- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 05 March 2015 16:01
- Hits: 1121
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังปรับลงแต่คาดลุ้นทรงตัวและใกล้รีบาวด์ จึงเน้นถือ!
กลยุทธ์ : เรายังคาดว่า SET ปรับลงเพื่อสร้างฐานสำหรับลุ้นรีบาวด์ขึ้นใหม่ ดังนั้นซื้อเพื่อถือลงทุนเราจึงแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อนได้ แต่เทรดดิ้งสั้นยังต้องระวังการแกว่ง เพราะคาดว่า SET ยังอยู่ระหว่างแกว่งสร้างฐานเพื่อขึ้นต่อ
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ERW, AAV, LOXLEY(short)
แนวโน้ม : ในช่วงวันหยุดของตลาดหุ้นไทยวานนี้(4 มี.ค.) ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลงกันพอควร จากความวิตกต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง หลังตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐช่วงนี้ยังไร้ทิศทางชัดเจน โดยเฉพาะแนวโน้มตลาดแรงงานของสหรัฐที่ผลสำรวจของ ADP ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน ก.พ. ทำให้นักลงทุนบางส่วนต้องการรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในคืนวันศุกร์นี้อีกครั้ง(6 มี.ค.) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นลบต่อจากวานนี้ ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้จะเริ่มกลับมาปิดบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร เพื่อลุ้นผลประชุม ECB ในวันนี้(5 มี.ค.) ก็ตาม ขณะที่ SET มีแรงขายกดดันมาตั้งแต่ช่วงท้ายสัปดาห์ก่อนแล้ว ทำให้ FSS คาดว่าดัชนียังมีสิทธิเคลื่อนไหวในด้านลบได้อีก อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากรอบการปรับลงจะเริ่มแคบมากขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมา SET ปรับลงมาพอควรแล้ว ดังนั้นยังลุ้นแกว่งทรงตัวก่อนกลับไปแกว่งขึ้นได้เช่นเดิม
แนวรับ 1562-1560 , 1555 จุด
แนวต้าน 1570-1573 , 1580-1585 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันที่ 9 ในปริมาณที่หนาแน่น โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$224 ล้าน ไต้หวัน US$210 ล้าน เวียดนาม US$4 ล้าน อินโดนีเซีย US$1 ล้าน และเวียดนาม US$0.1 ล้าน ขณะที่ไทยปิดทำการ ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) จีนปรับเป้า GDP ปีนี้ลงเป็น 7% จีนเริ่มการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติครั้งที่ 12 วันนี้ นายกฯได้แถลงในการประชุมว่าปรับลดเป้า GDP ในปี 2015 เป็น 7% ต่ำกว่าการขยายตัวในปี 2014 ที่ 7.4% และเป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี ทั้งนี้ IMF ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีนในปีนี้เป็น 6.8% และเป็น 6.3% ในปี 2016 เศรษฐกิจจีนที่ชะลอเป็นผลลบต่อราคาโภคภัณฑ์ทั้งน้ำมัน ปิโตรเคมี และสินค้าเกษตร
(-) ค่าเงินบาทรีบาวนด์ กลับมาอ่อนค่า หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินทุกสกุลแม้ว่าการจ้างงานของภาคเอกชน (ADP Report) เดือน ก.พ. จะเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด (เพิ่ม 212,000 ราย เทียบกับตลาดคาด 219,000 ราย) แต่ถือว่าอยู่ในระดับสูง ทำให้คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศคืนวันศุกร์นี้น่าจะออกมาดีเช่นกัน และอาจนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ที่เร็วกว่าตลาดคาด
(+) THREL กำไรสุทธิใน 4Q14 ที่เพิ่ม 101% Q-Q และ 58% Y-Y ดีกว่าที่เราคาดเพราะมีกำไรจากการขายเงินลงทุน 50 ล้านบาท แต่ในส่วนของธุรกิจประกันภัยมีกำไรน้อยกว่าคาด เพราะเบี้ยประกันรับที่ยังลดลง 4.5% Q-Q และอัตราค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเกินคาด 31% Q-Q จากค่าชดเชยในประกันประเภท Credit life ทำให้กำไรสุทธิปี 2014 ลดลง 3% Y-Y จากค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย (ค่าสินไหมทดแทนและค่าบำเหน็จ) เพิ่มสูงขึ้น เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2015 ลง 10% แต่ยังโต 17.7% Y-Y แต่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อราคาเป้าหมายจึงคงราคาเป้าหมายที่ 18.90 บาท เรายังคงแนะนำซื้อเพราะมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจประกันชีวิตในระยะยาวจากสังคมที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น
(0) BDMS จากการประชุมนักวิเคราะห์วันก่อน เรายังมีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตโดย BDMS มองไกลกว่า AEC ไปสู่ตลาด Asia-Pacific ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง โดยใช้ข้อได้เปรียบในเรื่องราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งอื่นในภูมิภาค BDMS ยังตั้งเป้าจำนวนโรงพยาบาล 50 แห่งภายในปี 2016 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 40 แห่ง (จะเปิดอีก 3 แห่งใน 2 ปีข้างหน้า) และมีแผนสร้างตึกใหม่อีก 6 ตึกในบริเวณซอยศูนย์วิจัย คาดทำให้จำนวนเตียงเพิ่มขึ้น 360 เตียง (7% ของจำนวนเตียงในปัจจุบัน) เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2015 โตโดดเด่น 27% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 20.50 บาท แม้ราคาหุ้นเต็มมูลค่าแต่ยังแนะนำถือ เพราะยังมี upside จาก M&A ในอนาคต
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปิดร่วงลงต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) อีก 106.47 จุดหรือคิดเป็น -0.58% เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังผลสำรวจของ ADP ระบุว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน ก.พ.
แต่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้พลิกกลับมาปิดแดนบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนดจับตาดูการประชุม ECB ในเย็นวันนี้บ้านเรา (5 มี.ค.)
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังลงต่อ เพราะขาดปัจจัยหนุนใหม่
ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงมาแกว่งในกรอบ 32.34-32.44 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 51.53 เหรียญ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นอีก 1.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับรายงานของเฟดที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวได้เกือบทุกภูมิภาค
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปิดที่ 1200.90 ดอลาร์/ออนซ์ ร่วงอีก 3.5 เหรียญ/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยังแข็งค่าขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐยังสดใส
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 มี.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
- จีน: การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (NPC) ครั้งที่ 12
- สหรัฐ: รายงาน Beige Book
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
6 มี.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.พ.) (ตลาดคาดเพิ่ม 2.45 แสนราย ลดลงจากเดือนก่อนที่เพิ่ม 2.57 แสนราย)
- ยูโรโซน: 4Q14 GDP
8 มี.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.พ.)
10 มี.ค. -จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
11 มี.ค. - ไทย: ประชุม กนง.
12 มี.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)
16 มี.ค. - สหรัฐ: Industrial Production (ก.พ.)
17 มี.ค. - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (ก.พ.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research