- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 March 2015 19:43
- Hits: 1662
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อจังหวะอ่อนตัว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ดิ่งแรง 28.67 จุด ปิดที่ 1531.04 เป็นระดับต่ำสุดของวัน แรงขายนำโดยนักลงทุนสถาบันในประเทศ (ขายสุทธิ 3.2 พันล้านบาท) ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขายโดยโปรแกรมเทรด และพอร์ตบล. (ขายสุทธิ 1.3 พันล้านบาท) สำหรับนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 920 กว่าล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 3.6 พันล้านบาท ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง น่าจะมาจากการขาดปัจจัยบวกใหม่,ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา กำลังซื้อตกต่ำ แต่ประชาชนจะมีภาระภาษีเพิ่ม โดยเฉพาะจากภาษีที่ดิน & สิ่งปลูกสร้างที่กำลังเป็นที่กังวลกัน ส่วนปัจจัยภายนอกมีประเด็นเรื่องกรีซที่จะหารือเรื่องแผนปฎิรูปกับเจ้าหนี้กลุ่มทรอยก้าในวันพุธนี้
สำหรับ วันนี้ยังอยู่ใน Sentiment ที่เป็นลบ แต่น่าจะน้อยลงจากเมื่อวานนี้และมีโอกาสรีบาวด์ตามมาได้ เนื่องจากตลาดฟิวเจอร์สเริ่มปรับบวกทั้งในส่วนของ Down Jones Futures และราคาน้ำมันดิบ ปัจจัยจับตา คือ ผลประชุมกนง.ของไทย และผลประชุมระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ EU, ECB และ IMFเกี่ยวกับแผนปฎิรูปเพื่อรับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ โดยในเรื่องอัตราดอกเบี้ยของไทย ส่วนใหญ่ในตลาดประเมินว่าจะทรงไว้ที่ 2.00% ก่อน แต่ถ้าลดก็จะเป็น Sentiment บวกเล็กๆ ส่วนเรื่องกรีซ ถ้าออกมาว่าตกลงกันได้ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นทางบวก แต่ถ้ายังไม่มีข้อสรุปก็กดดันต่อ กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงเน้นเลือกซื้อเป็นรายบริษัท หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น AEONTS
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ แต่ก็มีโอกาสรีบาวด์ก่อนลงต่ำต่อ แนวต้านระยะสั้นมากให้ไว้ที่ 1540-1550 จุด แนวรับ1530-1520, 1500+/- หรือต่ำกว่า สำหรับการ SCAN หาหุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high พบว่า หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ –ไม่มี-หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ GL, FANCY, SIAM หุ้นที่หลุด List เป็น GENCO, CHG, FORTH, SYNTEC, UNIQ และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ–ไม่มี-
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- กรีซ : จับตาผลเจรจาแผนปฎิรูปกับเจ้าหนี้ รมว.คลังเยอรมนีกล่าวว่าจะไม่มีการช่วยเหลือกรีซจนกว่ากลุ่มเจ้าหนี้จะเห็นชอบ กับแผนปฎิรูปเศรษฐกิจตามที่ได้สัญญากันไว้ โดยกรีซจะเจรจาแผนปฎิรูปกับ EU, ECBและ IMF ในวันนี้ (พุธที่ 11 มี.ค.58) ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่ามีเจ้าหนี้บางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับแผนที่กรีซเสนอ ซึ่งต้องมีการเจรจาต่อรองกันต่อไป
- สหรัฐ : ภาคค้าส่งชะลอตัวในเดือนม.ค.58 สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค.58 เพิ่มขึ้น 0.3%MoM ส่วนยอดขายภาคค้าส่งหดตัว3.1%MoM ต่อเนื่องจากเดือนธ.ค.57 ที่ลดลง 0.9%MoM อัตราส่วนสต็อก/ยอดขายอยู่ที่ 1.27 เท่า เพิ่มจาก 1.22 เท่าในธ.ค.57
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่ง : ดัชนี DJIA ปิด 17,662.94 จุด ร่วงลง 332.78 จุด(-1.85%) ดัชนี S&P500 ปิด 2,044.16 จุด ลดลง 35.27 จุด (-1.70%) และดัชนี NASDAQ ปิด 4,859.79 จุด ลดลง 82.65 จุด หรือ (-1.67%) ปัจจัยฉุดตลาด คือ การแข็งค่าของเงิน US$ และโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด รวมถึงสถานการณ์การเงินกรีซ และ Valuation ที่สูงของตลาด
