผลิตในแหล่งขุดเจาะน้ำมันของ PDVSA ระยะเวลาเงินกุ้ 10 ปี คาดว่าจะมีการลงนามในส่วนนี้เดือนมิ.ย.
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
BoI แจ้งยอดลงทุน 2 เดือนแรก 67 โครงการ 1.3 หมื่นล้านบาท: โอไอ เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2558) มีนักลงทุนทั้งไทยและจากต่างประเทศได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 67 โครงการ เงินลงทุนรวม 13,276 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ และสอดคล้องกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ กิจการซอฟต์แวร์ สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล กิจการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และชีวมวล สอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนพลังงานทางเลือก กิจการบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) และกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) สอดคล้องกับนโยบายการเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530