- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 March 2015 19:26
- Hits: 1252
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะลงลึกกว่าคาด แต่ยังมีลุ้นรอบดีดขึ้นให้ทำกำไรได้...
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังไหลลงลึกกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง แต่แรงขายไม่ได้รุนแรงมากนัก ขณะที่แรงซื้อต่างชาติน่าจะพอช่วยสร้างความมั่นใจให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนตลาดให้ขยับขึ้นไปแถว 1570-1580 จุดเป็นอย่างน้อยได้ ดังนั้นยังไม่แนะนำให้ขายถอย โดยน่ารอดูจังหวะขายเฉพาะช่วงบวกกลับดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : THRE, NUSA, CPN(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET กลับมาปรับตัวลงแรงอีกในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของวัน ซึ่งคาดว่ามาจากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการเงินของกรีซ หลังมีข่าวว่ากลุ่มเจ้าหนี้ยังไม่ยอมรับแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลกรีซ ขณะที่เช้านี้ยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงค่อนข้างแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความกังวลที่ว่าการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้ของบริษัทข้ามชาติ ทำให้เช้านี้ SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวด้านลบต่อเนื่องได้อีก อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นในเอเชียไม่ได้ปรับตัวลงรุนแรงมากนัก ส่วนตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะยังปรับตัวลงอยู่ แต่ก็ยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาต่อเนื่อง ประกอบกับดัชนีไหลลงมาเกือบ 100 จุดแล้วในช่วง 4 สัปดาห์นี้ ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นไปแถว 1570-1580 จุดได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นช่วงนี้เรายังแนะนำให้เน้นถือหุ้นไว้ก่อนดีกว่า เพื่อรอดูจังหวะขายปรับพอร์ตเมื่อ SET ดีดกลับ
แนวรับ 1529-1525 , 1518-1515 จุด
แนวต้าน 1540-1545 , 1550-1558 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$268.8 ล้าน อินโดนีเซีย US$37.1 ล้าน และเวียดนาม US$1.1 ล้าน แต่ซื้อเกาหลีใต้ US$68.4 ล้าน ไทย US$35.1 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$10.6 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังเบาบางต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) มุมมองเศรษฐกิจของกนง.จะมีผลอย่างมากต่อตลาดหุ้นมากในวันนี้ แม้เราจะคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 2% แต่มีโอกาสสูงกว่าการประชุมครั้งก่อนหน้าที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยภาคส่งออก (ผ่านการอ่อนค่าของเงินบาท) เพราะเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวอื่น (การลงทุนและการบริโภค) ทำงานไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม มุมมองของกนง.ต่อเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าและการทบทวนตัวเลข GDP (ปัจจุบันคาดปีนี้โต 4%) จะมีผลต่อตลาดหุ้นอย่างมากในวันนี้
(+) GL ออกหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับ J Trust Asia (JTA) US$30 ล้าน หรือประมาณ 900 ล้านบาท และเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการแปลงสภาพ โดยมีราคาแปลงสภาพ 10 บาท การเป็นพาร์ทเนอร์กับ JTA จะเอื้อให้ GL บุกตลาดอินโดนีเซียได้เร็วและง่ายขึ้น และอาจเกิดขึ้นในปีนี้ (JTA เป็นบ.ลูกของกลุ่มการเงินในญี่ปุ่น มีสาขาสถาบันการเงิน 62 แห่งในอินโดฯ) ตลาดอินโดฯมียอดขายรถมอเตอร์ไซค์มากกว่าไทย 4 เท่า จึงเป็น upside ต่อประมาณการของเราในอนาคต ส่วนธุรกิจปัจจุบันในไทยและกัมพูชามีแนวโน้มดีกว่าที่เคยคาด การขยายตัวของสินเชื่อในกัมพูชาโตเร็วมาก ส่วนในไทยมีโอกาสสูงที่จะกลับสำรองหนี้สูญ เราปรับกำไรสุทธิปี 2015-16 ขึ้น 33% และ 60% เป็นเติบโต 377% Y-Y ปีนี้และ 41% Y-Y ปีหน้า ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 15 บาทจากเดิม 7.50 บาท ยังแนะนำซื้อ
(+) TPIPL เราเริ่ม Coverage ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายปีนี้ 3.50 บาท (Sum of the part) เราคาด TPIPL จะมีกำไรสุทธิโตเฉลี่ย 64% ต่อปีในปี 2015-16 จากโรงไฟฟ้าขยะ 18MW ที่ผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ ม.ค. ที่ผ่านมา และอีก 55MW ที่จะเริ่มผลิตไฟฟ้า มิ.ย. นี้ พร้อมกับโรงงานปูนซิเมนต์แห่งที่ 4 (กำลังผลิต 4.5 ล้านตัน/ปี) และกลางปี 2017 จะมีโรงไฟฟ้าขยะอีก 90MW รวมเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าจากขยะทั้งหมด 163MW สร้างความมั่นคงให้รายได้ต่อไปในอนาคต ขณะที่ธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกจะมี Margin ดีขึ้นจากวัตถุดิบที่ปรับลงตั้งแต่กลางปีก่อนถึงปัจจุบัน แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมากแต่ได้ปรับฐานจนเปิด upside กว้างขึ้น จึงเป็นโอกาสในการสะสม
(+) ITD คาดเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวและทวายเดือน มี.ค. นี้ โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่) บริษัทต่อรองราคาสุดท้ายได้ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท คาดเซ็นสัญญาในเดือนนี้และเริ่มก่อสร้างเดือน เม.ย. ส่วนนิคมอุตสากรรมในทวายเฟสแรก คาดสัญญาในเดือนนี้เช่นกัน ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ 2.55 แสนล้านบาทยังไม่รวมโครงการทวาย ซึ่งทำให้ราคาเป้าหมายของเรายังอยู่ที่ 8.10 บาท อิง PBV 2.8 เท่า แม้ราคาหุ้นจะสูงกว่าเป้าของเรา แต่ยังแนะนำเก็งกำไรเพราะบริษัทมีโอกาสได้รับงานอีกมากในอนาคต
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงแรงกว่า 300 จุดหลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทข้ามชาติ นอกจากนี้ยังกังวลต่อสถานการณ์หนี้ของกรีซรวมถึงราคาน้ำมันที่ร่วงลง
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมาปิดในแดนลบเช่นกันหลังมีรายงานว่ากลุ่มเจ้าหนี้อาจไม่ยอมรับแผนปฏิรูปของกรีซ
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เช้านี้ปรับตัวลดลงเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างแรงวานนี้ ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.58-32.72 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 48.29 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 1.71 ดอลลาร์/บาร์เรล จากดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่ารวมถึงคาดการณ์ท่ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัญฯจะปรับตัวสูงขึ้น
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1,160.10 ดอลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.40 เหรียญ/ออนซ์ จากดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่ารวมถึงกระแสคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเร็วกว่าคาดซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 มี.ค. - ไทย: ประชุม กนง.
12 มี.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)
16 มี.ค. - สหรัฐ: Industrial Production (ก.พ.)
17 มี.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (มี.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
17-18 มี.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
20 มี.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.พ.), ธปท.รายงานประมาณการเศรษฐกิจใหม่
23 มี.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
24 มี.ค. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (มี.ค.)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.), ยอดขายบ้านใหม่ (ก.พ.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research