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง : สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 1.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ร่วง 2.14ดอลลาร์ ปิดที่ 56.39 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยการแข็งค่าของเงิน US$ และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มทำทำสถิติใหม่ต่อเนื่องกดดัน ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ประกาศสัปดาห์นี้จะเพิ่มอีก 4.8 ล้านบาร์เรล
- สัญญาทองคำลดลง : สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ร่วงลง 6.4 ดอลลาร์ หรือ -0.55% ปิดที่ระดับ 1,160.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลักๆมาจากการแข็งค่าของเงิน US$
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• กนง.ประชุมวันนี้ (11 มี.ค.58) : คาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% เนื่องจาก 1) กำลังซื้อที่ซบเซา เพราะหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทำให้การลดดอกเบี้ยจะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้อย่างจำกัด, 2) ภาคส่งออกซบเซาจากกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ และโครงสร้างการนำเข้าสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปเช่น อุปสงค์ HDD ที่ลดลงมาก, การย้ายฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าไปอินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นต้น, มูลค่าส่งออกสินค้าปิโตรเลียม &เคมีภัณฑ์ลดลงตามราคาน้ำมันที่ร่วงแรง, มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร เช่นยางพารา, ข้าว, มันสำปะหลังลดลงเพราะราคาหดตัว & อุปทานกุ้งที่ยังต่ำจากปัญหาโรคระบาด EMS ยังผลให้การลดดอกเบี้ยเพื่อให้เงินบาทอ่อนค่าเพื่อไปกระตุ้นส่งออกอาจช่วยได้ไม่มาก
• ตลาดยังต้องเผชิญกับแรงกดดันกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาไปอีกช่วงหนึ่ง ทาง Retail Research ประเมินว่าแรงกดดันจากความซบเซาของเศรษฐกิจภายในและภาคส่งออก ความไม่แน่นอนภายนอก (รวมถึงการลดลงของราคาน้ำมันที่ถ่วงการลงทุนในกลุ่มพลังาน & ปิโตรเคมี)การฟื้นตัวที่ล่าช้าของกำไรบจ.จะส่งผ่านเข้ามาในตลาดไปอีกระยะหนึ่งและทำให้ตลาดหุ้นจะยังมี Downside อย่างไรก็ตาม การลดลงแรงของตลาดอาจมีโอกาสเกิดรีบาวด์ทางเทคนิคได้
• ผู้ประกอบการและประชาชนกังวลกับภาษีที่ดิน & สิ่งปลูกสร้างล่าสุดสถาบันการเงินกำลังพิจารณาภาระภาษีที่เกิดจาก NPA ที่ได้มาจากการยึดทรัพย์ลูกหนี้ค้างชำระ ธุรกิจโรงแรมประเมินว่าจะทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ธุรกิจที่พักอาศัยมีต้นทุนเพิ่มขึ้น และกลุ่มค้าปลีกที่มีสาขาจำนวนมากและกำลังขยายสาขาเพิ่มเติมมองว่ามีต้นทุนสูงขึ้นและเป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน ขณะเดียวกันประชาชนที่มีทรัพย์สินซึ่งได้รับตกทอดมาแต่ไม่ได้มีกระแสเงินสดมากก็วิตกกับภาระภาษีที่จะเกิดขึ้นเราเห็นว่าทางภาครัฐน่าจะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆเพื่อนำไปปรับปรุงมาตรการก่อนที่จะออกมามีผลบังคับใช้ และคงต้องดูTiming ในการนำมาตรการมาใช้ ซึ่งต้องดูทั้งสถานะของฝั่งผู้จ่ายภาษีและผู้รับเงินภาษีคือรัฐบาลประกอบกัน
+ BTS จ่อปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 5-6% โดยเป็นไปตามสัญญา เริ่ม 1มิ.ย.58 (ค่าโดยสารปัจจุบันอยู่ที่ 15-42 บาท) และเตรียมงบประมาณลงทุนอีก 1.23 แสนล้านบาท รองรับรถไฟฟ้า 6 สาย นอกจากนั้นเตรียมตั้งบริษัทบริหารตั๋วร่วมกับกระทรวงคมนาคม โดยภาครัฐถือหุ้นไม่เกิน50%...เราชอบ BTS ที่มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง จากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและการปรับอัตราค่าโดยสารตามสัญญา นอกจากนั้นยังจ่ายปันผลดี โดยให้ Dividend Yield เฉลี่ยปีละประมาณ 6% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.11 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]