- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 June 2014 16:30
- Hits: 2733
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : ยืน 1,463 สัญญาณซื้อ
Technical : แนวรับ 1,463 / 1,447 แนวต้าน 1,470 / 1,485
หุ้นแนะนำพิเศษ : BBL แนวรับ 190-192 แนวต้าน 196/198
หุ้นเด่นรายวัน : CI TPOLY UMI
วันอังคารตลาดหุ้นไทยปิดบวก 11.89 จุด แนวเดียวกับภูมิภาคขานรับเศรษฐกิจโลกฟื้น/กลุ่มแบงก์นำตลาด ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,469.19 จุด เพิ่มขึ้น 11.89 จุด(+0.82%) มูลค่าการซื้อขาย 64,973.17 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 814.02 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,447-1.485 ตลาดยังคงมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับภาวะการเมืองและเศรษฐกิจเชิงบวกส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และค่าเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างมีความต่อเนื่อง เป็นสัญญาณบวกสนับสนุนการเปลี่ยนแนวโน้มทางเทคนิค โดยการปรับยืนแนวรับ 1,460-1,463 เป็นสัญญาณซื้อ ในขณะที่ SET50 แท่งเทียนสีขาวยาวทดสอบยืน 977 พร้อมกลับตัวสร้างจุดสูงใหม่แนวโน้มยังคงแกว่งตัวขาขึ้นตามSMA5วัน แนวรับสำคัญ 985 / 977 แนวต้าน 1,000 GFM14 เก็งกำไรในกรอบ 19,380-19,620 GFQ14 เก็งกำไรในกรอบ 19,440-19,680
กลยุทธ์ ตลาดมีการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนในรายหลักทรัพย์ เช่น กลุ่มสื่อสาร ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นและมีการเก็งกำไรในหลักทรัพย์ TRUE ราคาโดยเปรียบเทียบกับการคาดการณ์จะถูกกว่า (โครงสร้างการแข่งขัน พันธมิตรทางธุรกิจและเทคโนโลยีที่สร้างความได้เปรียบสูงขึ้น อัตราส่วนทางการเงินคาดว่าจะปรับดีขึ้น D/Eปรับลด ดอกเบี้ยจ่ายมีการเปลี่ยนแปลงทางบวก) กลุ่มพลังงาน เมื่อเทียบกับดัชนีSETแล้วยังขึ้นน้อยกว่ามาก หากมีความชัดเจนเรื่องโครงสร้างราคาพลังงาน คาดจะกลับตัวได้ดีขึ้นมาก แนะนำทยอยซื้อทั้งระยะสั้นและระยะกลาง หุ้นรายหลักทรัพย์ MONO BBL BEC M ระยะกลาง ถือ และซื้อเพิ่มเมื่อปรับตัวลงแรง
หุ้นแนะนำพิเศษ
BBL (ราคาปิด 195 ซื้อ เป้าหมาย 224) ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวยังแข็งแกร่งจากการมีฐานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีเครือข่ายต่างประเทศมากถึง 28 แห่งกระจายอยู่ใน 13 เขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก ล่าสุดเพิ่งเปิดสาขาฉงชิ่งเป็นแห่งที่ 5 ในจีน พร้อมให้บริการครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจสำคัญของจีน ด้านคุณภาพสินเชื่อยังแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) เท่ากับ 210% สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ในช่วงไตรมาสแรกปี 57 มีกำไรสุทธิ 8,965 ล้านบาททรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ คิดเป็น 21% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 57 ที่คาดการณ์ไว้ราว 4.3 หมื่นล้านบาทซึ่งเติบโตราว 20% จากปี 56 ฐานะเงินกองทุนยังแข็งแกร่งโดยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมด 16.8% และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 14.4%
หุ้นเด่นรายวัน
CI (ปิด 1.98 ซื้อเก็งกำไร) ผู้บริหารคาดไตรมาส 2/57 ผลประกอบการพลิกมีกำไรจากการทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ 3.97 พันล้านบาท อาทิจาก โครงการทิวทะเล 2 มูลค่ารวม 1.80 พันล้านบาท, โครงการศรีตะวันปากช่อง มูลค่า 880 ล้านบา และอีซี่คอนโด ส่วนครึ่งปีหลังจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากโครงการศรีพันวา เฟส 2 มูลค่า 900 ล้านบาท ขายเข้ากองทุน นอกจากนี้ CI ยังมีประเด็นข่าวกลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่นเจรจาขอเป็นพันธมิตร เพื่อร่วมลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (ที่มา: ทันหุ้น
TPOLY (ราคาปิด 2.50 บาท ซื้อเก็งกำไร บริษัทคาดผลประกอบการปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรจากที่ปีก่อนชาดทุน 447.67 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้น จากนโยบายในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของสช.ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อธุรกิจก่อสร้างที่มีสัดส่วนรายได้สูงถึง 88% แนวโน้มผลประกอบการใน 2Q57 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสแรกจากสถานการณ์การเมืองเริ่มกลับมาดีขึ้น และจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าช้างแรก ขนาด 10 เมกกะวัตต์ เข้ามาเต็มปี (ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
UMI (ราคาปิด 8.95 ซื้อเก็งกำไร) บริษัทขายที่ดินเปล่ารวมเนื้อที่ 323 ไร่เศษที่จังหวัดสระบุรี ราคาขาย 140 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะยาวเป็นการลดดอกเบี้ยเงินกู้และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงและภาระภาษีบำรุงท้องที่
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* EVER/ IFEC / OCEAN / SUPER มีผลบังคับใช้ 6 พ.ค.-13 มิ.ย. 57
* PAF/ PDI มีผลบังคับใช้ 19 พ.ค. 57 - 27 มิ.ย. 57
* AJP / APCO / EE มีผลบังคับใช้ 26 พ.ค. - 4 ก.ค. 57
* BMCL / RPC มีผลบังคับใช้ 2 มิ.ย. - 10 ก.ค. 57
* RASA มีผลบังคับใช้ 9 มิ.ย. – 18 ก.ค. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : ลดลง 2.82 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.82 จุด ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) รายงานความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น1.4 จุด สู่ระดับ 96.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2550 ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐก็รายงาน สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 1.1% อย่างไรก็ตามเนื่องจากดัชนีที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนเข้ามาเทขายทำกำไรและชะลอการลงทุน ส่งผลให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 2.82 จุด หรือ +0.02% ปิดที่ 16,945.92 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 1.76 จุด หรือ +0.04% ปิดที่ 4,338.00 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 0.48 จุด หรือ -0.02%ปิดที่ 1,950.79 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 6 เซนต์
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 6 เซนต์ เนื่องจากนักลงุทนคลายกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน หลังจากกระทรวงต่างประเทศยูเครนเปิดเผยว่าการเจรจากับรัสเซียมีความคืบหน้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันไม่ได้ลดลงมากนักเนื่องจากยังได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และนักลงทุนเชื่อว่าที่ประชุมกลุ่มโอเปคซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้จะคงเพดานการผลิตน้ำมันของกลุ่มไว้ที่ระดับเดิม 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ 104.35 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 47 เซนต์ ปิดที่ 109.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst :
ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]