WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Time to Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงอ่อนแอ เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน อีกทั้งบรรยากาศรอบเอเชียก็ไม่เอื้อเช่นกัน ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่ลดพอร์ตการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางการลงทุนที่ชัดเจนมากกว่านี้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และซึมตัวลงต่อเนื่องในวานนี้ กดดันหุ้นกลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 25.98 จุด มาอยู่ที่ 1,515.57 จุด มูลค่าการซื้อขายเหลือเพียง 45,358 ล้านบาท
     ขณะที่ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 712 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 5,301 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ หลัง S50H15 ปิดต่ำกว่า 1,000 จุด แต่ยังคงขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 อีกเล็กน้อย 1,320 ล้านบาท สะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นกลางต่อการลงทุนในไทย

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุม ครม.วันนี้ อาจมีการหารือความคืบหน้าโครงการรถไฟรางคู่ ไทย - จีน และ ไทย - ญี่ปุ่น
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มเป็นกลางมากขึ้นต่อการลงทุนในไทย
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX คืนวานนี้ปิดระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ตลาดยังคงกังวลกลับปริมาณสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ และการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของลิเบีย
และติดตามการประชุม BoJ ในวันนี้ Bloomberg consensus คาด BoJ คงเป้าหมายการเพิ่มปริมาณเงินไว้ที่ Yen80 ล้านล้าน/ปี เช่นเดิม

มุมมองต่อตลาด
เราปรับมุมมองการลงทุนเป็น "กลางถึงบวก" วันแรกในรอบ 7 วันทำการ จาก "กลาง" แม้ว่า SET INDEX จะปรับฐานลงหลุดแนว 1,520 จุด ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าก็ตาม แต่หากประเมินจาก downside ของ SET INDEX ณ ปัจจุบัน มีจำกัด แนวรับ 1,500 จุด เชื่อว่าจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หากเกิด Technical Rebound น่าจะได้เห็นการทดสอบที่ 1,550-1,560 จุด อีกทั้ง ณ ปัจจุบัน SET INDEX ซื้อขาย PER15 เท่ากับ 14.79x เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ที่ 1SD เท่ากับ 16.12x
ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติที่ทยอยเข้าสะสมหุ้นไทยเป็นจุดที่น่าสนใจ และเราเชื่อว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะเร่งปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อทำกำไร และนำเงินเข้าเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีลักษณะ Defensive หรือ ยังไม่ขึ้นเครื่องหมาย XD
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้ การเกิด Technical Rebound อาจเป็นไปอย่างจำกัด เพราะยังมีปัจจัยสำคัญที่กำหนดการฟื้นตัว ได้แก่
วันที่ 18 มี.ค. การประชุมเฟด ต่อสัญญาณอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นเมื่อใด
วันที่ 19 มี.ค. ศาลฎีกา แผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะรับพิจารณาคดีทุจริต จำนำข้าว ของอดีตนายกฯ คุณยิ่งลักษณ์
วันที่ 20 มี.ค. การถอดหุ้น BAY ออกจากการคำนวณดัชนี FTSE
อีกทั้ง การอ่อนแอของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ อาจกดดันการฟื้นตัวของกลุ่มน้ำมัน / โรงกลั่น และอาจสร้างความเสี่ยงที่กลุ่มโรงกลั่นจะเผชิญกับการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีกไตรมาส ซึ่งเราไม่แนะนำให้เข้าเก็งกำไรเพื่อหวังเพียง Technical Rebound มาโดยตลอด แต่เราแนะนำให้นักลงทุน เน้น "สะสม" หุ้นหรือกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสายการบิน หรือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
ตลาด Nikkei - Kospi (7.15 น.) เปิดบวกเด่น สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ อีกทั้งค่าเงินในเอเชียเช้าวันนี้อ่อนค่าเล็กน้อย

กลยุทธ์การลงทุน
ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรในหุ้นเป้าหมายที่แนะนำทยอยสะสมไปก่อนหน้านี้ โดยพิจารณาจากผลตอบแทนการลงทุนรอบสั้นราว 5-10% เป็นเกณฑ์ตัดสินใจ แทนการตัดสินใจจากการพิจารณาบน SET INDEX"

Portfolio
Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI/ KTB/ TTA/ ADVANC/ MONO / TASCO/ WHA
Accumulative Buy: TASCO/ TPIPL

Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TASCO : ราคาปิด 97.50 บาท ราคาเหมาะสม 120.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้น TASCO จะ Outperform ตลาดในวันนี้ จากอานิสงค์ของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลง -2.2% dod เหลือ US$43.88/barrel และทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ลดง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตยางมะตอย ขณะที่ราคาขายยางมะตอยปรับตัวลงในอัตราที่ช้ากว่าต้นทุนที่ลดลง จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2558 ให้เร่งตัวขึ้น
c) ผลักดันให้ผลประกอบการปี 2558 เติบโต +24.8% yoy เป็น 1,500 ล้านบาท และเติบโต +11.9% yoy เป็น 1,679 ล้านบาท
d) Valuation ยังถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 9.9 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 14.8 เท่า และจะเสนอผุ้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติแตกพาร์จาก 10.00 บาท เหลือ 1.00 บาทในการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 7 เม.ย.
2. TPIPL : ราคาปิด 2.94 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่ารมว.อุตสาหกรรมจะเสนอแผนการกำจัดขยะอุตสาหกรรมในระยะเวลา 5 ปี ต่อครม.ภายในเดือน มี.ค. 2558
b) เนื่องจาก TPIPL เป็น 1 ในบริษัทที่ตอบรับเข้าร่วมจัดการกากขยะอุตสาหกรรมดังกล่าว และไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากมีบริษัทลูกซึ่งดำเนินธุรกิจกำจัดขยะอุตสาหกรรมอยู่แล้วจึงพร้อมเดินหน้าได้ทันทีหากได้รับการตอบรับจากภาครัฐฯ
c) คาดผลประกอบการ 1Q58 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะจำนวน 18 MW ที่เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบตั้งแต่เดือน ม.ค.2558 และกลางปี 2558 จะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าขยะที่เหลืออีก 55 MW ตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป
d) ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโตถึง +60.8% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และต่อเนื่อง +79.0% เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559 ที่รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าทั้ง 73 MW เต็มปี
e) มีปัจจัยบวกรออยู่คือการเซ็นสัญญาขายไฟฟ้า (PPA) รวม 90 MW กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิงขยะเพิ่มเติมอีก 60MW และโรงไฟฟ้าความร้อนทิ้งโรงงานปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 อีก 30MW ได้ Adder 3.50 บาทระยะเวลา 7 ปี กำหนดขายไฟต้นปี 2560 และยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการของเรา

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก US$311 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$87 ล้าน
ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเพียงตลาดเดียว

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มทยอยสะสมหุ้นไทย พร้อมปิดสถานะ short ใน SET50 Index Futures
   นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นมาอีกนิดเป็น 712 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,350 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 2,214 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 4,645 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 7,388 ล้านบาท
     และคงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 5,301 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 5,397 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 8,925 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ short ใน SET50 Index Futures มากขึ้น ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเหลือ 30,118 สัญญา กดดันให้ S50H15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 6.29 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 11.75 จุด
     แต่คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ เป็นวันที่ 7 เพียง 1,320 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ขายสุทธิ 31,978 ล้านบาท เทียบกับ 10 วันทำการ ซื้อสุทธิ 27,691 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเริ่มเผชิญกับแรงขายมากขึ้น กดดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 1.27bps ปิดที่ 2.747%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,055 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 834 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เน้นลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิอีก 1,328 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 543 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 3,546 ล้านบาท เน้นลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารเป็นสำคัญ สรุปภาพ NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 1,044 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 389 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 150 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 190 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ขายสุทธิ 147 ล้านบาท
2. ขระที่กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 260 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 113 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 80 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาเป็นกลางถึงลบ
ดัชนี Empire State ภาคการผลิตเดือนมี.ค. เท่ากับ 6.9 จุด ใกล้เคียง Bloomberg consensus คาดที่ 7.00 จุด แต่ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 7.78 จุด คำสั่งซื้อใหม่หดตัวลงในเดือนนี้ 2.39 จุด ถือเป็นเดือนที่ 2 ใน 6 เดือนที่คำสั่งซื้อใหม่หดตัว ขณะที่ตลาดการจ้างงานกลับแข็งแกร่ง 18.56 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 10.11 จุด
ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 0.1% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 0.3% mom แต่ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.3% mom ภาคการผลิตหดตัว 0.2% mom จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 0.3% ถือเป็นเดือนที่ 3 ที่ภาคการผลิตหดตัว
ดัชนีตลาดบ้าน เดือนมี.ค. เท่ากับ 53.0 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 56.0 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 55.0 จุด

