- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 06 March 2015 16:48
- Hits: 1371
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ปรับลงแรงมากแล้วคาดมีลุ้นรีบาวด์ แต่ต้องระวังผันผวน...
กลยุทธ์ : คาด SET มีลุ้นรีบาวด์หลังลงแรงได้ แต่ก็ยังต้องระวังการแกว่งผันผวนอยู่ ดังนั้นเทรดดิ้งสั้นยังเสี่ยงสูง แต่ถ้าซื้อเพื่อลงทุนเราแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AP, ROBINS, CPN(short)
แนวโน้ม : เมื่อวาน SET ปรับลงรุนแรงต่อเนื่อง หลังจากมีแรงขายในหุ้น BAY กดดันตลาด นอกจากนี้ยังมีแรงขายรุนแรงในหุ้น TPIPL ซึ่งก็เป็นหุ้นที่มี Market Cap. ใหญ่พอควรด้วย ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่สดใสนัก อย่างไรก็ตามหลังจาก SET ปรับตัวลงแรงไปแล้ว ก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะแรงซื้อในหุ้นกลุ่มแบงก์ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยพอจะมีจังหวะดีดกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดได้บ้างและยอดซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศยังมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องในบ้านเรา ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศค่อนข้างสดใส หลังประธาน ECB ยืนยันว่าจะเริ่มโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ครั้งใหม่ในวันจันทร์ที่ 9 มี.ค.นี้ น่าจะพอช่วยหนุนให้ SET พลิกกลับมาแกว่งบวกอีกครั้งได้ อย่างไรก็ตามยังต้องตามระวังการแกว่งผันผวนอยู่ด้วย หลังตัวเลขจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐพุ่งขึ้นอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจยังต้องการรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันนี้(6 มี.ค.) ก่อนได้
แนวรับ 1550-1545 , 1540-1537 จุด
แนวต้าน 1557-1563 , 1566-1570 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ในปริมาณเบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$102 ล้าน ไทย US$31 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$2.8 ล้าน และเวียดนาม US$1 ล้าน แต่ขายอินโดนีเซีย US$16 ล้าน และไต้หวัน US$5 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow จะยังไหลเข้าต่อแต่เบาบาง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ASK กำไรสุทธิ 4Q14 ที่เพิ่ม 4% Q-Q และ 8% Y-Y มากกว่าคาดเพราะการตั้งค่าเผื่อหนี้สูญน้อยกว่าคาด หากตัดสำรองฯออก กำไรจากการดำเนินงานเป็นไปตามคาด โดยลูกหนี้เงินให้สินเชื่อเพิ่ม 0.8% Q-Q และ 4.2% Y-Y สวนทางกลุ่มเช่าซื้อรถ สะท้อนความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าและการปรับกลยุทธ์ที่หันไปเน้นสินเชื่อรถบรรทุกมากขึ้น ทำให้กำไรปี 2014 โต 5% Y-Y เราปรับกำไรสุทธิปี 2015 ขึ้น 5% เป็นเติบโต 13% Y-Y จากการปรับสินเชื่อเป็นเติบโต 15% จาก 10% เพราะเชื่อว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกและปิกอัพจะได้ประโยชน์ตามการเติบโตของการก่อสร้างในประเทศ การค้าชายแดน และการฟื้นตัวของภาคส่งออก และปรับราคาเป้าหมายเป็น 27 บาทจากเดิม 24 บาท ยังคงแนะนำซื้อ ปัจจุบัน ASK มี PE เพียง 10.7 เท่าและให้เงินปันผลตอบแทนสูงถึง 6% ต่อปี
(+) SVI จากการเยี่ยมชมโรงงานวานนี้ เราพบว่าบริษัทได้เร่งฟื้นฟูกำลังการผลิตกลับมาเท่ากับช่วงก่อนไฟไหม้ภายในสิ้น 1Q15 และคาดจะทยอยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตได้ใกล้เคียงก่อนไฟไหม้ตั้งแต่ 3Q15 เป็นต้นไป ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เราเคยคาดไว้ในขณะที่จำนวนลูกค้าทุกรายยังอยู่ครบ และมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2015 ขึ้น 36% เป็นเติบโต 9% Y-Y และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 5.20 บาท จากเดิม 3.50 บาท โดย Re-rate PE ให้กลับไปเท่ากับช่วงก่อนเกิดไฟไหม้ที่ 14 เท่า จากเดิม 13 เท่า และเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ
(+) CK มี Backlog สิ้นปี 2014 อยู่ที่ 9.36 หมื่นล้านบาท รับรู้เป็นรายได้ในระยะ 2-5 ปีข้างหน้า และมีงานรอเซ็นสัญญาคืองานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำบาก มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะเซ็นสัญญาก่อสร้างได้ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2015 ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เรายังคงคาดกำไรปกติปีนี้ไว้ก่อนที่ 1.24 พันล้านบาท -0.5% Y-Y และราคาเป้าหมายที่ 33 บาท คงแนะนำซื้อ
(-) RS กำไรสุทธิใน 4Q14 ลดลง 84% Q-Q และ 55% Y-Y ต่ำกว่าคาดมากจากต้นทุนที่สูงกว่าคาด ผู้บริหารคาดว่ากำไรใน 1Q15 ไม่สดใส อาจทำได้ไม่เกิน 10 ล้านบาทเพราะตลาดโฆษณาซบเซามากในช่วง 2 เดือนแรก ประกอบกับต้นทุน Content ของช่องทีวีดิจิตอล (ช่อง 8) เพิ่มขึ้นเพราะมีการเพิ่มละครและวาไรตี้ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เราคิดว่าเร็วเกินไปที่จะปรับประมาณการลงแต่ยอมรับว่ากำไรในปีนี้ที่คาด 588 ล้านบาท +59% Y-Y มี downside และราคาหุ้นเกินเป้าของเราที่ 18.70 บาท ลดคำแนะนำเป็นขาย จากถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 2 วันหลังประธาน ECB ยืนยันว่าจะเริ่มใช้ QE ในวันจันทร์ที่ 9 มี.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ที่ผ่านมาปรับตัวในแดนบวกได้เช่นกันจากแรงหนุนหลัง ECB ระบุวันที่จะเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกได้เช่นกันจากบรรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกและจับตาดุตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯคืนนี้
ค่าเงินบาทแกว่งตัวค่อนไปในทางอ่อนค่า ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.37-32.48 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 50.76 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 0.77 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนยังกังวลเรื่องอุปทานที่ล้นตลาด แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบเริ่มดีดตัวขึ้นเช้านี้จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1,196.20 ดอลาร์/ออนซ์ ลดลงอีก 4.70 เหรียญ/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร รวมถึงแรงขายหลังราคาพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้าหลัง ECB ประกาศเริ่มใช้ QE ในวันจันทร์หน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 มี.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.พ.) (ตลาดคาดเพิ่ม 2.45 แสนราย ลดลงจากเดือนก่อนที่เพิ่ม 2.57 แสนราย)
- ยูโรโซน: 4Q14 GDP
8 มี.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.พ.)
10 มี.ค. -จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
11 มี.ค. - ไทย: ประชุม กนง.
12 มี.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)
16 มี.ค. - สหรัฐ: Industrial Production (ก.พ.)
17 มี.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (มี.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
17-18 มี.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
20 มี.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.พ.)
23 มี.ค. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.พ.)