ยุโรป
ECB เข้าซื้อตราสารหนี้ 9.75 พันล้านยูโร สัปดาห์ก่อน: เป็นการรายงานการเข้าซื้อครั้งแรกของ ECB โดยได้เข้าซื้อตราสารหนี้ของเยอรมันมากที่สุด 2.1 พันล้านยูโร ในช่วง 3 วันแรกของการเริ่มโครงการ และค่าเฉลี่ยอายุตราสารหนี้อยู่ที่ 9 ปี
พัฒนาการของกรีซ
กรีซ เตรียมกำหนดวันจ่ายเงินกู้ให้แก่ IMF ในวันที่ 16 มี.ค. โดยกรีซจะต้องฝากเงินไว้กับ IMF ราว 588 ล้านยูโร ต้องจ่ายอีก 353 ล้านยูโรในวันที่ 20 มี.ค. และรีไฟแนนซ์พันธบัตรระยะสั้นอีก 1.6 พันล้านยูโร ขณะที่กรีซ วางแผนเปิดประมูลขายพันธบัตรระยะสั้น 1.0 พันล้านยูโร ในวันที่ 18 มี.ค.
กรีซ จะเข้าหารือร่วมกับ ผู้นำอียูในวันพฤหัสบดีที่ 19 มี.ค.นี้ ญหาดังกล่าวนี้ไปได้
นายกฯ เยอรมัน เชิญ นายกฯ กรีซ เข้าหารือถึงแนวทางการปฎิรูปการคลัง เศรษฐกิจ ที่เยอรมันในวันที่ 23 มี.ค.

จีน
ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
ยอดส่งออกอินโดนีเซียหดตัวแรง: -16.24% yoy ในเดือน ก.พ. ต่อเนื่องจากเดือน ม.ค.ที่หดตัว 7.71% yoy และเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด -10.40% yoy ยอดนำเข้าหดตัว 16.24% yoy เช่นกัน ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ระดับ US$738 ล้านบาท
ยอดส่งออกของสิงคโปร์หดตัวเช่นกัน: เดือน ก.พ. หดตัว 9.7% yoy จากเดือน ม.ค.ที่ขยายตัว 4.3% yoy และหดตัวแรงกว่าที่ตลาดคาด -0.9% yoy เป็นผลจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, เวชภัณฑ์และปิโตรเคมีหดตัว 12.5%, 22.4% และ 30.9% yoy ตามลำดับ

ดัชนีค้าส่งอินเดียหดตัวแรงสุดในรอบกว่า 10 ปี: เดือน ก.พ. หดตัว 2.06% yoy จากเดือน ม.ค. หดตัว 0.39% yoy และหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดที่ -0.80% yoy อีกทั้งเป็นการหดตัวแรงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2548 นำโดยสินค้ากลุ่มพลังงานหดตัว 14.72% yoy ขณะที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 7.74% yoy

ไทย
รมว.คลัง เดินหน้าเก็บภาษีที่ดิน: การประชุมคณะกรรมการปฏิรูปภาษีภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฉบับสมบูรณ์ไม่มีการปรับแก้ไข เพื่อส่งต่อให้ภาคสังคม วิชาการ ไปพิจารณาภาษีทั้ง 4 อัตรา คือ ที่ดินสำหรับการเกษตร ที่อยู่อาศัย ที่ใช้เชิงพาณิชย์ และที่รกร้างว่างเปล่า ว่าอัตราที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร โดยยืนยันว่าหากยังอยู่ในตำแหน่ง รมว.คลัง จะต้องมีการผลักดันให้ภาษีที่ดินเกิดขึ้นให้ได้ ภาษีที่ดินที่จะจัดเก็บสำหรับที่อยู่อาศัย ในหลักการต้องการให้ ผู้ที่มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยเพิ่มอัตราลดหย่อน จากเดิมอัตราจัดเก็บ ที่ 0.1% ของราคาประเมิน โดยเก็บล้านละ 1 พันบาท ให้ยกเว้นเป็น 1-2 ล้านบาทแรกเสียภาษี 25% ของอัตรา 0.1% จากราคาประเมิน หรือล้านละ 250 บาท บ้าน 2 ล้านเสีย 500 บาทต่อปี โดยบ้านราคาที่ 3-4 ล้านบาท เสียภาษี 50% ของอัตรา 0.1% จากราคาประเมิน หรือล้านละ 500 บาท ดังนั้นถ้าบ้านไม่เกิน 4 ล้านบาท จะเสียภาษีไม่เกิน 1,500 บาทต่อปี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!